ผลทดสอบต่างแดน
โตโยตา ปราโด ดวลเดือด มิตซูบิชิ ปาเจโร
นับแต่ทศวรรษ 90 เป็นต้นมา ถือเป็นยุคทองของรถเอสยูวี ในประเทศออสเตรเลีย ที่ก้าวขึ้นมาเป็นรถคันแรกในบ้าน ด้วยการตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย รวมไปถึงเอสยูวีหรูหราระดับกลาง ที่เปี่ยมประโยชน์ใช้สอย สมรรถนะสูง และความสะดวกสบาย ทำให้รถในกลุ่มนี้มีการแข่งขันรุนแรงขึ้น จนปี 1996 ที่ โตโยตา ปราโด สร้างประวัติการณ์สามารถทำยอดขายขึ้นนำ มิตซูบิชิ ปาเจโร ไปได้
ปีนี้ มิซูบิชิ ปาเจโร กลับมาผงาดอีกครั้ง กับความเพียบพร้อมที่มากขึ้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน วี 6 24 วาล์ว ความจุ 3.8 ลิตร พร้อมระบบทแรคชัน คอนโทรล และสเตบิลิที คอนโทรล ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาจากโรงงาน หวังจะโค่นแชมพ์เก่า ปราโด ให้ลง เพื่อความแน่นอน เราจึงจับมาเปรียบมวยกันอย่างจะๆ ทั้ง ปราโด และปาเจโร
คู่แรกเป็นการประหมัดกันระหว่างรุ่นรองคือ ปาเจโร จีแอลเอส และปราโด จีเอกซ์แอล ซึ่งมีระดับราคาเท่าๆ กัน และอุปกรณ์ระดับเดียวกัน ปราโด มีระบบเกียร์ให้เลือกทั้งแบบธรรมดา และอัตโนมัติ เครื่องยนต์ความจุ 4.0 ลิตร ส่วนปาเจโร วางเครื่องยนต์ความจุ 3.8 ลิตร กับระบบเกียร์อัตโนมัติ แต่ถ้าต้องการใช้เกียร์ธรรมดา จะเป็นเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร ส่วนเรื่องของราคานั้น ปาเจโร แพงกว่า แต่มีอุปกรณ์มาตรฐานที่แตกต่างกันคือ สเตบิลิที คอนโทรล และทแรคชัน คอนโทรล ขณะที่ ปราโด มีระบบดิฟฟ์ลอค เฟืองขับ อุปกรณ์มาตรฐานที่มีให้ทั้งคู่คือ ระบบปรับอากาศ กระจกไฟฟ้า ล้ออัลลอย บันไดข้าง ระบบเบรคเอบีเอส เบาะนั่งแถวที่สาม จะมีที่แตกต่างกันคือ เครื่องเสียงพร้อมเครื่องเล่นซีดี ส่วนปราโด มีถังน้ำมันเชื้อเพลิงให้สองถัง
มวยรุ่นใหญ่คือ ระดับรุ่นทอพ ปาเจโร เอกซ์ซีด กลับมีราคาถูกกว่า ปราโด แกรนด์ ทำให้ ปราโด แกรนด์ เพิ่มระดับความหรูหราขึ้นไปด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน อาทิ ช่วงล่างแบบถุงลม และชอคอับปรับระดับความสูง ระบบปรับอากาศแยกในด้านหลัง ตู้แช่ ระบบทริพ คอมพิวเตอร์ ซันรูฟหลังคา ถุงลมนิรภัยด้านข้างรวมถึงด้านหลังสำหรับผู้โดยสารหลัง อุปกรณ์ภายในที่ติดตั้งมาใน ปราโด ทั้งสองรุ่นคือ เบาะ และพวงมาลัย หุ้มด้วยหนังแท้ ขณะที่ เอกซ์ซีด ใช้หนังแท้ และลายไม้
สำหรับเครื่องยนต์นั้น ปราโด ทั้งสองรุ่น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี 6 ความจุ 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 243 แรงม้า ที่ 5,200 รตน. และแรงบิด 38.3 กก.-ม. ที่ 3,800 รตน. ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ สำหรับ แกรนด์ พร้อมระบบทรานสเฟอร์ และเซนเตอร์ ดิฟฟ์ ลอคกิง ทั้งด้านหน้า/หลัง เครื่องยนต์ของ ปราโด
จัดว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีการทำงานที่นุ่มนวลมาก นอกจากช่วงรอบปานกลางที่ไม่ราบเรียบเท่าไร การตอบสนองการขับขี่โดดเด่น ทั้งแรงบิด และแรงม้าที่เหลือกินเหลือใช้ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ทำงานอย่างนุ่มนวล และรวดเร็ว ไม่ว่าจะใช้งานในเมือง หรือบนไฮเวย์ ก็ตาม
