เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
ลมหายใจแห่งความสดใหม่
MACBOOK AIR M4 ราคาเริ่มต้นที่ 999 ปอนด์, apple.com
เร็ว เบา แถมยังมาพร้อมสีใหม่ที่สะดุดตา
MACBOOK AIR M4 รุ่นล่าสุด ยังคงยึดตามสูตรความสำเร็จที่พิสูจน์มาแล้ว รุ่นหน้าจอ 13 นิ้ว และยังมีรุ่น 15 นิ้วให้เลือกเช่นกัน น้ำหนักเพียง 1.51 กก. และบางแค่ 1.15 ซม. แบทเตอรีใช้งานได้นานสูงสุดถึง 18 ชม. ขับเคลื่อนด้วยชิพ M4 ซึ่งเป็นหนึ่งในชิพที่เร็วที่สุดในตลาดตอนนี้
โนทบุคที่ดีควรมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาง่าย โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพ และ MACBOOK AIR M4 ก็ตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัว แม้แต่ในรุ่นหน้าจอ 15 นิ้วที่ใหญ่ขึ้นก็ตาม
นอกจากนี้ ยังออกแบบแบบไม่มีพัดลม ทำให้เครื่องทำงานเงียบสนิทไร้เสียงรบกวน
MACBOOK AIR M4 มีส่วนผสมครบถ้วนสำหรับโนทบุคในอุดมคติ แต่คำถาม คือ… มันดีพอที่จะทำให้คุณหันหลังให้แก่ MACBOOK PRO ที่จอใหญ่กว่าได้หรือไม่
แม้ MACBOOK PRO จะเป็นตัวเลือกหลักสำหรับคนที่ “จริงจังกับการทำงาน” แต่ MACBOOK AIR รุ่นใหม่นี้ ก็สามารถทำได้มากกว่าการพิมพ์เอกสาร หรือส่งอี-เมล
มองจากภายนอก คุณอาจแยกไม่ออกว่ารุ่นนี้ต่างจาก MACBOOK AIR M3 รุ่นก่อนหน้าอย่างไร เพราะการออกแบบยังเหมือนเดิมเกือบทั้งหมด ยกเว้นสิ่งเดียวที่แตกต่างชัดเจน คือ สีใหม่ “SKY BLUE” ที่สะดุดตา และน่าจะดึงดูดผู้ใช้กลุ่มใหม่ให้หันมาสนใจรุ่นนี้ได้ไม่ยาก เพราะจนถึงช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา MACBOOK รุ่นใหม่ๆ มักมีให้เลือกแค่สี SILVER หรือ SPACE GREY เท่านั้น แต่เมื่อ APPLE เพิ่มทางเลือกด้วยสี SPACE BLACK และ MIDNIGKT ก็กลายเป็นที่นิยมอย่างมาก และในครั้งนี้ เราจึงได้เห็นการทดลองสีใหม่อีกครั้ง แม้จะเป็นโทนที่ค่อนข้างเรียบก็ตาม
ในบางสภาพแสง สีฟ้านี้อาจดูคล้ายสีเงินจนแยกแทบไม่ออก แต่แม้จะเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อย สีฟ้านี้ก็ยังช่วยให้ MACBOOK AIR รุ่นใหม่ดูหรูหรา และมีระดับ หากใช้โทนฟ้าน้ำเงินสดใสเหมือนกับที่ใช้ใน IMAC อาจทำให้ภาพลักษณ์ของเครื่องดูราคาถูกลงด้วยซ้ำ เพราะสำหรับอุปกรณ์พกพา ความเรียบง่าย คือ คุณค่า
อย่างไรก็ตาม สี MIDNIGHT ก็น่าจะยังคงเป็นสีที่ดีที่สุดสำหรับหลายๆ คน
ดีไซจ์นของ MACBOOK AIR M4 ที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็ไม่ใช่เรื่องแย่แต่อย่างใด ยังคงมีให้เลือกทั้งรุ่นหน้าจอ 13 และ 15 นิ้ว โดยรุ่นหลังที่เราทดสอบนั้น บาง และเบาจนคุณอาจไม่รู้เลยว่ากำลังถือโนทบุคหน้าจอใหญ่ขนาดนี้อยู่ จนกว่าจะเปิดเครื่องขึ้นมา ส่วนความแตกต่างของหน้าจอ แม้จะไม่กี่นิ้ว แต่ก็รู้สึกได้ชัดเจน
