พิเศษ(4wheels)
คาราวาน SPIRIT ขับรถเที่ยว 3 ประเทศ
ในที่สุดวันที่นักเรียนโรงเรียนพัฒนาทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ SPIRIT OF THE 4x4 DRIVING SCHOOL เฝ้ารอคอยก็มาถึง นั่นคือ การเดินทางท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน นำทีมโดย สุกานดา ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการ โรงเรียนพัฒนาทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อน 4 ล้อ จุดหมายอยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเวียดนาม มีผู้ร่วมเดินทางทั้งสิ้น 6 คัน
วันแรกของการเดินทาง ขบวนคาราวานนัดรวมตัวกันที่โรงแรมนครพนม ริเวอร์วิว จ. นครพนม เพื่อพักผ่อน เช้าวันต่อมา จึงเดินทางมุ่งหน้าสู่ชายแดนไทย-ลาว ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง จ. นครพนม
หลังจากข้ามแดนขบวนคาราวานมุ่งหน้าสู่ SALAHINBOUN RESORT เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ที่นี่เป็นที่พักแนวโฮมสเตย์ บรรยากาศดี ร่มรื่น และหลังจากที่รับประทานอาหารกันอิ่มแล้ว จึงออกเดินทางต่อ มุ่งหน้าสู่ ถ้ำลอด KONG LOR
การเดินทางเข้าไปในถ้ำ จะต้องลงเรือหางยาวเข้าไปเป็นระยะทางกว่า 7.5 กม. แต่พวกเราลงเรือชมความงามได้เพียง 1/4 ของความยาวทั้งหมด ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา เพราะถ้าเข้าไปจนสุดระยะทาง อาจออกมาไม่ทันพระอาทิตย์ตกดินการเดินทางจะลำบากมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยเวลาเพียงน้อยนิด พวกเราก็สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัวได้มากพอสมควร
หลังจากนั้นพวกเรากลับมาขึ้นรถเดินทางมุ่งหน้าสู่หลักซาว เพื่อเข้าพักที่โรงแรม PUTTHAVONG GUESTHOUSE พักผ่อนตามอัธยาศัยสักพัก เดินเท้าไปรับประทานอาหารเย็นกันที่ภัตตาคาร ONLY ONE ร้านอาหารพื้นบ้านของเมืองลาว แต่รสชาติไม่ธรรมดา หลังจากรับประทานเสร็จก็แยกย้ายกลับมาพักผ่อนดูละครไทยที่ห้องพัก
วันที่สอง ทะเลทราย คือ จุดหมาย
เช้านี้พวกเราตื่นแต่เช้า เพราะอากาศที่นี่เริ่มหนาวเย็นลง สังเกตได้จากเวลาพูดคุยกับเพื่อนร่วมทริพ จะมีควันออกจากปากกันทุกคน จนต้องเอาเสื้อกันหนาวที่พกติดมาด้วยมาใส่สร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังเมือง DONG HOI ในเวียดนาม มุ่งหน้าไปขับรถบนทะเลทราย SAND DUNE ที่เป็นไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้
เมื่อถึงจุดหมาย ทะเลทรายขนาดใหญ่ตรงหน้าสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่พวกเราเป็นอย่างมาก เพราะกินอาณาบริเวณสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะลงมือขับรถเล่น ลุยเนินทะเลทราย ครูปุ้ม (สราวิทย์ วานิชสมบัติ) หัวหน้าครูฝึก บอกว่า อยู่ๆ จะลุยไปเลยไม่ได้ การขับรถผ่านเนินทราย จะต้องปล่อยลมยางเพื่อให้หน้ายางได้สัมผัสพื้นผิวมากขึ้น ซึ่งจะสามารถลอยตัวได้ดีกว่าการสูบลมยางปกติที่หน้ายางแคบกว่า ก่อนจะส่งกำลังเครื่องยนต์เต็มที่ ห้ามถอนคันเร่งโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้น ถ้ากำลังไม่พอ ล้อจะปั่นฟรี จนจมทราย หลังจากนั้นจะต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กันอีกครั้ง
