ข่าวรอบโลก
ยักษ์เยอรมนีสร้างบแรนด์ใหม่ บีเอมดับเบิลยู ไอ
ยักษ์เยอรมนีสร้างบแรนด์ใหม่
บีเอมดับเบิลยู ไอ
เพื่อรับมือรถพลังงานทดแทน
เยอรมนี-บีเอมดับเบิลยู กรุพ (BMW GROUP) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเมืองเบียร์ เปิดตัว SUB-BRAND หรือ บแรนด์ย่อย คือ บีเอมดับเบิลยู ไอ (BMW I) ที่สร้างขึ้นเพื่อรับมือกับการผลิตและจำหน่ายรถแบบใหม่ๆ ที่จะผลิตจำหน่ายในอนาคต ทั้งรถไฮบริดซึ่งประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และรถไฟฟ้าซึ่งไม่ต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงใดๆ มีงานแถลงข่าวเปิดตัวในเยอรมนีไปแล้วเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ พร้อมกับการอวดโฉมของ "โลโก" ที่ออกแบบขึ้นใหม่
ความมุ่งมั่นในการออกแบบและพัฒนารถพลังงานทดแทนของผู้ผลิตรถยนต์เจ้าของเครื่องหมายการค้า "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" เป็นเรื่องที่เห็นชัดกันมาหลายปีแล้ว แม้ว่าเป็นผู้ผลิตรถยนตระดั[ "พรีเมียม" ซึ่งผู้ซื้อไม่ใช่คนที่จะมีปัญหากับค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง แต่ในยุคที่โลกต้องการความร่วมมือร่วมใจในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม การออกแบบและพัฒนารถซึ่งประหยัดเชื้อเพลิง และไม่ทำลายบรรยากาศของโลก จึงไม่ใช่สิ่งที่ผู้ผลิตรถยนต์ระดับนี้จะเมินเฉยได้ การสร้างบแรนด์ย่อย บีเอมดับเบิลยู ไอ จึงเป็นการยืนยันอย่างหนักแน่นอีกครั้งหนึง ในความมุ่งมั่นด้านรถพลังงานทดแทนของผู้ผลิตยักษ์ใหญ่รายนี้
ตามโครงการที่กำหนดไว้แล้ว ยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์จะใช้บแรนด์ย่อย บีเอมดับเบิลยู ไอ กับรถใหม่ๆ หลายแบบ ทั้งรถที่ขับด้วยระบบไฮบริดซึ่งยังจำเป็นต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และรถไฟฟ้าแท้ๆ ซึ่งไม่ต้องอาศัยน้ำมันเชื้อเพลิง และปราศจากไอพิษใดๆ ที่ชัดเจนเพราะยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์ยืนยันแล้วในงานเปิดตัวดังกล่าวก็คือ รถ 2 แบบแรกที่จะออกจำหน่ายในปี 2013 โดยติดป้ายยี่ห้อ บีเอมดับเบิลยู ไอ คือ บีเอมดับเบิลยู ไอ 3 (BMW I3) กับ บีเอมดับเบิลยู ไอ 8 (BMW I8)
แบบแรก คือ บีเอมดับเบิลยู ไอ 3 (BMW I3) เป็นรถขนาด 2+2 ที่นั่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมาก่อนหน้านี้ในชื่อ MEGACITY VEHICLE หรือ "รถมหานาคร" เป็นรถขนาดเล็กที่ออกแบบเพื่อการขับขี่ในเมือง และจะเป็นรถนาครขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ แบบแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายนี้ คาดหมายกันว่าระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าในรถแบบนี้ น่าจะคล้ายคลึงระบบที่ได้เห็นกันมาแล้วในรถต้นแบบ บีเอมดับเบิลยู แอคทีฟ อี (BMW ACTIVE E) ซึ่งเพิ่งอวดตัวเป็นครั้งแรกที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นระบบขับล้อหลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 125 กิโลวัตต์/170 แรงม้า และใช้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ซึ่งประจุแต่ละครั้งด้วยไฟบ้าน 240 โวลท์ โดยใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง รถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 160 กม. ด้วยความเร็วสูงสุดซึ่งจำกัดไว้ที่ 145 กม./ชม.