หน้าจอของ MACBOOK AIR M4 รุ่น 15 นิ้ว คือ LIQUID RETINA DISPLAY ขนาด 15.3 นิ้ว ความละเอียด 2880x1864 พิกเซล (ในขณะที่รุ่น 13 นิ้วมาพร้อมหน้าจอ 13.6 นิ้ว ความละเอียด 2560x1664 พิกเซล) ให้ความสว่างสูงสุด 500 นิท
จุดนี้เองที่ MACBOOK AIR ยังเป็นรอง MACBOOK PRO อยู่พอสมควร เพราะรุ่น PRO รองรับ ความสว่างสูงสุดระดับ HDR ถึง 1600 นิท และความสว่างต่อเนื่องที่ 1000 นิท
แต่อย่างไรก็ตาม ในการใช้งานจริง ความแตกต่างนี้จะไม่เป็นปัญหาเลย เว้นแต่ว่าคุณจะต้องใช้งานกลางแจ้งในที่แสงจ้า หรือทำงานที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีในระดับมืออาชีพ
สำหรับการใช้งานในร่ม หน้าจอของ MACBOOK AIR นั้นให้ความสว่างได้มากเกินพอสำหรับทุกความต้องการในชีวิตประจำวัน
อีกสิ่งที่ MACBOOK AIR M4 ยังไม่มี คือ เทคโนโลยี PROMOTION ที่มอบอัตรารีเฟรช 120HZ แบบใน MACBOOK PRO ซึ่งทำให้การเลื่อนหน้าจอ หรือเล่นเกมที่มีภาพเคลื่อนไหวเร็วดูไม่ลื่นไหลเท่ารุ่น PRO แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้งานทั่วไป ถือว่ายังเกินพอ หน้าจอนี้ยังคงดูยอดเยี่ยมในภาพรวม และขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นก็กลายเป็นข้อได้เปรียบที่ชัดเจนเมื่อใช้งานนอกสถานที่
หนึ่งในอัพเกรดที่โดดเด่นจาก MACBOOK AIR M3 รุ่นก่อนหน้า คือ การเปลี่ยนจากกล้องเว็บแคม 1080p มาตรฐาน มาเป็นกล้องหน้า 12MP พร้อมฟีเจอร์ CENTER STAGE ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในยุคที่การทำงานระยะไกล (REMOTE WORK) กลายเป็นเรื่องปกติ
ฟีเจอร์ CENTER STAGE จะช่วยปรับมุมกล้อง และติดตามการเคลื่อนไหวของคุณขณะประชุมออนไลน์แบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ DESK VIEW ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อแสดงเอกสาร หรือวัตถุบนโต๊ะของคุณระหว่างการประชุมได้อีกด้วย
สเปคโดยละเอียด : MACBOOK AIR M4
หน้าจอ
- รุ่น 13.6 นิ้ว/15.3 นิ้ว
- ความละเอียด : 2560x1664/2880x1864 พิกเซล
- ความสว่าง : สูงสุด 500 นิท
- ประเภท: LED-BACKLIT พร้อมเทคโนโลยี IPS
ชิพประมวลผล
- APPLE M4
- CPU แบบ 10 คอร์
- GPU แบบ 8 คอร์ (อัพเกรดได้สูงสุด 10 คอร์)
- NEURAL ENGINE แบบ 16 คอร์
หน่วยความจำ (RAM)
- 6GB (รองรับสูงสุด 32GB)
พื้นที่จัดเก็บข้อมูล
- 256GB (ขยายได้สูงสุด 2TB)
ระบบปฏิบัติการ
- MACOS SEQUOIA
- อายุการใช้งานแบทเตอรี
- ใช้งานได้นานสูงสุด 18 ชม. (ดูวีดีโอต่อเนื่อง)
กล้อง
- กล้องหน้า 12MP พร้อมฟีเจอร์ CENTER STAGE
- รองรับ DESK VIEW
- บันทึกวีดีโอระดับ 1080P HD
การเชื่อมต่อ
- พอร์ท THUNDERBOLT 4 (USB-C) จำนวน 2 ช่อง
- พอร์ท MAGSAFE 3
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
- WI-FI 6E
- BLUETOOTH 5.3
ขนาดตัวเครื่อง
- รุ่น 13 นิ้ว : 11.3x304.1x215 มม.
- รุ่น 15 นิ้ว : 11.5x340.4x237.6 มม.
น้ำหนัก
- รุ่น 13 นิ้ว : 1.24 กก.
- รุ่น 15 นิ้ว : 1.51 กก.
