ร่มไม้ชายศาล
รถตู้มรณะ/เช่ารถ
ผมไม่คาดหวังในการแสดงความคิดเห็นสักเท่าไร ผู้บริหารบ้านเมืองช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตกอยู่ในบ่วงของการแก่งแย่งอำนาจและผลประโยชน์ การบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชนอย่างแท้จริง มิได้นำพาเท่าที่ควรสิ่งที่อยากเอ่ยถึง คือ ปัญหารถตู้โดยสาร ซึ่งผมไม่สนใจว่าให้บริการโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่สนใจชีวิตผู้โดยสารที่สูญเสียแทบจะเป็นรายวัน ประมาณว่า มีเจ้ามือพนัน รับแทงว่าวันนี้ไทยเราจะมีข่าวรถตู้พาคนไปตายหรือไม่ ตายกี่ศพ ต่อรองเท่าไร ได้เสียกันอย่างเห็นๆ ประเทศไทยไม่นำพาชีวิตคนสักเท่าไร เอ็งตายได้ ตายไป ไม่พยายามหาทางสงวนชีวิตมนุษย์อย่างที่อื่นๆ ไม่ใช่แค่นั้น ความสูญเสียเกิดขึ้น กฎหมายบ้านเมืองยังจัดการให้ผู้รับผิด ชดใช้ความเสียหายไม่ได้ หรือไม่ได้ง่ายๆ สมมติว่าตะเกียกตะกายพึ่งพาการฟ้องร้อง นำพยานหลักฐานไปพิสูจน์ได้ชัดเจน แต่กระบวนการทางโรงศาลของเราเข้าข่าย หนังชีวิต หรือ รามเกียรติ์ ภาพยนตร์ยุคใหม่ก็ต้อง "ไตรภาค" เป็นอย่างน้อย ฝ่ายที่ต้องจ่ายสามารถชักเย่อ 3 ศาล 5 ศาลได้ไม่ยาก ใช้เวลารวมกันแล้ว จวน 10 ปี หรือเกิน 10 ปี เดี๋ยวนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา โอ้...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด อย่าคิดว่าจะได้เงินทองชดเชยความเสียหายปุ๊บปั๊บ หลังจากรอคอยคำตัดสินเด็ดขาดมายาวนาน จนหลายรายคอยไม่ไหว สิ้นลมไปเสียก่อน ยังขึ้นอยู่กับพิธีการบังคับคดี ถ้าผู้รับผิดมันไม่ยอมจ่าย เพราะไม่กลัวคุกตะราง เนื่องจากเป็นคดีแพ่ง ต้องใช้เวลา อาจกลายเป็นคดีตามมาได้อีก หรือบังคับเสร็จ เขาไม่มีจ่าย เช่น สภาพของผู้รับผิดเปลี่ยนไป เนื่องจากเหตุการณ์ล่วงเลยซะขนาดนั้น การดิ้นรนของผู้เสียหายกลายเป็นสูญเปล่าได้เสมอ เข้าเนื้อขาดทุนอีกต่างหาก นี่คือ ความจริงที่ฝ่ายบ้านเมืองไม่เคยหยิบยกมาพูดถึง หรือดูแลแก้ไข วันๆ หาเรื่องทะเลาะกัน ด่ากันรอบทิศจนหมดเวลา แถมสื่อ และประชาชนก็ร่วมวงกับนักการเมือง ทะเลาะกันตีกันเองซะด้วย ถามว่า มีทางแก้ไขปัญหารถตู้พาคนไปตายได้ไหม ? พยายามมันต้องได้ หาวิธีควบคุมความบ้าระห่ำของรถเหล่านี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า