ส่วนแบบที่ 2 บีเอมดับเบิลยู ไอ 8 (BMW I8) เป็นรถสปอร์ท 4 ที่นั่ง พัฒนาจากรถแนวคิด บีเอมดับเบิลยู วิชัน เอฟฟิเชียนท์ ไดนามิคส์ (BMW VISION EFFICIENT DYNAMICS) ซึ่งปรากฏตัวที่งานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทครั้งที่ 63 เมื่อเดือนกันยายน 2009 และเป็นรถขับทุกล้อแบบไฮบริด โดยใช้เครื่องยนต์ดีเซลทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม คาดหมายกันว่า เมื่อกลายสภาพเป็นรถตลาด เครื่องยนต์ที่ใช้อาจจะเปลี่ยนเป็นเครื่องเบนซิน
สปอร์ทคูเป ซีรีส์-6
เปิดผ้าคลุมเผยโฉมแล้ว
จะออกขายตอนปลายปี
เยอรมนี-ยักษ์ใหญ่เจ้าของเครื่องหมายการค้า "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" เปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดของ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-6 คูเป (BMW 6-SERIES COUPE) รุ่นใหม่แล้ว ถ้าอยากสัมผัสตัวจริงเสียงจริงต้องไปดูที่เมืองจีน แต่ถ้าอยากเอาเงินล้านไปแลกก็ต้องรอปลายปี
หลังจากเผยโฉมหน้าและรายละเอียดของรถเปิดประทุน บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-6 กาบริโอเลต์ (BMW 6-SERIES CABRIOLET) ไปแล้วเมื่อปลายปีเสือ เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี่เอง ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์ก็เติมเต็มให้แก่ลูกค้าผู้อยากเป็นเจ้าของรถอนุกรมนี้ โดยเปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดต่างๆ ผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งสื่ออีเลคทรอนิคอย่างเวบไซท์ พร้อมทั้งยืนยันว่า ตัวจริงเสียงจริงของรถรุ่นใหม่นี้ จะอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่งานมหกรรมยานยนต์เซี่ยงไฮ้ครั้งที่ 14 ซึ่งกำหนดมีขึ้นในสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 21-28 เมษายน 2011 และรถจะเริ่มจำหน่ายในเมืองแม่ คือ เยอรมนีในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน
นับเป็นรถรุ่นที่ 3 และเป็นรถคูเป 2+2 ที่นั่ง ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่หัวจรดหาง รูปทรงองค์ของตัวถังซึ่งยาว 4.894 ม. กว้าง 1.894 ม. และสูง 1.369 ม. ให้ความรู้สึกเหมือนเมื่อเห็นคนหรือสัตว์ที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ไม่ดูขัดตาเหมือนรถรุ่นก่อนซึ่งตอนเปิดตัวมีเสียงวิจารณ์กันอย่างอึงคะนึง เป็นตัวถังที่ยาวและกว้างกว่ารถรุ่นเดิมถึง 7.5 และ 3.9 ซม. ตามลำดับ ผู้โดยสารบนเบาะหลังจึงนั่งสบายกว่ารถรุ่นเดิมอย่างรู้สึกได้ชัด แม้ว่าส่วนหลังคาเตี้ยลง 0.5 ซม.
ในช่วงแรกที่ออกจำหน่ายในเมืองเบียร์ จะมีรถให้เลือกใช้เพียง 2 โมเดล คือ บีเอมดับเบิลยู 640 ไอ คูเป (BMW 640I COUPE) ติดป้ายค่าตัว 74,700 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 3.20 ล้านบาทไทย กับ บีเอมดับเบิลยู 650 ไอ คูเป (BMW 650I COUPE) ติดป้ายค่าตัว 85,700 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 3.69 ล้านบาทไทย เป็นราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ไว้แล้ว
โมเดลแรก คือ บีเอมดับเบิลยู 640 ไอ คูเป ติดตั้งเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบฉีดตรง DOHC 6 สูบเรียง 2,979 ซีซี 320 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย คือ 7.7 ลิตร/100 กม. หรือ 13.0 กม./ลิตร อัตราคาร์บอนไดออกไซด์ 179 กรัม/กม. ส่วนโมเดลหลัง บีเอมดับเบิลยู 650 ไอ คูเป ใช้เครื่องทวินเทอร์โบฉีดตรง DOHC วี 8 สูบ 4,395 ซีซี 407 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย คือ 10.4 ลิตร/100 กม. หรือ 9.6 กม./ลิตร และอัตราคาร์บอนไดออกไซด์ 243 กรัม/กม. ทั้ง 2 โมเดลใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หลัง
เบนซ์ ซี-คลาสส์ คูเป
เปิดตัวแล้วในยุโรป
มีระบบดับเครื่องเมื่อรถหยุด