สีฟ้าใหม่
มันจะเป็นสีฟ้า หรือสีเงิน ขึ้นอยู่กับแสงที่ตกกระทบ
สีใหม่ของ APPLE นี้ ดูเรียบง่ายแต่ก็โดดเด่น
“ถ้าไม่ใช้กลางแดดจ้า หน้าจอนี้ก็ให้ความสว่างมากเกินพอสำหรับทุกสถานการณ์แล้ว”
แรงสุด ดุจขึ้นทางด่วน
หัวใจหลักของ MACBOOK AIR รุ่นอัพเดทปี 2025 นี้ ก็คือ การมาพร้อมกับ ชิพ APPLE SILICON รุ่นล่าสุด M4 ซึ่งแรงกว่ารุ่น M3 แบบก้าวกระโดด
รุ่นพื้นฐานหน้าจอ 13 นิ้ว มาพร้อม M4 รุ่น GPU 8 คอร์ (ในขณะที่รุ่นอื่นในซีรีส์ใช้ GPU 10 คอร์) แต่คุณสามารถอัพเกรดเป็นรุ่นที่แรงกว่านี้ได้ก่อนสั่งซื้อ เช่นเดียวกับหน่วยความจำ และพื้นที่เก็บข้อมูล จาก RAM 16GB และ SSD 256GB สามารถอัพเกรดได้สูงสุดถึง 32GB และ 2TB ตามต้องการ
หากคุณต้องการจัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก รุ่นสเปคสูงสุดจะมีราคาอยู่ที่ 2,199 ปอนด์ สำหรับรุ่น 13 นิ้ว และ 2,399 ปอนด์ สำหรับรุ่น 15 นิ้ว ซึ่งยังคง ถูกกว่าราคาเริ่มต้นของ MACBOOK PRO M4 รุ่น 16 นิ้ว เสียอีก เครื่องที่เราใช้ทดสอบ คือ MACBOOK AIR M4 รุ่นหน้าจอ 15 นิ้ว พร้อม RAM 16GB และ SSD ขนาด 512GB ซึ่งมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,399 ปอนด์
ในการทดสอบประสิทธิภาพด้วย GEEKBENCH คะแนน CPU อยู่ที่ 14,441 (เทียบกับรุ่น M3 ที่อยู่ราวๆ 12,000) คะแนน GPU (METAL TEST) อยู่ที่ 54,112 (M3 ทำได้ประมาณ 46,000) ถือเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดด้านประสิทธิภาพที่ชัดเจนที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของ CPU
สำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่อาจจะกำลังอัพเกรดจาก MACBOOK AIR รุ่นที่ใช้ชิพ M1 หรือ M2 การเปลี่ยนแปลงนี้จะ รู้สึกได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า M4 นั้นทำงานได้เร็วกว่า M1 ถึง 2 เท่า และเร็วกว่ารุ่น INTEL CORE I7 รุ่นสุดท้ายที่ใช้ใน MACBOOK AIR ถึง 23 เท่า !
งานได้หลายอย่าง
เมื่อใช้งานจริง MACBOOK AIR M4 เครื่องนี้สามารถรับมือกับแทบทุกสิ่งที่คุณจะโยนใส่มันได้ แบบสบายๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวีดีโอ ปรับแต่งภาพถ่าย มิกซ์เสียง หรือแม้แต่การเล่นเกม แน่นอนว่ายังมีรุ่นที่แรงกว่านี้ เช่น M4 PRO, M4 MAX หรือแม้แต่ M3 ULTRA ที่แรงแบบเกินเหตุ แต่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และแม้แต่ผู้ใช้งานระดับมืออาชีพบางกลุ่ม MACBOOK AIR M4 ก็ให้พลังเหลือเฟือแล้ว
MACBOOK AIR เป็นที่รู้จักมานานในเรื่อง แบทเตอรีที่ใช้งานได้ยาวนาน และในรุ่น M4 ก็ยังคงรักษามาตรฐานนั้นไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม คุณสามารถ เล่นวีดีโอต่อเนื่องได้สูงสุด 18 ชม. ใช้งานเวบ BROWSER ได้นานถึง 15 ชม. ซึ่งเพียงพอสำหรับการทำงานได้ถึง 2 วัน ด้านการชาร์จไฟ รุ่นนี้ใช้หัวชาร์จแบบ MAGSAFE แทนที่จะเป็น USB-C ซึ่งมีทั้งข้อดี และข้อเสีย เพราะ คุณจะมีพอร์ท THUNDERBOLT 4 (USB-C) ว่างให้ใช้งานได้เต็มที่ถึง 2 ช่อง และหากใครเดินสะดุดสายชาร์จ เครื่องจะหลุดจากสายโดยไม่กระชาก MACBOOK ตกพื้น แต่นั่นก็แปลว่า คุณต้องเสียบชาร์จจากฝั่งเดียวของเครื่องเท่านั้น และต้องใช้สายที่มากับ MAGSAFE โดยเฉพาะ
ใหญ่ขึ้น…โดยไม่ต้องแลกอะไรเลย
MACBOOK AIR รุ่น 15 นิ้ว ให้พื้นที่หน้าจอที่กว้างขึ้นแบบที่คุณต้องการ แต่ยังคงความ บางเบา ได้อย่างน่าประทับใจ ไม่แพ้รุ่นเล็กเลย
