ทีมงานของเราได้มีโอกาสร่วมทริพ BOSCH MOBILITY DRIVING EXPERIENCE ณ ประเทศญี่ปุ่น นับเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ กับหนึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกยานยนต์ สะท้อนให้เห็นความเชี่ยวชาญหลักของบริษัทแห่งนี้ นั่นคือ การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับโลกยานยนต์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาตามยุคสมัยใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม มาพร้อมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำยุคสมัยเสมอมา โดยสถานที่จัดงาน คือ สนามทดสอบขนาดใหญ่ของ BOSCH (โบช) ประจำประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับสื่อมวลชนจากประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย กับสถานีทดสอบ 2 รายการตามนี้
1. ELECTRIC EFFICIENT DRIVE: HONDA N-ONE E กับการใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนรุ่นใหม่ของ BOSCH โดยมีความท้าทาย คือ การนำมาใช้งานกับรถยนต์ขนาดเล็กแบบ KEI-CAR ซึ่งเป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่น เดิมทีรถยนต์ประเภทนี้จะใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก (ไม่เกิน 660 ซีซี) การก้าวเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ KEI-CAR ต้องมีอัตราเร่งที่ไหลลื่น และการประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่เหมาะสม รวมถึงระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็มที่มากพอสำหรับชีวิตประจำวัน
2. ADAPTIVE MANEUVERABILITY: NISSAN ARIYA กับระบบ EASY TURN ASSIST เป็นระบบที่ทาง BOSCH ติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้า NISSAN ARIYA (นิสสัน อารียา) (สำหรับการทดสอบในกิจกรรม BOSCH MOBILITY DRIVING EXPERIENCE เท่านั้น ไม่มีติดตั้งในรถที่จำหน่ายจริง) หลักการ คือ การเลี้ยวในที่แคบจะช่วยให้มีวงเลี้ยวที่แคบลง และเพิ่มความคล่องตัวขณะเลี้ยว
3. ADAPTIVE ADAS BASED ON ROAD PERCEPTION: VOLKSWAGEN GOLF ระบบถัดมาจะแสดงให้เห็นถึงความล้ำหน้าของระบบเชื่อมต่อ และการใช้งานร่วมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ของตัวรถ โดยรถที่เราได้ทดลองขับ คือ VOLKSWAGEN GOLF (โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ) ลักษณะการทำงาน คือ การเชื่อมต่อข้อมูลแบบคลาวด์ กับรถยนต์คันอื่น (ที่แชร์ข้อมูลร่วมกัน) เมื่อรถคันอื่นพบสภาวะที่ผิดปกติของพื้นผิวถนน (เช่น ถนนเปียก) ระบบจะส่งข้อมูลมายังรถของเราให้รับรู้ล่วงหน้า
4. SOFTWARE DEFINED MOBILITY: LEXUS RZ ระบบดังกล่าวติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้า LEXUS RZ (เลกซัส อาร์เซด) (ติดตั้งเพื่อการทดลองขับโดยเฉพาะ) เมื่อเราขึ้นมาบนรถ และเปิดระบบดังกล่าว ตัวรถจะสแกนใบหน้าของเรา รวมถึงประมวลผลข้อมูลจากแบบสอบถามที่ทำเอาไว้ล่วงหน้า จากนั้นจะปรับแต่งการตอบสนองของตัวรถให้ตรงกับลักษณะการขับขี่ของเรา เช่น หากข้อมูลพบว่า ผู้ขับชอบการขับขี่แบบนุ่มนวล ระบบจะปรับระบบรองรับให้ตอบสนองอย่างเหมาะสม รวมถึงพวงมาลัยให้ตอบสนองแบบเน้นความต่อเนื่องมั่นคง
5. TRAILER TOW ASSIST: MERCEDES-BENZ GLE ระบบติดตั้งกับรถเอสยูวี MERCEDES-BENZ GLE (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี) ติดตั้งหูลากมาในตัว ระบบจะทำงานร่วมกับระบบบังคับเลี้ยวของพวงมาลัย และกล้องมองภาพด้านหลัง สามารถถอยรถเพื่อให้หูลากลอคเข้ากันได้พอดี นอกจากนี้ การถอยรถขณะทำการลากจูง ระบบสามารถช่วยควบคุมรถให้อยู่ในแนวตรงโดยควบคุมพวงมาลัยในทิศทางที่เหมาะสม และยังสามารถทำการถอยแบบ 90 องศาได้อีกด้วย ซึ่งตามปกติต้องใช้ความเชี่ยวชาญของผู้ขับค่อนข้างสูง
เรามีความรู้สึกว่า BOSCH มีการพัฒนาระบบใช้งานสำหรับรถยนต์ยุคใหม่ที่หลากหลาย ทั้งในแง่ของฮาร์ดแวร์ เช่น มอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ยุคใหม่ รองรับสมรรถนะที่หลากหลาย รวมถึงในแง่ของซอฟท์แวร์ที่สามารถประมวลผลได้อย่างแม่นยำ สามารถทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนได้อย่างลงตัว มีความทันสมัยกับระบบเชื่อมต่อ มีการใช้ระบบ AI ที่ชาญฉลาด ปรับแต่งการขับขี่ให้เข้ากับสภาพถนน และพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคลได้อย่างแม่นยำ
ต่อมาเราได้เดินทางสู่เมืองโยโกฮามา เพื่อเยี่ยมชม BOSCH MOBILITY HQ สถานที่แห่งนี้เป็นทั้งออฟฟิศ รวมถึงการเป็นศูนย์วิจัย และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ของ BOSCH สิ่งที่น่าสนใจ คือ การที่เหล่าสื่อมวลชนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มีโอกาสชมฝ่ายทดสอบระบบ และผลิตภัณฑ์ของ BOSCH ทำให้เห็นว่าการพัฒนาอุปกรณ์ใช้งานกับรถยนต์ จะต้องมีความแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นแรงสั่นสะเทือน รวมถึงความทนทานต่อคลื่นรบกวนต่างๆ สามารถส่งข้อมูลออกมาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง นอกจากนี้ อุปกรณ์ที่คิดค้นขึ้นมาต้องมีขนาดกะทัดรัดขึ้น มีน้ำหนักเบากว่าเดิม แต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพโดยรวมแม้แต่น้อย
บทความแนะนำ