เยอรมนี-ยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์เจ้าของเครื่องหมายการค้า "ดาวสามแฉก" เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้อยากเป็นเจ้าของรถคูเปขนาดเล็กระดับหรู โดยเปิดตัวรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์ คูเป (MERCEDES-BENZ C-CLASS COUPE) ผ่านสื่อต่างๆ ก่อนนำรถตัวจริงเสียงจริงออกอวดตัวต่อสายตาคนรักรถที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งล่าสุด เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และจะออกขายในเมืองเบียร์ตอนกลางปี
หลังจากเพิ่งเปิดตัวรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์ รุ่น FACELIFT หรือ "ยกหน้า" ในตัวถังซีดานและตัวถังตรวจการณ์ได้เพียง 2 เดือน ค่าย "ดาวสามแฉก" ก็ทำให้ลูกค้าผู้ชื่นชอบรถที่มีประตูข้างเพียง 2 บานยิ้มออก โดยเปิดเผยรูปโฉมและรายละเอียดของรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์ ในตัวถังคูเป เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ และต้นเดือนถัดมาก็นำรถตัวจริงออกอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่เมืองสวิสส์
เป็นรถคูเปขนาดเล็กกะทัดรัดระดับหรู ที่ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์จะนำออกสู่ตลาดเพื่อสู้กับรถประเภทเดียวกันของคู่แข่งร่วมสัญชาติ คือ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-3 คูเป (BMW 3-SERIES COUPE) และ เอาดี เอ 5 (AUDI A5) ซึ่งครองตลาดของรถประเภทนี้มาแล้วเกือบ 2 ปี นับแต่ค่าย "ดาวสามแฉก" ปลดรถคูเปขนาดเล็กรุ่นเดิม คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเค-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ CLK-CLASS) เมื่อปี 2009
ตัวถังซึ่งพัฒนาจากรถซีดาน มีขนาดยาวเท่ากับรถซีดาน คือ 4.590 ม. แต่มีหลังคาที่เตี้ยกว่ากันประมาณ 4 ซม. การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ในบางจุดโดยเฉพาะส่วนท้าย ทำให้ตัวถังของรถคูเปดูปราดเปรียวกว่ารถซีดานร่วมอนุกรมเป็นอย่างมาก รูปทรงองค์เอวที่ให้ความรู้สึกในความแคล่วคล่องว่องไวดังที่ว่า น่าจะเป็นจุดขายสำคัญ เพราะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของรถคูเปรุ่นนี้ คือ ผู้ใช้รถซึ่งอยู่ในวัย 35-45 ปี ส่วนผู้อาวุโสกว่านั้น ค่าย "ดาวสามแฉก" ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรถอนุกรมพี่ คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ คูเป (MERCEDES-BENZ E-CLASS COUPE) ซึ่งมีขนาดตัวถังโตกว่ากันนิดเดียว
รถจะออกโชว์รูมในเมืองเบียร์และอีกหลายประเทศของยุโรปเดือนมิถุนายนปีกระต่าย โดยมีรถให้เลือกใช้รวม 5 โมเดล แยกเป็นรถเบนซิน 3 โมเดล กับรถดีเซล 2 โมเดล ดังนี้
C 180 BLUEEFFICIENCY COUPE
C 250 BLUEEFFICIENCY COUPE
C 350 BLUEEFFICIENCY COUPE
C 220 CDI BLUEEFFICIENCY COUPE
C 250 CDI BLUEEFFICIENCY COUPE
1 เดือนหลังจากนั้น คือ ในเดือนกรกฎาคม 2011 ก็จะเพิ่มรถให้เลือกใช้อีก 1 โมเดล เป็นรถโมเดลพิเศษที่ออกแบบสำหรับผู้ใช้รถเงินหนา ซึ่งชมชอบความแรง และไม่ชอบขับรถตามหลังใคร คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี 63 เอเอมจี คูเป (MERCEDES-BENZ C 63 AMG COUPE) รถโมเดลนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ DOHC วี 8 สูบ ความจุ 6,208 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 457 แรงม้า ที่ 6,800 รตน. ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ANG SPEEDSHIFT MCT สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดเพื่อความปลอดภัยไว้ที่ 250 กม./ชม.
สนนราคาค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ของเมือง เริ่มต้นที่ 33,290 ยูโร หรือประมาณ 1.43 ล้านบาทไทย ในโมเดลพื้นฐาน คือ C 180 BLUEEFFICIENTCY COUPE ไปจนถึง 72,590 ยูโร หรือประมาณ 3.12 ล้านบาทไทยในรถโมเดลหัวกะทิ คือ C 63 AMG COUPE
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ข่าวรอบโลก