ของดีไม่ต้องเปลี่ยน
นอกจากสีใหม่ที่เพิ่มเข้ามา MACBOOK AIR รุ่นล่าสุด แทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงภายนอกจากรุ่นก่อนเลย แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องบ่น เพราะดีไซจ์นเดิมก็ สวยลงตัวอยู่แล้ว
“ไม่ว่าจะตัดต่อวีดีโอ มิกซ์เสียง เล่นเกม ก็ไม่มีปัญหาเลยสักนิด“
เช่นเดียวกับ MAC ทุกรุ่นที่ใช้ชิพตระกูล M-SERIES MACBOOK AIR M4 รองรับการทำงานร่วมกับฟีเจอร์ APPLE INTELLIGENCE บน MACOS 15 ได้อย่างเต็มรูปแบบ และด้วยพลังประมวลผลที่เพิ่มขึ้นจากชิพ M4 ฟีเจอร์เหล่านี้จึงทำงานได้ รวดเร็ว และลื่นไหลทันที ช่วยให้คุณ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมเติมแต่งความสร้างสรรค์ได้ในทุกวัน
APPLE INTELLIGENCE มาพร้อมเครื่องมือปรับแต่งงานเขียน ที่ใช้งานได้ในแอพพลิเคชันหลากหลาย ไม่ใช่แค่ของ APPLE เท่านั้น แต่ยังรวมถึงแอพพลิเคชันจากนักพัฒนาภายนอกด้วย ให้คุณสามารถตรวจสอบการสะกด และไวยากรณ์ เขียนใหม่ทั้งประโยค หรือทั้งย่อหน้า เปลี่ยนโทนภาษาระหว่าง ทางการ เป็นกันเอง หรือให้กระชับยิ่งขึ้น หรือจะแปลงให้กลายเป็นบทกลอน เพลง หรือแม้แต่ไฮกุ ก็ทำได้ ส่วนไฮไลท์เด็ด คือความสามารถในการ สร้างข้อความใหม่จากคำสั่งง่ายๆ เช่น “ช่วยเขียนจดหมายขอโทษที่พลาดงานเลี้ยงของเพื่อน” หรือ “เขียนจดหมายร้องเรียนสินค้าเสีย” นอกจากนี้ ยังช่วยสรุปเนื้อหาที่ยาว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีของ CHATGPT ซึ่งถูกผสานเข้ากับระบบของ APPLE อย่างแนบเนียน
อีกฟีเจอร์น่าสนใจ คือ IMAGE PLAYGROUND ระบบสร้างภาพจากข้อความ ที่ให้คุณเลือกได้ว่าจะสร้าง ภาพการ์ตูน ภาพวาด หรือภาพสเกทช์
คุณสามารถใช้ภาพเดิมจากคลังภาพของคุณ เช่น รูปบุคคล แล้วเลือกธีมหรือฉาก เช่นเปลี่ยนเสื้อผ้า ย้ายไปอยู่ในสถานที่ใหม่ หรือเปลี่ยนชุดให้เข้ากับโอกาสพิเศษ แม้ยังไม่รองรับภาพเสมือนจริง (PHOTO-REALISTIC) หรือว๊ดีโอ แต่ APPLE เลือกเล่นในโซนที่ปลอดภัย และฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในเวอร์ชัน BETA
SIRI เองก็ฉลาดขึ้นด้วย APPLE INTELLIGENCE สามารถเข้าใจบริบทของคำถาม ช่วยค้นหาไฟล์ หรืออี-เมลที่คุณอาจจำชื่อไม่ได้ แถมยังเข้าถึงข้อมูลจาก CHATGPT ได้โดยตรงเพื่อให้คำตอบที่มีประโยชน์มากยิ่งขึ้น และที่สะดวก คือ คุณสามารถ พิมพ์คำถามถึง SIRI ได้เลย ไม่ต้องพูดออกเสียง
โดยรวมแล้ว MACBOOK AIR M4 คือ เครื่องที่น่าประทับใจในทุกด้าน และด้วยพลังจากชิพ M4 พร้อมการผสาน APPLE INTELLIGENCE อย่างลงตัว มันจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ทรงพลังเกินคาด ไม่ว่าคุณจะเลือกขนาด 13 หรือ 15 นิ้วก็ตาม
แน่นอน ถ้าคุณเน้นเรื่อง พกพาสะดวก รุ่นหน้าจอ 13 นิ้ว ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าคุณต้องการ หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น รุ่น 15 นิ้ว ก็ยังบาง และเบาอย่างน่าทึ่ง สามารถใส่กระเป๋าไปได้ทุกที่โดยไม่รู้สึกเกะกะ
แม้ว่า MACBOOK AIR จะ ด้อยกว่ารุ่น PRO เล็กน้อยในด้านประสิทธิภาพโดยรวม แต่ในความเป็นจริงแล้ว การผสมผสานระหว่าง พลังและความคล่องตัว ของ AIR อาจเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการมากกว่า
แม้การเปลี่ยนแปลงในรุ่นใหม่นี้อาจไม่ได้หวือหวา แต่ MACBOOK AIR ยังคงเป็นตัวอย่างของ “โนทบุคที่ออกแบบได้ถูกต้องที่สุด” อย่างแท้จริง
