ผลทดสอบต่างแดน
แทร์ริทอรี
ฟอร์ด แทร์ริทอรี (TERRITORY) เป็นรถอีกหนึ่งรุ่นของค่าย ฟอร์ด ออสเตรเลีย ในรูปแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ด้วยการทุ่มทุนในการพัฒนาถึง 500 ล้านเหรียญออสเตรเลีย เพื่อให้ แทร์ริทอรี เป็นเวอร์ชันล่าสุดที่สมบูรณ์แบบ โดย ฟอร์ด ตั้งเป้าหมายจะให้เป็นรุ่นที่ทำยอดขายสูงสุด อย่างน้อย 30,000 คัน/ปี ซึ่งหมายถึง 3 เท่าของ โตโยตา ปราโด เอสยูวีที่ขายดีที่สุดในออสเตรเลีย
แทร์ริทอรี มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยจะมีการแบ่งรุ่นออกเป็นสองระดับ คือ รหัส TX สำหรับรุ่นพื้นฐาน และรหัสกีอา (GHIA) สำหรับรุ่นทอพ จากนั้นในตอนปลายปี จะมีระดับกลางออกมา โดยใช้รหัส TS สำหรับอุปกรณ์ที่จะติดตั้งให้ในรถทุกรุ่น จัดว่าเพียบพร้อม สำหรับสมรรถนะการขับขี่ที่ไม่น้อยหน้า ด้วยสเตบิลิที และทแรคชัน คอนโทรล พร้อมแป้นเหยียบปรับระดับความสูงได้
แทร์ริทอรี จัดว่าเป็นเอสยูวีแวกอน ขนาดกลาง ที่มีขนาดไล่เลี่ยกับ ปราโด แต่ไฮไลท์ของมัน คือการสร้างความประทับใจ เมื่อก้าวเข้าไปนั่งบนเบาะที่นั่งคนขับ ซึ่งสามารถทำได้สะดวกมาก เมื่อเทียบกับเอสยูวีระดับเดียวกัน อุปกรณ์ควบคุมต่างๆ อยู่ในตำแหน่งใช้งานสะดวก ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบ โดยคำนึงถึงหลักการเออร์โกโนมิค เกจวัดเรียงอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ใช้งานสะดวก เบาะนั่งหน้ามั่นคงดี พร้อมด้วยไซด์ซับพอร์ท ทำให้ไม่เมื่อยล้าในการเดินทางไกล ภายในห้องโดยสารให้ความสำคัญกับช่อง และกล่องเก็บของทั่วทุกมุมห้องโดยสารกว่า 30 ตำแหน่งรอบด้านจะมีติที่เสาดีด้านหลังที่มีความหนามาก ทำให้เกิดจุดบอดรบกวนทัศนวิสัยการขับขี่ด้านหลังทั้งสองด้านของประตูท้าย
คุณภาพการประกอบตัวรถ จัดว่าดีเยี่ยม แม้แต่รถทดสอบที่นำมาใช้งานก่อนการผลิตขายจริง พบว่ามีเสียงรบกวนเพียงเล็กน้อยจากบานประตู คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการแก้ไข ก่อนการผลิตออกขายจริง
เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง DOHC 24วาล์ว ความจุ 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 247 แรงม้า ที่ 5,000 รตน. และแรงบิดสูงสุด 38.7 กก.-ม. ที่ 3,250 รตน. การทำงานของเครื่องยนต์ในรอบเดินเบาค่อนข้างเงียบ แต่ในการใช้งานจริงมีเสียงการทำงานดังขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเรดไลน์ที่ 5,800 รตน. อัตราเร่งที่ทำได้จากเครื่องยนต์นี้ ยังไม่โดดเด่นมากนัก ให้การตอบสนองที่นุ่มนวล และสบาย ด้วยพละกำลัง และแรงบิดจากเครื่องยนต์มีให้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราทดเกียร์ยังขาดความต่อเนื่อง ไม่เหมาะสำหรับการรีดอัตราเร่ง แต่สำหรับการเดินทางไกลแล้ว น่าพอใจในการใช้ความเร็วระดับ 100 กม./ชม. เครื่องยนต์ทำงานด้วยรอบเครื่องเพียง 2,100 รตน.