แข่งพายุทั้งนั้น แต่อย่าบอกว่าจะให้ตำรวจสกัดจับ ไม่สำเร็จ คนไทยขับรถเร็วขนาดไหนก็ได้ ถ้าไม่กลัวตาย กฎหมายเป็นหมันมานานแล้ว ต้องใช้เครื่องมือเข้าช่วย ดังเช่นประเทศอื่นๆ บริษัทเอกชนในบ้านเราเขาใช้อยู่ นั่นคือ เครื่อง จีพีเอส บังคับให้ติดตั้งในรถตู้รับจ้างทุกคัน แค่นั้นก็สามารถควบคุมไม่ให้ขับรถเร็วเกินกำหนด แถมยังรู้พิกัด มีศูนย์ควบคุม ใครฝ่าฝืนสัญญาณดังทันที ทั้งในตัวรถ และที่ศูนย์ ฯ สามารถเชคบิลล์ได้ทันที ไม่ยากเลย เขาใช้กันมานานนม แปลกทางการไทยไม่คิดจะนำมาใช้ ติดขัดตรงไหนไม่ทราบ จึงปล่อยให้คนตายโหงแทบทุกวัน เหมาคันก็มี ที่แน่ๆ คือ ผู้ทรงเกียรติทั้งหลายเขาไม่พึ่งรถตู้รับจ้างอยู่แล้ว จึงไม่รู้สึกเดือดร้อนกับชาวบ้าน ซึ่งจำใจรับสภาพไปตามเวรตามกรรม อนิจจา ตามมาติดๆ ด้วยคดีความอย่างเคย รถยนต์เป็นของมีราคาค่างวด ก่อให้คนจิตใจชั่วทำผิดอยู่เสมอ งานนี้ นส. ใฝ่ฝัน ใฝ่ฝันอยากได้เงินใช้แบบง่ายๆ เห็นข่าวแก๊งขายตรงต่างจังหวัดใช้อุบาย เช่ารถยนต์มาแล้วเชิด เจ้าของหลายสิบรายตาเหลือก จึงเอาอย่างมั่ง ไปขอเช่ารถของ นางไข่เจียว ให้ราคาดี นางไข่เจียว ก็อยากได้สตางค์ จึงตกลง พอได้รถ นส. ใฝ่ฝัน ไม่รอช้า เอาไปจำนำได้เงิน 1 แสน 5 หมื่นบาท วิธีนี้น่าจะเวิร์ค จึงไปเช่ารถอีก 2 ราย จำนำอีกเช่นกัน เออว่ะ...ไอ้คนรับจำนำมันก็ทำได้ซะด้วย ไม่สนใจว่าใครเป็นเจ้าของ เวรกรรม นางไข่เจียว หน้าซีดปานไข่ขาว เมื่อรู้ว่าโดนหลอก แจ้นไปโรงพัก ยังดีที่ตำรวจเอาธุระให้ เกาะตัว นส.ใฝ่ฝัน มาเจรจา แต่นังคนนี้บอกว่าเหลือแต่ตัว หนูทำอะไรไม่ได้ นางไข่เจียว กลัวเสียรถ จึงกัดฟันควักเงินไถ่รถมาคืน แล้วเกณฑ์ให้ นางจุ๊บจุ๊บ แม่ของ นส. ใฝ่ฝัน ทำสัญญากู้ยืมเงิน 2 แสนบาท ภายใน 1 เดือน บวกค่าเช่ารถไว้ด้วย 5 หมื่นบาท นางจุ๊บจุ๊บ จำใจ เพราะกลัวลูกสาวติดตะรางข้อหายักยอก พอถึงกำหนด นางจุ๊บจุ๊บ ผิดนัด ไม่ยอมพบหน้า ไม่ยอมจ่ายเงินตามสัญญา นางไข่เจียว ต้องกัดฟันจ้างทนายยื่นฟ้อง นางจุ๊บจุ๊บ บังคับให้ใช้เงินตามสัญญากู้ พร้อมดอกเบี้ย จำเลย คือ นางจุ๊บจุ๊บ เบี้ยวบิดไม่แพ้ลูก หาทนายสู้คดี ก็ทนายนั่นแหละหาช่องให้ อ้างว่าตนเองไม่ได้เป็นหนี้ ไม่มีนิติสัมพันธ์ใดๆ ด้วย แต่โดนขู่เข็ญบังคับให้ทำสัญญากู้ จึงตกเป็นโมฆะ ต้องยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินยกฟ้อง