“PORSCHE ขยายตัวมากขึ้น ทั้งผลิตภัณฑ์ และยอดขาย รู้สึกเหมือนได้อันลอคบแรนด์” ธนบดี กุลทล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย PORSCHE ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป กล่าว
4 WHEELS : อุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้จะเป็นอย่างไร ?
ธนบดี : ผมทำงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมานาน 18 ปี ผ่านอุปสรรคหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ต้มยำกุ้ง COVID-19 และกลับมาฟื้นตัวได้ ดังนั้น ธุรกิจยานยนต์จึงมีขึ้นมีลง เคยมีผู้ใหญ่ในวงการสอนว่า เมื่อธุรกิจเติบโต ดีเลอร์ต้องกอบโกย ทำกำไร เมื่อธุรกิจอยู่ในช่วงขาลงก็นำกำไรมาใช้ ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ได้เปลี่ยนแค่เครื่องยนต์เท่านั้น แต่มีค่ายใหม่เข้ามามีบทบาทในตลาดเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
สำหรับรถระดับพรีเมียมลักชัวรี ยังไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก แต่สุดท้ายก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน อาจเป็นเพราะช่วงนี้ยังไม่มีบแรนด์ที่เป็นพรีเมียม หรือลักชัวรีเข้ามาทำตลาด แต่อย่างไรก็ตาม การเข้ามาทำตลาดพรีเมียมนั้นจะต้องมีประวัติ มีเรื่องราว อย่าง PORSCHE เริ่มทำตลาดรุ่น 911 ตั้งแต่ปี 1948 เป็นรถสปอร์ทมาตลอด ไม่ใช่เข้ามาแล้วบอกว่าเป็นบแรนด์ลักชัวรี มันต้องใช้เวลาให้คนเข้าใจ และยอมรับ
ในปี 2023 PORSCHE ส่งมอบรถไปทั้งหมด 1,445 คัน ทำให้คาดการณ์ว่ายอดส่งมอบรถของปี 2024 น่าจะเทียบเท่ากับปีที่แล้ว หรือว่าดีกว่า โดยในช่วง 6 เดือนแรก ได้ส่งมอบรถไปแล้วประมาณ 800-900 คัน เพราะถึงแม้ปีนี้จะเป็นปีที่มีการปรับโฉมใหม่ของผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นทั้ง MACAN, TAYCAN, PANAMERA และ 911 แต่ด้วยสถานการณ์ของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศจึงมองว่ายอดจำหน่ายรวมของบริษัทในปีนี้จะทรงตัว
4 WHEELS : PORSCHE วางนโยบาย และทิศทางการตลาดไว้อย่างไร ?
ธนบดี : PORSCHE มีสโลแกน คือ DRIVEN BY DREAM เพื่อตอบสนองลูกค้าที่มีความใฝ่ฝันจะได้ขับ PORSCHE โดยมีรถให้เลือก และพร้อมส่งมอบ และสร้างความพอใจให้ลูกค้า ซึ่งการมีรถเป็นทางเลือกหลากหลาย ส่งผลให้ PORSCHE ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น กลุ่มผู้หญิง หรือกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันลูกค้าผู้หญิงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะก่อนหน้านี้ PORSCHE ถูกมองภาพเป็นรถสปอร์ทที่เหมาะกับผู้ชาย เหมาะกับผู้ขับรถเร็ว แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันเป็นรถที่มีสมรรถนะดี สร้างความพึงพอใจในการขับขี่สำหรับทุกคน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เพราะหากพูดถึงรถยนต์ อาจมีแรงม้า แรงบิด ใกล้ๆ กันได้ แต่สิ่งที่จะสร้างความแตกต่าง คือ อารมณ์ความรู้สึกที่ได้จากการขับ
เราคาดหวังว่า การขยายฐานลูกค้ามากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา มีลูกค้าใหม่เข้ามาเยอะ ในจำนวนนั้นลูกค้าเฉลี่ยอายุน้อยลง สัดส่วนเป็นผู้หญิงเยอะขึ้น อาจเป็นเพราะราคาดี ประกอบกับการดีไซจ์นตัวรถ อีกทั้งยังมีสีให้เลือกจำนวนมาก
นอกจากนี้ PORSCHE จะมุ่งเน้นสร้างการรับรู้ให้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้สัมผัสผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การเข้าร่วมงานแสดงรถยนต์ การจัดกิจกรรมให้ลูกค้า การเปิด AAS HOUSE ที่ศูนย์การค้าเอมสเฟียร์ ที่เป็นการขยายกลุ่มลูกค้าให้สัมผัสบแรนด์ได้สะดวก และง่ายขึ้น รวมถึงการสร้างสีสันใหม่ให้รถ PORSCHE ไม่ว่าจะเป็นสีชมพู สีฟ้าอ่อนของ TAYCAN และสีพโรวองศ์ของ MACAN ซึ่งแฟชันของ PORSCHE ไม่ใช่แค่ตัวรถเท่านั้น แต่ PORSCHE ยังได้สร้างความแตกต่างของบแรนด์ ที่สร้างความหลงใหลให้แก่ลูกค้า เช่น พวงกุญแจที่ออกแบบเป็นรูปทรงของรถ PORSCHE
ส่วน AAS HOUSE เป็นการขยายการบริการของเอเอเอส กรุ๊ป และเป็นการสร้างคอมมูนิทีเชื่อมโยงลูกค้าให้มาพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน โดยที่นี่จะเป็นจุดศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมต่างๆ ของเอเอเอส กรุ๊ป และการเรียนรู้เกี่ยวกับยานยนต์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่
นอกจากนี้ AAS HOUSE ยังมีการออกแบบที่ทันสมัย และสวยงาม เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย และหรูหรา โดยจัดแสดงรถยนต์ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ สำหรับผู้ที่รักการขับขี่ รวมถึงมีทีมงานมืออาชีพคอยให้คำแนะนำ และบริการ พร้อมบริการเสิร์ฟเครื่องดื่มสูตรเฉพาะจาก SHADE COMMUNE ร้านกาแฟแบบ COFFEE SPECIALTY ภายใต้เอเอเอส กรุ๊ป
แกลเลอรีแห่งใหม่นี้ประเดิมด้วยโชว์เคสจาก PORSCHE ประเทศไทย “THE NEW ALL-ELECTIRC MACAN” เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100 % คันแรกของ PORSCHE ประกอบด้วยรุ่น MACAN 4 ELECTRIC และ MACAN TURBO ELECTRIC เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้ยลโฉมที่ศูนย์การค้าเอมสเฟียร์ ชั้น 2 และจะมีการสับเปลี่ยนการจัดแสดงรถยนต์จากเอเอเอส กรุ๊ป อย่างต่อเนื่อง
MACAN 4 ELECTRIC และ MACAN TURBO ELECTRIC มาพร้อมพแลทฟอร์มไฟฟ้าพรีเมียม 800 โวลท์ มอเตอร์ไฟฟ้าของ MACAN ใหม่ ได้รับพลังงานจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ซึ่งติดตั้งอยู่ที่ตัวถังด้านล่าง มีความจุพลังงานรวม 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง แบทเตอรีแรงสูง (HV) เป็นส่วนประกอบหลักของพแลทฟอร์มไฟฟ้าระดับพรีเมียม (PPE) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมรองรับกำลังไฟฟ้าถึง 800 โวลท์ ซึ่ง PORSCHE นำมาใช้เป็นครั้งแรกใน MACAN ใหม่
MACAN สามารถชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง หรือ DC ได้สูงสุด 270 กิโลวัตต์ ชาร์จแบทเตอรีจาก 10-80 % ภายในเวลาประมาณ 21 นาที สำหรับสถานีชาร์จ 400 โวลท์ รถสามารถแบ่งแบทเตอรี 800 โวลท์ ออกเป็น 2 ส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จ ทำให้สามารถชาร์จไฟได้สูงสุด 135 กิโลวัตต์ นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ผ่าน WALLBOX ที่บ้าน และสามารถชาร์จไฟคืนสู่แบทเตอรีขณะขับขี่ได้สูงสุด 240 กิโลวัตต์