ระบบรองรับ ในด้านหน้าเป็นระบบอิสระ ปีกนก เอ-อาร์มคู่ คอยล์สปริง ทำงานควบคู่กับชอคอับแกส/น้ำมัน พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นระบบอิสระ มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง ชอคอับแกส/น้ำมัน และเหล็กกันโคลง ระบบห้ามล้อ แบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อน ทั้งด้านหน้าและหลัง ล้อทั้งสี่เป็นล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมกับยางขนาด 235/60 R17 ของกูดเยียร์
การควบคุมการขับขี่ จัดเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่อยู่ในระดับยอดเยี่ยม การควบคุมรถแม่นยำและมั่นคงมาก ระบบควบคุมทิศทางค่อนข้างเบาแรงด้วยพวงมาลัยระบบฟันเฟืองและตัวหนอน พร้อมระบบผ่อนแรง การตอบสนองการควบคุมออกอาการอันเดอร์สเตียร์เล็กน้อย การเก็บแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนยังไม่ดีนัก การขับขี่บนพื้นผิวถนนแบบลูกคลื่น ทำให้มีเสียงรบกวนเข้ามาในห้องโดยสาร
ในสภาพเส้นทางวิบาก ไม่ใช่อาณาจักรของ แทร์ริทอรี ด้วยระยะห่างใต้ท้องที่ค่อนข้างต่ำ ล้อมีระยะยืด/ยุบไม่มากพอ ทั้งยังไม่มีชุดทรานสเฟอร์ เพื่อเพิ่มอัตราทดเฟืองเกียร์ ระบบทแรคชัน คอนโทรล ยังให้การควบคุมการยึดเกาะไม่ดีพอในเส้นทางขุรขระ ระบบเดสเซนท์ คอนโทรล (DESCENT CONTROL) ซึ่งเป็นออพชันให้เลือกสำหรับรุ่นนี้ ทำให้เสถียรภาพการควบคุมการขับลงเนินดีมาก สำหรับอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งสามารถป้องกันส่วนสำคัญได้อย่างดี เช่น การ์ดกันกระแทกถังน้ำมัน และแครงค์น้ำมันเครื่อง ช่วยลดความเสียหายจากการกระแทกได้ไม่น้อย
แรกเห็น แทร์ริทอรี ได้รับการเทคะแนนให้ท่วมท้น ด้วยการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ค่าตัวที่สมราคาอุปกรณ์มาตรฐานอยู่ในระดับเพียบพร้อม การตอบสนองการขับขี่ดีเยี่ยม แต่เมื่อเข้าสู่เส้นทางวิบากสมรรถนะการขับขี่กลับไม่น่าประทับใจ แทร์ริทอรี จึงถูกจัดให้เป็นเพียงรถเอสยูวี ที่มีสมรรถนะดีเยี่ยมบนทางเรียบเท่านั้น
PASSIVE SAFETY
แทร์ริทอรี จัดว่ามีความปลอดภัยอยู่ในระดับน่าพอใจ เมื่อเกิดการชนอย่างรุนแรง ด้วยถุงลมนิรภัยโครงสร้างที่ผ่านการออกแบบด้วย COMPUTER AIDED DESIGN และรวมไปถึงการติดตั้งเหล็กกันกระแทกภายในประตู ช่วยลดการบาดเจ็บจากการชนได้ไม่น้อย
ในด้านข้างยังมีการติดตั้งถุงลมนิรภัยแบบม่าน เพื่อป้องกันการกระแทกของศีรษะ สำหรับผู้โดยสารในแถวแรก และแถวสอง จากสถิติการชนในออสเตรเลีย พบว่ามีการชนด้านข้างกว่า 35 % ของการชนทั้งหมด และถุงลมนิรภัยแบบม่าน สามารถลดความบาดเจ็บจากการถูกชนด้านข้างได้ถึง 45 % โดยจะทำงานภายใน 0.024 วินาที หลังจากเซนเซอร์ในเสาบี และซี จับแรงกระแทกได้
การทำงานของถุงลมนิรภัย อยู่ในระบบการป้องกันการบาดเจ็บ ที่เรียกว่า INTELLIGENT SAFETY SYSTEM (ISS) ใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุมการทำงานของถุงลมนิรภัย และการปรับความตึงของเข็มขัดนิรภัยเพื่อลดความบาดเจ็บของผู้โดยสารภายในรถจากการชน ห้องโดยสารขึ้นรูปด้วยระบบ TAILOR-WELDED BLANK ที่สามารถกระจายแรงกระแทกได้ โดยไม่ทำให้รูปทรงของห้องโดยสารเสียหายจากการชน หากเกิดการชนด้านหน้าจะทำให้แป้นคันเร่ง และเบรคลดตัวลงกับพื้นเพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากการชน
ACTIVE SAFETY
ด้วยการคำนึงถึงความปลอดภัยจากการชน ทั้ง ACTIVE และ PASSIVE SAFETY ทำให้เป็นรถเอสยูวีที่ติดอันดับความปลอดภัยสูงสุดรุ่นหนึ่ง ด้วยการติดตั้ง ระบบเบรคเอบีเอส ทแรคชัน คอนโทรล และสเตบิลิที คอนโทรล ซึ่งมีการทำงานประสานสอดคล้องกันอย่างดีเป็นผลการพัฒนาเทคโนโลยีจากค่ายโบช ในทุกสภาพถนน และอุณหภูมิที่แตกต่างกัน
ระบบเอบีเอส ถูกพัฒนา และปรับแต่งเพื่อรองรับการขับขี่บนเส้นทางผิวกรวด จะมีระบบอีเลคทรอนิคควบคุมการกระจายแรงเบรคไปยังล้อหน้าและหลัง เพื่อให้ได้แรงเบรคที่เหมาะสม ระบบสเตบิลิที และทแรคชัน คอนโทรล จะทำงานเมื่อจับได้ว่ามีการลื่นไถล จะถูกสั่งให้ระบบเบรคจับเพื่อลดความเร็วของล้อนั้นลง รวมไปถึงการลดแรงบิดของเครื่องยนต์เพื่อลดการสปินของล้อ
เซนเซอร์ของระบบควบคุมการขับขี่จะมีความเร็วในการประมวลผลข้อมูลถึง 50 ครั้ง/วินาที โดยจะรับข้อมูลมาจากเซนเซอร์วัดมุมล้อ การโยนตัวด้านข้าง และการหมุนตัวของรถในแนวตั้ง
ภายในของ แทร์ริทอรี
ผู้ใช้รถเอสยูวีส่วนใหญ่ประสบปัญหาความลำบากในการเข้ารถ เบาะนั่งถูกปรับให้อยู่ในระดับสะโพกที่ทำให้การเข้ารถสะดวกขึ้น แต่ยังคงมีระดับความสูงของเบาะที่เพียงพอ เพื่อทัศนวิสัยการขับขี่ที่ดี เบาะนั่งสำหรับรุ่น TX มีระบบผ่อนแรงการปรับมุมเอนของเบาะได้ ทั้งสามารถปรับความสูงได้ถึง 55 มม. สำหรับรุ่น กีอา มีระบบผ่อนแรงทั้งมุมเอน ความสูง และเลื่อนเบาะหน้า/หลัง
ภายในห้องโดยสาร โดยปกติรับผู้โดยสารได้ 5 คน และเมื่อติดตั้งที่นั่งแถวที่สามจะรับผู้โดยสารได้อีก 2 คน หากไม่ต้องการใช้งานสำหรับที่นั่งแถวที่สามก็สามารถพับลงแนบกับพื้นได้ สำหรับที่นั่งแถวที่สองและสาม มีการจัดระดับแบบที่นั่งในโรงภาพยนตร์ ที่แถวหลังจะมีระดับสูงกว่าแถวหน้า เพื่อให้มีทัศนวิสัยที่ดีสำหรับผู้โดยสารทุกคน เบาะนั่งแถวที่สองสามารถแยกพับในสัดส่วน 60/40 ได้ หากต้องการเนื้อที่บรรทุกสัมภาระเพิ่ม สามารถพับราบลงในระดับเดียวกับพื้นห้องสัมภาระหลังได้ สำหรับการพับเบาะแถวสองและสาม สามารถทำได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องถอดที่พิงศีรษะออก
นอกจากช่องเก็บสัมภาระที่มีมากถึง 30 ช่องแล้ว ในประตูหน้ายังติดตั้งที่วางขวดน้ำขนาดใหญ่
นอกจากนั้นภายใต้ที่นั่งมีช่องเก็บแลพทอพ คอมพิวเตอร์ สำหรับรุ่นห้าที่นั่งจะมีช่องเก็บของเปียกชื้นโดยการพลิกเปิดพื้นห้องเก็บสัมภาระขึ้น
ระบบขับเคลื่อน 4x4
ระบบเซนเตอร์ดิฟฟ์ NV125 ผลิตจากโรงงานในสหรัฐ ฯ เป็นชุดเดียวกับที่ใช้กับรุ่น X5 และโฮลเดน แอดเวนทรา ชุดทรานสเฟอร์มีอัตราทดเดียว คือ 38:62 ควบคุมการทำงานจากการประสานกันระหว่างระบบเอบีเอส และอีเลคทรอนิค คอนโทรล เพื่อลดการลื่นไถลบนพื้นผิวที่มีสภาพลื่นไถลง่าย สำหรับระบบ เดสเซนท์ คอนโทรล ก็มีการทำงานประสานกับเอบีเอส เช่นกัน สามารถสั่งการจากปุ่มควบคุมที่แผงหน้าปัด และควบคุมไม่ให้ไหลลงเนินเร็วกว่า 4 กม./ชม. ระบบครูสคอนโทรล สามารถเพิ่มความเร็วให้กับรถในกรณีต้องการเพิ่มความเร็วให้มากขึ้น และเมื่อความเร็วเดินทางเกินกว่า 90 กม./ชม. ระบบจะตัดการทำงานทันที
โครงการพัฒนา
การพัฒนา แทร์ริทอรี เริ่มตั้งแต่ปี 1999 โดยใช้รหัส BA265 โดยทำการพัฒนาขึ้นมาใหม่หมดทั้งคัน นอกจากบางส่วนที่ยังใช้ชิ้นส่วนร่วมกับฟอลคอน BA คือ เครื่องยนต์ ขนาด 4.0 ลิตร ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ชุดระบบรองรับหน้า แดชบอร์ด และชุดระบบรองรับหลัง
เรื่องโดย : อกนิษฐ์ ทัพภะสุต
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบต่างแดน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56611