ร่มไม้ชายศาล
พิษสงการยืม
คำสั้นๆ คือ ยืม มีบทบาทต่อชีวิตผู้คนอย่างไม่ธรรมดา ถ้าคิดตามก็จะประจักษ์ชัดยิ่งขึ้นว่า เป็นพฤติกรรม หรือการกระทำที่มนุษย์มีต่อกัน แล้วส่งผลไปในช่องทางต่างๆ และค่อนไปทางไม่งามเสียมากกว่าการยืม ให้ทุกข์ แก่ผู้ยืมและผู้ให้ยืมได้เสมอ ตั้งแต่ขั้นพอรำคาญใจ ไปจนถึงขั้นทุกข์หนักหนา ใครเกิดมาแล้วเคราะห์ดี ไม่ต้องยืมและให้ยืม นับว่าปลดเปลืองสิ่งที่เป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ได้อย่างหนึ่ง การยืมจะไม่ก่อทุกข์ได้อย่างไร ในเมื่อสร้างโอกาสให้ได้ขึ้นโรงศาล ให้เป็นถ้อยร้อยความ ผู้พิพากษามีงานเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนั้น ยกเว้น ทนายความที่พลอยได้ลาภไปด้วย การยืมส่วนใหญ่ทำให้ขาดญาติขาดมิตร ส่วนน้อยเท่านั้นที่จะก่อให้เกิดมิตร หรือเพิ่มพูนความเป็นมิตร เพราะการยืมกับ การส่งคืน สิ่งที่ยืมมา มักมีปัญหา ส่วนมากจะไม่มีการส่งคืนตามที่พูดจาตกลง หรือสภาพสิ่งที่ให้ยืมกลับมาไม่ เหมือนเดิม ซึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เมื่อผู้ยืมส่วนใหญ่ไม่ดูแลรักษาหรือใช้สอย ดุจข้าวของตนเอง การยืมอาจทำให้อนาคตของทั้งสองฝ่าย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมืดมัว หรือล่มสลาย ไปจนถึงขั้นล้มละลาย จะบอกว่าการยืมไม่เป็นทุกข์จึงยากจะปฏิเสธ การปัดไม่ให้ยืม บางกรณีเป็นเรื่องยากเย็น ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของคู่กรณี แต่ความสัมพันธ์อาจยังเหลืออยู่ ส่วนการให้ยืมง่ายๆ มักหมายถึงการสิ้นสุดความสัมพันธ์ซึ่งมักจะตามมา ไม่มองหน้ากันอีกเลย การให้ยืมของบางอย่าง แม้เจ้าของจะไม่เสียดาย หากสิ่งที่ให้ยืมเป็นไปอย่างไร แต่อาจจะเสียดายยิ่งนักที่ตัดสินใจให้เขายืม เมื่อมันชักนำความเดือดร้อนมาให้ ทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา แม้กระทั่งคุกตะราง ผู้ที่กระตือรือร้นกับการให้ยืมมีอยู่เช่นกัน ได้แก่ ธนาคาร เจ้าหนี้นอกระบบ หรือเมื่อก่อนเรียกว่าทำนาบนหลังคน ผู้ที่หากินจากดอกเบี้ย เพราะคนเหล่านี้เชื่อว่าไม่เป็นทุกข์จากเรื่องยืม แต่พร้อมที่จะสร้างความทุกข์ให้แก่ผู้ยืม ด้วยวิธี จากเบาไปหาหนักอยู่แล้ว เพื่อเอาสิ่งที่ให้ยืมพร้อมดอกผลคืนมา โดยมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง เมื่อถึงคราวเศรษฐกิจล่มจม ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้น ผู้ให้ยืมก็ดูไม่จืดเหมือนกัน เขียนแบบสะท้อนความจริง ไม่ได้เอาคำเทศน์มาจากไหนหรอกครับ ไม่เชื่อลองไปขอยืมรถใครมา หรือให้ใครยืมรถไปใช้ จะบอกความรู้สึกได้อย่างดี โดยเฉพาะที่เป็นฝ่ายให้ยืม เพื่อสนับสนุนข้ออ้าง โปรดดูคดีนี้เป็นตัวอย่าง นายวรุณารรสติ เข้าข่ายชื่อคนไทยยุคนี้ ซึ่งเจ้าตัวต้องนั่งนึกเป็นครู่ตอนเขียนชื่อตนเอง แต่ถือว่าทันสมัยมาก ปลื้มมาก ตัดสินใจไปยืมรถยนต์ของ นางอมยิ้ม มาทำธุระ แล้วความยุ่งยากก็ตามมาเป็นระลอกๆ เริ่มด้วยการเกิดอุบัติ เหตุ รถบรรทุกของ นายชื่อดี ที่คนขับ ขับโดยประมาทเฉี่ยวชน ได้รับความเสียหายมากอยู่ นายวรุณารรสติ ได้รับความทุกข์ก้อนแรก คือ ความเกรงใจ นางอมยิ้ม เจ้าของรถ ซึ่งอมยิ้มไม่ออก รีบแก้ทุกข์ด้วยการเอารถเข้าอู่ซ่อมโดยด่วน รอให้ นายชื่อดี เจ้าของรถบรรทุกจัดการมันไม่ไหว หมดเงินไปไม่น้อย แล้วส่งมอบรถคืน ให้ นางอมยิ้ม ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้น นายวรุณารรสติ ซึ่งยังไม่หมดทุกข์ แก้ทุกข์ด้วยการขึ้นโรงขึ้นศาล ให้ทนายยื่นฟ้อง นายชื่อดี เจ้าของรถบรรทุกและคนขับ ซึ่งเป็นลูกจ้างของ นายชื่อดี บังคับให้จ่ายค่าซ่อมรถทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย นายชื่อดี ซึ่งมีปัญหาพอสมควร เมื่อเจ้าหน้าที่หรือใครถามชื่อ พอบอกไป เขาก็จดว่านายดีทุกทีไป ตกคำว่าชื่อจนได้ เข้าใจหาเรื่องกลุ้มเหมือนกัน พาลูกน้องสู้คดี ให้การปัดไปต่างๆ อ้างว่ารถบรรทุกไม่ได้ประมาทบ้าง และตบท้ายด้วยการ โต้กลับไปว่า นายวรุณารรสติ ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะไม่ใช่เจ้าของรถ ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี บังคับให้จ่ายเงินตามฟ้อง เรื่องไม่จบง่ายๆ นายชื่อดี กับลูกน้องพากันยื่นอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้อง ส่วน นายวรุณารรสติ ยังไม่สิ้นทุกข์เพราะยังไม่ได้เงินค่าซ่อมรถ ศาลอุทธรณ์พิจารณาจากสำนวน แล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลชั้นต้น พิพากษายืน จำเลย คือ นายชื่อดี กับลูกจ้างซึ่งเป็นคนขับรถไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ให้ทนายยื่นฎีกา ขอให้ยกฟ้อง โดยเน้นในข้อที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาหยิบสำนวนที่มาถึงคิวเล็งดูจนทั่ว แล้วชี้ขาดออกมาว่า โจทก์ คือ นายวรุณารรสติ ซึ่งขอเรียกสั้นๆ ว่า นายสติ ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์ที่โดนรถบรรทุกชน เป็นเพียงผู้ยืม การยืมอีแบบนี้ เรียกว่า ยืมใช้คงรูป ตามกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา 643 เขียนไว้ให้ผู้ยืมต้องรับผิดต่อผู้ให้ยืมเฉพาะแต่ใน กรณีผู้ยืมเอาทรัพย์ที่ยืมไปใช้ในการอย่างอื่น นอกจากการอันเป็นปกติของทรัพย์สินนั้น หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญา หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย หรือเอาไปไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้ ซึ่งงานนี้ไม่ปรากฏเหตุดังกล่าวเลย รถได้รับความเสียหาย ก็ไม่ใช่ความผิดของ นายสติ แต่เป็นความผิดของคนภายนอก คือ นายชื่อดี กับพวก นายสติ ในฐานะผู้ยืม จึงไม่ต้องรับผิดต่อ นางอมยิ้ม เจ้าของทรัพย์ แม้ นายสติ จะรีบออกเงินซ่อมรถที่ยืมจนเรียบร้อย นายสติ ก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะอ้างว่าได้รับช่วงสิทธิ์จากเจ้าของรถ เพื่อเรียกร้องให้ นายชื่อดี กับพวกรับผิดได้ เพราะการรับช่วงสิทธิ์จะมีขึ้นได้ ต่อเมื่อผู้รับช่วงสิทธิ์มีหนี้ที่จะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ คือ เจ้าของรถ เมื่อ นายสติ ไม่ใช่ผู้รับช่วงสิทธิ์ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลชั้นต้นตัดสินมา ศาลฎีกาไม่เอาด้วยหรอก ศาลฎีกาจึงยอมเวียนหัวนิดหนึ่ง พิพากษากลับให้ยกฟ้องของ นายวรุณารรสติ หรือ นายสติ นั้นเสีย เห็นหรือยังว่า นายสติ ยังทุกข์ไปอีกนานวัน เพราะเจ็บกระดองใจ ฟ้องเอาค่าซ่อมรถคืนจากคนก่อเหตุไม่ได้ ซะงั้น ซึ่งต้องโทษทนายของตนเช่นกัน ฐานไม่รอบคอบไม่ดูแง่กฎหมายให้ดี ถ้าทนายจัดการให้มีหนังสือมอบอำนาจจากเจ้าของรถ คือ นางอมยิ้ม แนบคำฟ้อง เรื่องก็จบ และเชื่อได้ว่า นายสติ คงไม่กล้ายืมรถใครง่ายๆ นางอมยิ้ม ก็ไม่กล้าให้ใครยืมรถง่ายๆ เช่นกัน เข็ดปานตอนแมว ยังดีที่ นายสติ ขวนขวายซ่อมรถ ถ้าทำเฉย คนทั้งสองก็ไม่คบกันอีกตลอดชาติ แถมด้วยการฟ้องร้องเป็นที่วุ่นวาย ใครแพ้ชนะยังไม่รู้ อ้อ ถ้าคนยืมทะลึ่งเอารถไปขนยาบ้า ขนของเถื่อน แรงงานเถื่อน เอาไปยิงคนอื่น หรือลูกนักการเมือง หรือแม้กระทั่งชนชาวบ้าน ชนตำรวจตาย อ้าว...หมู่นี้เกิดขึ้นจริงๆ ลองคิดดูว่า ฤทธิ์เดชของการยืมซาบซ่าแค่ไหน จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3451/2524
เรื่องโดย : จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/87940