เมื่อได้ฟังทฤษฎีคร่าวๆ นักเรียนทุกคนก็พร้อมลุยทะเลทรายกันแล้ว โดยการนำทางของ อินที (ผู้ดูแลประสานงานในการเดินทางทริพนี้) เขาผ่านไปได้อย่างฉลุย ตามด้วยครูปุ้ม หัวหน้าครูฝึกของเรา และผู้ร่วมคาราวาน ทุกคนสามารถผ่านเส้นทางมาได้เป็นอย่างดี อาจจะมีติดๆ ขัดๆ บ้างเล็กน้อย แต่ไม่เกินความสามารถของนักเรียนสปิริททุกคนไปได้
เมื่อสนุกกันพอหอมปากหอมคอ ขบวนคาราวานเดินทางต่อเข้าเมือง เพื่อเชคอินที่โรงแรม SAIGON
วันที่สาม ท่องเที่ยวเมืองเว้
เช้าวันที่สามของการเดินทาง ขบวนคาราวานมุ่งหน้าสู่เมืองเว้ โดยการเดินทางพวกเราไม่ลืมที่จะต้องขับรถเลนขวากันตลอดเวลา มีบางครั้งที่หลงลืมจนผู้นำทางจะต้องคอยวิทยุสื่อสารบอกว่า "เลี้ยวขวากันแล้วอย่าลืมชิดขวานะครับ"
วันนี้ คาราวานมุ่งหน้าไปชมความสวยงามของพระราชวังหลวงของเมืองเว้ ได้ชมประวัติการสร้างพระราชวัง ชมความงามเพียงบางส่วนเท่านั้น ด้วยความกว้างใหญ่ไพศาล เมื่อถึงเวลาพวกเราจำต้องบอกลาสถานที่แล้วเดินทางมุ่งหน้าสู่ที่พักที่สบายที่สุดของเรา ณ โรงแรม HUOUNG GIANG คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว มีการเล่นเกมชิงของรางวัล พร้อมพูดคุยถึงเบื้องหลังของการเดินทางครั้งนี้ รวมถึงความประทับใจของผู้ร่วมเดินทาง ที่ต้องบอกว่า ประทับใจกันจนมิรู้ลืม และยังไม่รู้ว่า การเดินทางแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่...ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน
เว้ (HUE) เป็นเมืองเอกของจังหวัดถัวเทียน-เว้ (THUA THIEN-HUE) และเป็นเมืองหลวงเก่าในราชวงศ์เหงียน ช่วงปี 1802-1935 เว้เป็นศูนย์กลางของพระราชวังต่างๆ จนได้รับขนาน
นามว่า "นครจักรพรรดิ" พระราชวังเดิมนี้มีหลายชื่อที่คนไทยเรียกกัน เช่น พระราชวังหลวง นครจักรพรรดิ (IMPERIAL ENCLOSURE) หรือ พระราชวังต้องห้าม (THE PURPLE FORBIDDEN CITY) พระราชวังเดิมนี้สร้างในปี 1805 สมัยจักรพรรดิ GIA LONG แล้วเสร็จในปี 1832 สมัยจักรพรรดิ MING MANG รวมระยะเวลาก่อสร้าง 27 ปี สร้างตามแบบพระราชวังต้องห้ามของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ได้ย่อส่วนลงมาจากต้นแบบ แม้ว่าจะถูกย่อส่วนแต่ก็ใหญ่โตไม่น้อย เช่น กำแพงวังมีความยาวถึง 11 กม. (ด้านละประมาณ 2.5 กม.) มีความสูง 6 ม. หนา 2 ม. มี 11 ประตู มี 24 ป้อมปราการ พระราชวังนี้ได้ออกแบบให้มีกำแพงล้อมรอบถึง 3 ชั้น แต่ละชั้นจะประกอบไปด้วย พระราชวังและตำหนักต่างๆ ส่วนชั้นในจะมีพระราชวังต้องห้าม เป็นเขตเฉพาะเครือญาติของราชวงค์เหงียนเท่านั้น พระราชวังแห่งนี้ถูกเผาโดยฝรั่งเศส ในปี 1945 ซึ่งได้รับความเสียหายเป็นอันมาก จากนั้นก็กลายเป็นพระราชวังร้าง ครั้นถึงปี 1968 หรือสมัยสงครามเวียดนาม ก็ถูกเครื่องบินสหรัฐ ฯ ทิ้งระเบิด เนื่องจากเป็นที่ซ่องสุมของพวกคอมมิวนิสต์ เมื่อสงครามสงบ องค์การยูเนสโกจึงเข้ามาบูรณะ และได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1993
วันที่ต้องเดินทางกลับสู่ความจริง
เช้าวันสุดท้ายนี้ พวกเราตื่นแต่เช้าเช่นเดิม เพราะก่อนกลับมีนัดจะไปชอพพิงกันที่ตลาด DONG BA ซึ่งถือเป็นแหล่งชอพพิงของฝากที่ใหญ่แห่งหนึ่ง จากนั้นเดินทางสู่ชายแดนเวียดนาม-ลาว เพื่อข้ามฝั่งไปเมืองไทย และไปสิ้นสุดการเดินทางที่ ด่านลาว-ไทย จ. มุกดาหาร หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง เจอกันใหม่...ทริพหน้า
เรื่องโดย : ปาร์จารีย์ ทัศนชลีจิระโชติ
ภาพโดย : ธีรวิทย์ โตจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/85062