ชาร์จได้แบบไร้กังวล
ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา MACBOOK AIR ได้เปลี่ยนมาใช้พอร์ท MAGSAFE สำหรับชาร์จไฟ ซึ่งช่วยเพิ่มช่อง USB-C ให้ใช้งานได้มากขึ้น และยังลดโอกาสเกิดเหตุสายพัน หรือเครื่องหล่นจากโต๊ะในกรณีที่ใครเดินสะดุดสายอีกด้วย
“APPLE INTELLIGENCE เปลี่ยน SIRI ให้กลายเป็น ผู้ช่วยอัจฉริยะที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง”
บทสรุป
สิ่งที่เราประทับใจ : ชิพ M4 ที่เร็วแรงน่าทึ่ง แบทเตอรีใช้งานได้นาทึ่ง สีใหม่ SKY BLUE ดูเรียบหรูแบบมีสไตล์
สิ่งที่ควรปรับปรุง : การอัปเกรดโดยรวมไม่ได้ต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก
สรุป : ประสิทธิภาพระดับสูง โดยไม่ต้องแลกกับความคล่องตัวในการพกพา
อัพเกรดคู่ใจสำหรับมือพโร
APPLE STUDIO DISPLAY ราคาเริ่มต้นที่ 1,499 ปอนด์, apple.com
แม้ราคาจะสูงลิ่ว แต่หน้าจอภายนอกของ APPLE รุ่นนี้ คือ คู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับ MACBOOK AIR เชื่อมต่อได้ง่ายผ่าน USB-C เพียงเส้นเดียว และสามารถขับภาพได้ถึง ความละเอียด 5K บนหน้าจอขนาด 27 นิ้ว
HUMANCENTRIC VERTICAL MACBOOK STAND ราคา 32 ปอนด์, humancentric.com
ขาตั้ง MACBOOK แบบแนวตั้งจาก HUMAN CENTRIC ช่วยให้คุณจัดวางเครื่องในแนวตั้งขณะใช้งานร่วมกับหน้าจอภายนอก (เช่น STUDIO DISPLAY) ได้อย่างมีสไตล์ เหมาะสำหรับการใช้งานแบบ ปิดฝาเครื่อง เพื่อประหยัดพื้นที่โต๊ะ
BELLROY CADDY ราคา 74.95 ปอนด์, bellroy.com
กระเป๋าแบบพกพาที่ออกแบบมาเพื่อ ปกป้อง MACBOOK ขณะเดินทาง ด้วยวัสดุทนทาน และฟองน้ำกันกระแทกภายใน นอกจากนี้ ยังมีช่องจัดเก็บอุปกรณ์เสริมต่างๆ อย่างเป็นระเบียบ
ทีวีอัจฉริยะที่ยืนหนึ่งในแบบของตัวเอง
SKY GLASS 2 ราคาเริ่มต้น 699 ปอนด์, sky.com
ทีวีแบบ ALL-IN-ONE จาก Sky กลับมาอีกครั้งพร้อมการปรับปรุงใหม่
เมื่อไม่กี่ปีก่อน SKY ได้เปิดตัว SKY GLASS ทีวีอัจฉริะแบบ ALL-IN-ONE ที่มอบประสบการณ์รับชมคอนเทนท์แบบจัดเต็ม โดยไม่ต้องติดตั้งจานดาวเทียม
สำหรับปี 2025 นี้ SKY GLASS GEN 2 ได้รับการรีเฟรชครั้งใหญ่ในด้านคุณภาพของภาพ และเสียง โดยยังคงคอนเซพท์เดิม คือ “ให้เช่าใช้งานรายเดือน” ไม่มีค่าใช้จ่ายก้อนโตในการเริ่มต้น (เว้นแต่คุณต้องการจ่ายล่วงหน้า) และสามารถเลือก “แพคช่อง” ที่ต้องการได้อย่างยืดหยุ่น เพียงมีอินเตอร์เนท WI-FI ที่เสถียร คุณก็เริ่มดูได้ทันที
SKY GLASS 2 วางจำหน่ายใน 3 ขนาด คือ 43 นิ้ว เริ่มต้นที่ 14 ปอนด์/เดือน 55 นิ้ว (รุ่นที่เรารีวิว) เริ่มต้นที่ 19 ปอนด์/เดือน และ 65 นิ้ว เริ่มต้นที่ 24 ปอนด์/เดือน ราคานี้ถือว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากรุ่นปี 2022 เท่านั้น และหากคุณซื้อรุ่นแรกก่อน GEN 2 ออก ราคาก็แทบไม่ต่างกันเลย
สเปคทางเทคนิค : SKY GLASS 2
ขนาดหน้าจอ : 43, 55 และ 65 นิ้ว ประเภทจอแสดงผล : QUANTUM DOT ความละเอียด 3,840x2,160 (4K UHD) รองรับ HDR : DOLBY VISION, HDR10, และ HLG ระบบเสียง : ลำโพง 3.1.2 แชนแนล รองรับ DOLBY ATMOS กำลังขับรวม 250 วัตต์ การเชื่อมต่อ : HDMI 2.1 จำนวน 3 ช่อง (รองรับ eARC 1 ช่อง) USB 2 ช่อง ETHERNET OPTICAL AUDIO OUT WI-FI 6 BLUETOOTH 5.2 ขนาด (ไม่รวมขาตั้ง) : เริ่มต้นที่ 960.5x629.2x47.7 มม. น้ำหนัก (ไม่รวมขาตั้ง) : เริ่มต้นที่ 12.7 กก.