จำเลยได้เฮ หน้างี้บานลงจากศาล นางไข่เจียว ผู้เป็นโจทก์แสนจะเซ็ง ให้ทนายแก้เกม ด้วยการยื่นอุทธรณ์ การต่อรองว่าจะไม่เอาลูกสาวของ นางจุ๊บจุ๊บ เข้าคุก แล้ว นางจุ๊บจุ๊บ ยอมทำสัญญากู้ยืม ชดใช้เงินที่ตนควรจะได้ แม้ นางจุ๊บจุ๊บ ทำสัญญาเพราะกลัวลูกสาวติดคุกนางไข่เจียว จึงมีสิทธิที่จะคาดคั้นได้ ไม่เข้าข่ายข่มขู่ บังคับศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับโจทก์ พิพากษากลับบังคับให้ นางจุ๊บจุ๊บ แพ้คดี นางจุ๊บจุ๊บ ยังเบี้ยวไม่หยุด ให้ทนายยื่นฎีกา ยืนยันอย่างในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาคว้าสำนวนที่กว่าจะมาถึงคิวไม่รู้กี่ปี พิจารณาด้วยความอิดโรย แล้วชี้ขาดออกมาว่า การที่ นางไข่เจียว เจ้าของรถ เกณฑ์ให้ นางจุ๊บจุ๊บ ทำสัญญากู้ ขืนไม่ทำก็จะดำเนินคดีอาญา นส. ใฝ่ฝัน ลูกสาวของ นางจุ๊บจุ๊บ เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายโดยสุจริต ขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ตามกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา 165 สัญญากู้มีผลบังคับ งานนี้ยังเข้าข่ายแปลงหนี้ใหม่ โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ตามมาตรา 350 ไม่ต้องทำเป็นหนังสือระบุว่ามีการแปลงหนี้ เมื่อไม่ได้ขืนใจ นส. ใฝ่ฝัน ลูกหนี้ตัวจริง สัญญากู้ที่เกิดจากการแปลงหนี้ใช้ได้ นางจุ๊บจุ๊บ ดิ้นไม่หลุด เบี้ยวไม่ได้ ขอบอก ศาลฎีกาจึงยอมเมื่อยขบ พิพากษายืน ให้ นางไข่เจียว ชนะคดี ตามที่ศาลอุทธรณ์ว่าไว้ กระซิบบอกนิดหนึ่ง คดีนี้เกิดเมื่อปี 2544 ตัดสินเสร็จชั้นฎีกาปี 2553 ลองนับนิ้วเล่นๆ ว่าใช้เวลากี่ปี กว่า นางไข่เจียว จะชนะคดี ยังไม่รู้ว่าจะได้เงินจริงๆ หรือไม่ เมื่อไร ดังที่ผมสาธยายไว้ในตอนต้นเรื่องนั่นแล จำไว้อย่าง อะไรที่เขาบอกว่าจะได้เงินง่ายๆ ได้เงินดี สมัยนี้ต้องระแวงไว้ก่อนว่า อาจโดนหลอกต้ม โดนโกง อย่าได้หูเบาบวกความโลภ ผลสุดท้ายต้องเอามือกุมหัวกะโหลก ร้องว่า กูซวยๆๆ ยากที่ใครจะช่วยได้ ขึ้นโรงขึ้นศาลมันแก้ที่ปลายเหตุนะพี่ มักเสียเวลาเปล่า นี่คือ เรื่องจริงที่เศร้านะครับ จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5426/2553
เรื่องโดย : "จอมยุทธ"
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/85927