ส่วน ปาเจโร ที่ได้เครื่องยนต์เบนซิน วี 6 3.8 ลิตรใหม่ เมื่อเทียบกับเครื่องของ ปราโด แล้ว พบว่า ปาเจโร มีเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ดังกว่า กำลังสูงสุดของเครื่องนี้ทำได้ 204 แรงม้า ที่ 5,000 รตน. แรงบิด 32.0 กก.-ม. ที่ 3,250 รตน. จะเห็นว่า ปาเจโร มีพลังขับเคลื่อนต่ำกว่า ทั้งแรงม้าและแรงบิด แต่ด้วยน้ำหนักที่ต่ำกว่า ปาเจโร จึงสามารถทำอัตราเร่งได้ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะอัตราเร่ง 60-80 กม./ชม. เอกซ์ซีด กินขาด ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ที่ให้การส่งกำลังอย่างต่อเนื่อง และนุ่มนวลเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ส่วนระบบขับเคลื่อนของ ปาเจโร มีระบบพาร์ทไทม์/ฟูลล์ไทม์ ซูเพอร์ ซีเลคท์
พร้อมโหมด 4x4 โดยรวมแล้วเหมือนกัน แต่ ปราโด แตกต่างด้วยระบบขับเคลื่อนสองล้อ สำหรับค่าความสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยแล้ว ปาเจโร จะมีความสิ้นเปลืองมากกว่า แต่ก็ไม่ดุเดือดมากนัก
การตอบสนองการขับขี่บนทางเรียบ ปาเจโร เหนือกว่า ทั้งการยึดเกาะ ความแม่นยำของระบบบังคับทิศทาง จึงสามารถสรุปได้ว่า ปาเจโร มีความมั่นคงเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ส่วน ปราโด จัดว่าไม่เลว โดยเฉพาะคนที่ชอบพวงมาลัยที่ค่อนข้างหนึบ แน่นกว่า แม้คุณภาพของยางจะสู้ไม่ได้ และการทรงตัวด้อยกว่าเล็กน้อย สำหรับ ปราโด แกรนด์ ซึ่งใช้ระบบรองรับถุงลม ที่มีระยะการเคลื่อนตัวดีกว่า แต่ในการใช้งานจริงระบบรองรับแบบคอยล์สปริงกลับให้การทรงตัวที่มั่นคงกว่า บนทางลูกรังในความเร็วต่ำ ปาเจโร มั่นคงมากกว่า มีเสียงรบกวนเข้ามาในห้องโดยสารโดยเฉพาะบนทางขรุขระ ขณะเดียวกัน ปราโด สามารถเก็บเสียงดีกว่า และนุ่นนวลกว่า ระบบเบรคของทั้งสองค่ายเลือกใช้แบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อนรอบข้าง พร้อมระบบเอบีเอส และอีบีดี การตอบสนองการเบรค ปาเจโร ให้ความมั่นใจสูงกว่า แต่ถ้าวัดประสิทธิภาพการเบรคแล้ว ทำได้เท่าเทียมกัน
สำหรับระบบการขับเคลื่อนในเส้นทางวิบาก จะมี ปราโด จีเอกซ์แอล เพียงหนึ่งเดียวที่ไม่มี ระบบทแรคชัน คอนโทรล มีเพียงดิฟฟ์ลอค เท่านั้น ถ้าเทียบกันแล้วระบบช่วงล่างถุงลม จะมีระยะเคลื่อนตัวมากกว่าระบบรองรับคอยล์สปริงของ ปาเจโร เมื่อก้มดูใต้ท้องของ ปราโด จะเห็นว่ามีอุปกรณ์ป้องกันความเสียหายน้อยมาก เป็นเพราะความได้เปรียบของระบบถุงลม
เข้ามาภายในของรุ่นรองของทั้งสองค่าย เบาะของ ปาเจโร จีแอลเอส จะมีส่วนที่โอบกระชับมากกว่าปราโด จีเอกซ์แอล ส่วนเบาะหลังของ ปราโด โอบกระชับมากกว่า อุปกรณ์ภายในของ ปราโด จะมีเกรดเหนือกว่า การใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ นับว่าเพียบพร้อมทั้งประสิทธิภาพ และความสะดวกในการใช้งานในระดับเท่าเทียมกัน
สำหรับรุ่นทอพของ ปราโด ภายในโดดเด่นด้วยเบาะหนังแท้สีครีม เดินขอบสีน้ำตาล สวยงาม และหรูหรา กว่าของ ปาเจโร เล็กน้อย นอกจากนั้นคือจะต้องสร้างความคุ้นเคยกับการใช้งานระบบเครื่องเสียง และระบบนำทางด้วยดาวเทียมเสียก่อนจึงจะสามารถสัมผัสกับความสะดวกสบายที่แท้จริงจาก ปราโด แกรนด์
มิตซูบิชิ พยายามงัดกลยุทธ์เข้ามาใช้กับรถรุ่นใหม่เพื่อเป็นการต้านกระแสการแข่งขันที่รุนแรงจากปราโด ด้วยการติดตั้งระบบทแรคชัน และสเตบิลิที คอนโทรล เพื่อความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพการทรงตัวที่เหนือกว่า ขณะเดียวกันการตั้งราคาที่ต่ำกว่าของรุ่นทอพ จะเป็นการดึงลูกค้าจากกลุ่ม ปราโด ให้หันมาเลือก ปาเจโร รุ่นทอพ แทน สำหรับการเทียบกันในรุ่นรองที่ ปราโด จะอยู่นิ่งไม่ได้แม้จะมีราคาต่ำกว่า แต่ ปาเจโร มีระบบดังกล่าว ที่มีทั้งความก้าวหน้า สะดวกสบาย และปลอดภัยเป็นตัวชูโรง
เรื่องโดย : อกนิษฐ์ ทัพภะสุต
ภาพโดย : 4x4 AUSTRALIA
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบต่างแดน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56529