ราคาข้างต้น คือ ราคาสำหรับแพคเกจ 48 เดือน โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการจัดส่ง และติดตั้งอยู่ที่ 20 ปอนด์ และหากต้องการสัญญาระยะสั้นแบบ 24 เดือน ราคาจะเพิ่มขึ้นเป็น 28, 38 และ 48 ปอนด์ ตามลำดับ
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่อนชำระ SKY GLASS 2 ก็มีตัวเลือกแบบซื้อขาด โดยมีราคาดังนี้ : 699 ปอนด์ สำหรับรุ่น 43 นิ้ว, 949 ปอนด์ สำหรับรุ่น 55 นิ้ว และ 1,199 ปอนด์ สำหรับรุ่น 65 นิ้ว ซึ่งในกรณีนี้ผู้ใช้งานจะไม่ต้องเสียค่าติดตั้งเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานยังต้องสมัครสมาชิกบริการรับชมเนื้อหาแยกต่างหาก โดยแพคเกจพื้นฐานอย่าง SKY ULTIMATE TV มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 26 ปอนด์/เดือน และสามารถเลือกเพิ่มบริการอื่นๆ เช่น SKY CINEMA SKY SPORTS SKY KIDS หรือแพคเกจภาพ และเสียงคุณภาพสูง SKY ULTRA HDR และ DOLBY ATMOS ได้ตามต้องการ ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้นตามแพคเกจที่เลือก
เมนูน่าใช้ ใช้งานง่าย
SKY GLASS ใช้งานง่ายมาก พร้อมรีโมทแยกต่างหากที่ช่วยให้คุณค้นหารายการโปรดในเมนูแนะนำรายการ (EPG) ได้อย่างสะดวก ซึ่งถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คุณยังสามารถเข้าถึงแอพพลิเคชันโปรดที่ใช้บ่อยได้จากอินเตอร์เฟศโดยตรงแบบไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็น NETFLIX, BBC IPLAYER หรือแอพพลิเคชันสตรีมิงยอดนิยมอื่นๆ ก็รองรับครบถ้วน ช่วยให้คุณเข้าถึงความบันเทิงได้แบบไร้รอยต่อ
หากมองแบบเรียบง่ายที่สุด สิ่งที่คุณต้องกังวลก็มีแค่ตัวทีวีเท่านั้น แต่หากต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสียง หรือภาพเพิ่มเติม เช่น เครื่องเล่นเกม SKY GLASS ก็มีพอร์ท HDMI ด้านหลังมาให้ถึง 3 ช่อง ซึ่งเป็นมาตรฐาน HDMI 2.1 อย่างไรก็ตาม จุดที่น่าสังเกตก็คือ แม้จะเป็น HDMI 2.1 แต่จอภาพของ SKY GLASS ไม่รองรับอัตรารีเฟรชเกิน 60HZ ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ที่ต้องการภาพเคลื่อนไหวลื่นไหลมากๆ
อีกสิ่งที่ควรพิจารณา คือ เรื่องของการบันทึกรายการ SKY GLASS ไม่มีพื้นที่จัดเก็บในตัว จึงไม่สามารถอัดรายการลงฮาร์ดดไรฟได้โดยตรง ทางเลือกที่ SKY ให้มา คือ ฟีเจอร์ “PLAYLIST” ซึ่งทำงานคล้ายการบันทึก โดยจะดึงรายการย้อนหลังจากระบบ CLOUD คอนเทนท์แบบ ON-DEMAND หรือแอพพลิเคชันต่างๆ มาแสดงแทน หากคุณต้องการระบบอัดรายการจริงจังที่ใช้ฮาร์ดดไรฟในเครื่อง SKY Q จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่า แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน
SKY GLASS รุ่นใหม่นี้มีการปรับปรุงคุณภาพของภาพให้ดียิ่งขึ้น ด้วยแผงหน้าจอรุ่นใหม่ที่รองรับคอนเทนท์ระดับ 4K พร้อมด้วยระบบภาพแบบ HIGH DYNAMIC RANGE (HDR) ซึ่งรองรับทั้ง HDR10 และ DOLBY VISION ทำให้ภาพมีมิติ และความเปรียบต่างที่เด่นชัดมากขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยี QLED (QUANTUM DOT LED) ยังช่วยให้สีสันดูสด และสมจริง ซึ่ง SKY GLASS ก็ทำได้ดีในจุดนี้
อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่า QLED ยังไม่ใช่จอที่ดีที่สุดในตลาด เพราะยังคงมีข้อจำกัดในเรื่องของระดับความดำที่ไม่ลึกเท่า OLED และอาจเกิดอาการ “BLOOMING” หรือแสงรั่วในฉากมืดๆ ได้อยู่บ้าง นั่นเป็นเพราะ QLED ใช้ระบบแสงพื้นหลัง (BACKLIGHTING) แทนที่จะเป็นแสงในแต่ละพิกเซลแบบ OLED นั่นเอง
SKY GLASS เป็นทีวีที่มีขนาดค่อนข้างหนา ซึ่งเป็นผลมาจากการมี SOUNDBAR ในตัวที่ต้องใช้พื้นที่มากขึ้น แต่ข้อดี คือ ให้เสียงที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่เปิดใช้งานครั้งแรก ระบบเสียงนี้รองรับ DOLBY ATMOS ทำให้สามารถสร้างเสียงเซอร์ราวด์แบบจำลองที่ให้ความรู้สึกมีมิติ และความสูงของเสียงดีกว่ารุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด
แม้ SKY GLASS จะเป็นทีวีที่เหมาะสำหรับบางคน แต่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะกับทุกคน หน้าจอที่ใช้ยังไม่สามารถเทียบกับทีวีระดับสูงสุดได้ในแง่ของคุณภาพภาพที่สมบูรณ์แบบ แม้จะมีการพัฒนาจากรุ่นแรกอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม SKY ยังมีตัวเลือกอื่นให้เลือกใช้งาน เช่น SKY STREAM และ SKY Q ซึ่งอาจตอบโจทย์ผู้ใช้งานบางกลุ่มได้ดีกว่า ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะด้านของแต่ละคน
คุณไม่จำเป็นต้องส่งทีวีกลับหลังจากครบระยะสัญญา เพราะทีวีจะเป็นของคุณเลย
บทสรุป
จุดเด่นที่เราประทับใจ : ภาพ และเสียงได้รับการอัพเกรดให้ดียิ่งขึ้น, ใช้งาน SKY TV ได้โดยไม่ต้องติดตั้งจานดาวเทียม, ติดตั้งสะดวก และมีแผนชำระเงินรายเดือนที่ยืดหยุ่น
สิ่งที่ควรปรับปรุง : คุณภาพของภาพยังไม่สามารถเทียบกับทีวีระดับ TOP ได้ และค่าบริการรายเดือนอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหากเลือกแพคเกจเสริมหลายรายการ
สรุป : เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแฟนๆ SKY ที่ต้องการทีวีแบบครบจบในตัวเดียว โดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ล่วงหน้า
ตัวเลือกทางเลือก
TCL C645 เริ่มต้นที่ 239 ปอนด์, tcl.co
หากคุณไม่จำเป็นต้องเข้าถึงช่องของ SKY การเลือกทีวีที่มาพร้อม FREEVIEW PLAY และสามารถใช้งานร่วมกับบริการสตรีมิงต่างๆ ก็เป็นอีกทางเลือกที่คุ้มค่า รุ่น TCL C645K มีให้เลือกหลายขนาด และให้คุณภาพของภาพที่น่าประทับใจเมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย
LG OLED C4 เริ่มต้นที่ 899.98 ปอนด์, lg.com
หากคุณมีงบมากขึ้น และกำลังมองหา OLED ทีวี รุ่น LG C4 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าชัดเจนในเรื่องคุณภาพของภาพ และเมื่อมีพโรโมชัน ก็มีราคาที่สามารถเทียบกับ SKY GLASS ได้ (โดยเฉพาะรุ่น 55 นิ้ว) นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกในขนาด 42, 65 และ 77 นิ้วอีกด้วย
โทรศัพท์หรูราคาประหยัด
Nothing (3A) PRO 449 ปอนด์, nothing.tech
ดีไซจ์น
หนึ่งในจุดขายหลักของ NOTHING คือ ฝาหลังแบบโปร่งใสพร้อมไฟ GLYPH LIGHTS ที่สามารถแสดงผลในรูปแบบเฉพาะสำหรับการแจ้งเตือน เช่น มีสายเข้า หรือข้อความใหม่ ซึ่งยังคงมีอยู่ในรุ่นนี้ แต่ถูกปรับให้ดู “โต” ขึ้น และดูพรีเมียมกว่ารุ่นก่อน ที่อาจดูน่ารักเกินไปสำหรับบางคน
หน้าจอ และประสิทธิภาพ
หน้าจอ OLED ขนาด 6.77 นิ้ว ความละเอียด 2412x1080 พิกเซล รีเฟรชเรต 120HZ และความสว่างสูงสุดถึง 3000 นิท ให้ภาพคมชัด และลื่นไหล ส่วนชิพ SNAPDRAGON 7S GEN 3 แม้จะไม่แรงเท่าชิพของ APPLE แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป มีฟีเจอร์ “ESSENTIAL KEY” สำหรับจับภาพหน้าจอ หรือจดบันทึกอย่างรวดเร็ว
กล้อง
NOTHING (3A) PRO มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว เลนส์หลัก เลนส์มุมกว้างพิเศษ และเลนส์ซูมแบบ PERISCOPE ที่ซูมได้ถึง 3x แบบ OPTICAL ให้ความยืดหยุ่นในการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการถ่ายภาพซูมที่ทำได้ดีเกินคาด แม้ว่าภาพจากเลนส์อื่นๆ อาจมีความสม่ำเสมอไม่เท่ากัน
แบทเตอรี
แบทเตอรีขนาด 5000MAH เพียงพอต่อการใช้งาน 1 วัน แม้จะไม่โดดเด่นแต่ก็ถือว่าใช้งานได้ดี จุดเด่น คือ การชาร์จไว 50 วัตต์ ที่ช่วยให้คุณชาร์จกลับมาใช้งานได้ในเวลาไม่นาน
สรุป
ข้อดี : กล้องซูมระดับเรือธง ดีไซจ์นโปร่งใสสุดยูนีคพร้อม GLYPH LIGHTS
ข้อเสีย : ประสิทธิภาพกล้องโดยรวมยังไม่คงที่, มีอาการหน่วงเล็กน้อยในการใช้งานบางครั้ง
IPHONE 16E 599 ปอนด์, apple.com
ดีไซจ์น
IPHONE 16E มาพร้อมรูปลักษณ์เรียบหรูตามสไตล์ APPLE แบบคลาสสิค โดยมีให้เลือกทั้งสีดำ และขาวแบบสุภาพ แตกต่างจาก NOTHING (3A) PRO อย่างสิ้นเชิง ทั้งในแง่ของดีไซน์และความรู้สึก ไม่มี DYNAMIC ISLAND แบบรุ่นใหม่กว่า แต่โดยรวมให้ความรู้สึกเป็นผลิตภัณฑ์พรีเมียม
หน้าจอและประสิทธิภาพ
หน้าจ อ SUPER RETINA XDR ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532x 1170 พิกเซล และความสว่างสูงสุด 1200 นิท ให้ภาพคมชัดระดับสูง แม้ว่าจะรองรับรีเฟรชเรทเพียง 60HZ เท่านั้น ซึ่งดูด้อยกว่าคู่แข่งในราคาใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม จุดเด่นอยู่ที่ชิพ A18 รุ่นใหม่ที่รองรับ APPLE INTELLIGENCE ได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อม FACE ID และปุ่ม ACTION แบบปรับแต่งได้
กล้อง
แม้จะมีกล้องหลังเพียงตัวเดียว คือ FUSION ความละเอียด 47MP แต่สามารถซูมได้ทั้ง 1x และ 2x และให้ผลลัพธ์ยอดเยี่ยมทั้งในภาพนิ่ง และวีดีโอระดับ 4K กล้องหน้าความละเอียด 12MP แบบ TRUE DEPTH ก็ให้ภาพคมชัด และเหมาะกับการวีดีโอคอลล์ หรือถ่ายเซลฟี
แบทเตอรี
แบทเตอรีเป็นจุดเด่นอย่างแท้จริงของรุ่นนี้ สามารถใช้งานได้นานถึง 2 วัน/การชาร์จ 1 ครั้งหากใช้งานระดับปานกลาง การชาร์จผ่าน USB-C อาจไม่เร็วเท่า NOTHING’S 50 วัตต์ แต่ยังใช้งานได้ดี จุดด้อย คือ ไม่มี MAGSAFE และรองรับแค่การชาร์จไร้สายแบบ QI ซึ่งช้ากว่า
สรุป
ข้อดี : ประสิทธิภาพแรง กล้องดี แบทเตอรีใช้ได้นาน
ข้อเสีย : ไม่มีเลนส์ ULTRA-WIDE ใช้แค่หน้าจอสเปคพื้นฐาน และแพงกว่า