เปลี่ยนแบทเตอรีมาไม่กี่เดือน ไฟดันหมด, จอดเกิน 3 วัน สตาร์ทไม่ติด, ไฟหมด ทั้งๆ ที่ไดชาร์จปกติ...ทั้งหมดนี้ คือ สัญญาณของ “ไฟรั่ว” DIY...คุณทำเองได้ ฉบับนี้ จะพาไปเชคไฟรั่วกันครับ
หลายคนเมื่อเจอสถานการณ์ข้างต้น มักไปหาช่าง และก็โดนช่างแนะให้เปลี่ยนแบทเตอรีใหม่ โดยอ้างว่าเสื่อมสภาพ แต่ความจริงแล้ว ปัญหานี้เกิดจาก “ไฟรั่วในระบบ” เราสามารถเชคได้จากไดชาร์จ ซึ่งมีหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จเข้าไปเก็บไว้ในแบทเตอรี การตรวจเชคต้องอาศัยเครื่องวัดโวลท์มิเตอร์ โดยการสตาร์ทเครื่องยนต์ เปิดแอร์ เปิดไฟหน้า เพื่อเพิ่มโหลดเครื่องยนต์ แล้ววัดกระแสแรงดันทั้งขั้วลบ และขั้วบวก อย่าลืมปรับตัวรับกระแสเป็น DC V-50 ค่าที่ได้ต้องอยู่ประมาณ 12 โวลท์ แล้วลองเร่งเครื่องไปที่ 2,500 รตน. ค่าที่ได้ต้องมากกว่า 14.5 โวลท์ ถึงจะปกติ
ถ้าทั้งแบทเตอรี และไดชาร์จทำงานได้ปกติ แต่ไฟในแบทเตอรียังหมดอยู่ แสดงว่าตอนนี้รถของคุณ “ไฟรั่ว” แล้ว ให้รีบหาสาเหตุด่วน ! สาเหตุของไฟรั่วนั้นมีมากมาย การตรวจหาสาเหตุจึงต้องอาศัยเวลากันสักหน่อย ก่อนอื่นเราต้องประดิษฐ์อุปกรณ์ตรวจเชค นั่นก็คือ หลอดไฟแบบไส้ ขนาดไม่เกิน 7 วัตต์ (ถ้าหลอดวัตต์สูงกว่านี้ ไฟอาจไม่ติดได้ ถ้ากระแสไฟรั่วน้อยๆ) โดยหลอดไฟจะต้องมีสายไฟทั้งขั้วบวก และขั้วลบ ยื่นยาวออกมาอย่างชัดเจน อุปกรณ์ตัวนี้ ถ้าเราจะนำไปคร่อมในระบบ เพื่อตรวจดูค่าความสว่างจากสายตา ด้วยการดึงฟิวส์ทีละตัวในกล่องฟิวส์ ถ้าฟิวส์ตัวไหนเกิดไฟหรี่ผิดปกติ แสดงว่า คือ สาเหตุของไฟรั่ว ให้ไปเชคที่ระบบของฟิวส์ตัวนั้นต่อไป โดยขอแนะนำขั้นตอนการทำอย่างละเอียดในหัวข้อถัดไป
1. เครื่องวัดโวลท์มิเตอร์
2. คีม
3. ประแจเบอร์ 12
4. เทปกาว
5. อุปกรณ์หลอดไฟตรวจเชคระบบ
1. สตาร์ทเครื่องยนต์ เปิดแอร์ เปิดไฟหน้า เพื่อเพิ่มโหลด
2. ปรับไปตำแหน่ง DCV แล้วอ่านค่าโวลท์ ต้องอยู่ที่ประมาณ 12
3. เร่งเครื่องไปที่ 2,500 รตน. แล้วลองอ่านค่าโวลท์ดูอีกครั้ง
4. ค่าที่ได้ต้องมากกว่า 14 โวลท์ ถึงปกติ เสร็จแล้วปิดสวิทย์ทั้งหมด
5. หาไฟรั่ว โดยนำประแจเบอร์ 12 มาคลายนอทขั้วลบของแบทเตอรี
6. ถอดขั้วลบออก นำไปแตะกับขั้วลบของอุปกรณ์ และนำขั้วบวก แตะแท่งตะกั่วลบ
7. สังเกตที่หลอดไฟว่ามีความสว่างเพียงใด แล้วเอาเทปกาวมายึดขั้วทั้ง 2 ข้าง
8. ใช้คีมถอดฟิวส์ที่กล่องฟิวส์ทีละตัวไปเรื่อยๆ ถ้าตัวไหนไฟสว่างน้อยลง แสดงว่าฟิวส์ตัวนั้น ไฟรั่ว !