เยอรมนี-ต้นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2567 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ผู้ผลิตรถยนต์เมืองเบียร์เจ้าของเครื่องหมายการค้า “สี่ห่วง” สร้างข่าวกระตุ้นความสนใจของผู้อยากเป็นเจ้าของรถกิจกรรมกลางแจ้ง โดยการเปิดตัวรถ AUDI Q5 (เอาดี คิว 5) รุ่นใหม่ พร้อมเริ่มรับการสั่งจอง และยืนยันว่าในเยอรมนี และบางประเทศในยุโรป รถจะเริ่มออกโชว์รูมในไตรมาสแรกของปี 2025
AUDI Q5 เป็น MID-SIZE LUXURY CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งระดับหรูขนาดกลาง ซึ่งเริ่มการจำหน่ายเมื่อปี 2008 และเปลี่ยนรุ่นไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2016 เป็นรถขายดีมาก คือ เป็นหนึ่งในบรรดารถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดกลางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเยอรมนี และในยุโรป ต่อเนื่องกันมายาวนานถึง 15 ปี และเมื่อปีกลายก็เป็นรถขายดีที่สุดของค่าย “สี่ห่วง” เพราะสามารถขายในทุกตลาดได้มากถึง 334,480 คัน หรือวันละ 916 คันโดยเฉลี่ย
รถรุ่นใหม่ซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 นี้ มีขนาดตัวถังโตกว่ารถรุ่นก่อนเล็กน้อย คือ ยาว 4.717 ม. กว้าง 1.900 ม. และสูง 1.647 ม. (รุ่นเดิม ยาว 4.682 ม. กว้าง 1.893 ม. และสูง 1.662 ม.) ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศซึ่งบ่งบอกความลื่นลมไม่เปลี่ยนแปลง คือ ยังมีค่าต่ำสุด 0.30 เช่นเดิม สถานที่ผลิตก็เช่นเดียวกับรถรุ่นเดิม คือ โรงงานตั้งอยู่ที่เมือง SAN JOSE CHIAPA ในเมกซิโก ที่มีชื่อเสียงมากในด้านการบริหารทรัพยากรน้ำ เพราะเป็นโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรก ที่ได้รับการรับรองจาก AWS หรือ THE ALLIANCE FOR WATER STEWARDSHIP ซึ่งเป็นองค์การไม่แสวงหากำไร ที่ทำงานด้านการบริหารจัดการน้ำ โรงงานแห่งนี้สามารถประหยัดน้ำได้ปีละ 150,000 ลูกบาศก์เมตร (60 เท่าของความจุสระว่ายน้ำกีฬาโอลิมปิค) และสามารถรีไซเคิล หรือหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้มากกว่าร้อยละ 90
ในระยะแรกจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกเพียง 3 ขนาด คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง วี 6 สูบ 2,995 ซีซี 270 กิโลวัตต์/367 แรงม้า และเครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,986 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ทุกเครื่องติดตั้งระบบ MILD HYBRID หรือไฮบริดแบบอ่อน 18 กิโลวัตต์/24 แรงม้า และส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า หรือทั้งคู่หน้าคู่หลังแล้วแต่กรณี ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ S TRONIC
สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต โมเดลหัวกะทิ คือ AUDI SQ5 SUV (เอาดี เอสคิว 5 เอสยูวี) ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์ 270 กิโลวัตต์/367 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 11.6-12.5 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 182-196 กรัม/กม. เมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP