ข่าวรอบโลก
ข่าวรอบโลก
ค่ายใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว
เปิดตัวรถเปิดประทุนอนุกรมใหม่
ติดป้ายชื่อ ซีรีส์-4 กาบริโอเลต์
เยอรมนี-รถเปิดประทุนสุดหรูอนุกรมใหม่ติดป้ายชื่อ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-4 กาบริโอเลต์ (BMW 4-SERIES CABRIOLET) เปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดแล้ว กำลังจะออกโชว์รูมในเมืองเบียร์โดยมีรถให้เลือก 3 โมเดล เป็นรถขับล้อหลังล้วนๆ ส่วนรุ่นขับทุกล้อจะตามมาในปี 2014
ยังไม่ครบครึ่งปีหลังจากสร้างข่าวใหญ่ด้วยการเปิดตัวรถอนุกรมใหม่ คือ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-4 ในตัวถังคูเป เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมานี่เอง ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์ก็เป็นข่าวอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการเปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดต่างๆ ของรถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-4 ในตัวถังแบบที่ 2 คือ ตัวถังเปิดประทุน ซึ่งกำลังจะออกสู่ตลาดแทนที่รถเปิดประทุนรุ่นเดิม ที่รู้จักกันดีในชื่อ BMW 3-SERIES CABRIOLET หรือ BMW 3-SERIES CONVERTIBLE
รถเปิดประทุนอนุกรมใหม่ซึ่งติดป้ายชื่อ BMW 4-SERIES CABRIOLET หรือ BMW 4-SERIES CONVERTIBLE นี้ มีขนาดตัวถังยาว 4.638 ม. กว้าง 1.825 ม. และสูง 1.384 ม. คือ ยาวขึ้น 2.6 ซม. และกว้างขึ้น 4.3 ซม. เมื่อเทียบกับตัวถังของรถรุ่นที่แทนที่ ส่วนความสูงคงเดิม เป็นตัวถังที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.28 เมื่อปิดประทุน และเพิ่มเป็น 0.33 เมื่อเปิด เป็นประทุนหลังคาแบบแข็งทำจากเหล็กกล้าและออกแบบเป็น 3 ชิ้น บังคับเปิด/ปิดด้วยระบบ อีเลคทรอ-ไฮดรอลิค (ELECTRO-HYDRAULIC) การเปิดหรือปิดแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 20 วินาที และสามารถกดปุ่มบังคับให้ปิดหรือเปิดเมื่อความเร็วของรถยังไม่เกิน 18 กม./ชม. เจ้าของเครื่องหมายการค้า "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" ยืนยันไว้ในข่าวสารประชาสัมพันธ์ว่า เป็นประทุนหลังคาแบบแข็งที่สามารถป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี มีวัสดุบุซับเสียงที่ช่วยลดเสียงลมได้ดีกว่ารถรุ่นเดิม 2 เดซิเบล นอกจากนั้นยังเป็นประทุนหลังคาซึ่งไม่เปลืองที่เก็บ ห้องเก็บของท้ายรถซึ่งจุ 370 ลิตรเมื่อปิดประทุน ยังเหลือเนื้อที่ให้เก็บของได้ถึง 220 ลิตรเมื่อเปิดประทุน
กำลังจะออกโชว์รูมในเมืองเบียร์ โดยมีรถให้เลือกรวม 3 โมเดล คือ BMW 428I ติดตั้งเครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,997 ซีซี 180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า มีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 159 กรัม/กม. BMW 435I ติดตั้งเครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 6 สูบเรียง 2,979 ซีซี 225 กิโลวัตต์/306 แรงม้า มีอัตราคาร์บอนไดออกไซด์ 190 กรัม/กม. และ BMW 420D ติดตั้งเครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,995 ซีซี 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า มีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 135 กรัม/กม.
รถทั้ง 3 โมเดลที่กล่าวข้างต้น เป็นรถขับล้อหลัง ติดตั้งระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และมีระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ หรือระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ เป็นออพชันพิเศษให้เลือกใช้ ภายในห้องโดยสารที่ออกแบบให้นั่งได้รวม 4 คน เก้าอี้ที่นั่งทุกตัวเป็นเกาอี้ที่ปรับด้วยระบบไฟฟ้า ส่วนออพชันการตกแต่งเป็นพิเศษจากโรงงาน โดยเพิ่มค่าตัว จะมีให้เลือก 3 แบบ คือ SPORT LINE-MODERN LINE-LUXURY LINE
หากยังไม่ถูกใจและอยากได้รถเปิดประทุนที่ขับเคลื่อนมากกว่า 2 ล้อ ก็ต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า เพราะจะมีรถขับทุกล้อ คือ BMW 428I XDRIVE ให้เลือกอีกโมเดล รถโมเดลหลังนี้จะติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดียวกับรุ่น BMW 428I
ฮอนดา ฟิท รุ่นที่ 3
ออกจำหน่ายแล้วในญี่ปุ่น
มีรถไฮบริดให้เลือกด้วย
ญี่ปุ่น-ยักษ์รอง ฮอนดา มอเตอร์ เลือกวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2013 เป็นวันดีเดย์ นำรถ ฮอนดา ฟิท (HONDA FIT) รุ่นใหม่ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 3 ออกสู่ตลาดในเมืองยุ่น มีตัวถังเพียงแบบเดียว แต่มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด ระบบขับ 2 แบบ รวมทั้งมีรถไฮบริดชนิดไม่ต้องเสียบปลั๊กให้เลือกใช้อีกต่างหาก
หลังจากเปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดบางส่วนมาตั้งแต่ตอนต้นปี เมื่อวันศุกร์แรกของเดือนกันยายนที่ผ่านมานี่เอง ยักษ์รองของเมืองยุ่นก็ได้ฤกษ์นำรถ ฮอนดา ฟิท (HONDA FIT) รุ่นใหม่ออกสู่โชว์รูมทั่วเกาะญี่ปุ่น พร้อมประกาศยืนยันว่า ยอดขายของรถอนุกรมนี้ในเมืองแม่ผ่านหลัก 2 ล้านคันไปแล้ว เมื่อสิ้นเดือนเมษายนของปีนี้
ฮอนดา ฟิท รุ่นใหม่ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 3 มีขนาดตัวถังยาว 3.955 ม. กว้าง 1.695 ม. และสูง 1.525-1.550 ม. คือ ยาวขึ้น 5.5 ซม. เมื่อเทียบกับตัวถังของรถรุ่นเดิม ในขณะที่ความกว้างและความสูงยังคงเดิม หน้าตาของรถเปลี่ยนแปลงไปเยอะ และดูจะเป็นการเปลี่ยนในทางดี แต่รูปทรงองค์เอวของตัวถังเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นผลลัพธ์ของการออกแบบที่ค่อนข้างอนุรักษนิยม อะไรที่มันดีอยู่แล้วก็อย่าไปยุ่งกับมัน ส่วนภายในห้องโดยสาร ก็คาดหมายได้ว่าน่าจะกว้างขวางและนั่งยืดแข้งยืดขาได้สบายกว่ารถรุ่นเดิม เพราะตัวถังที่ยาวขึ้นถึง 5.5 ซม. และช่วงฐานล้อที่ขยายจาก 2.500 เป็น 2.530 ม.
รุ่นที่ขับด้วยพลังของเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนๆ มีทั้งแบบขับล้อหน้าขับทุกล้อ และมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ เครื่องเบนซิน DOHC 4 สูบเรียง 1,317 ซีซี 73 กิโลวัตต์/100 แรงม้า (รหัสเครื่องยนต์ L15B) ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง (เกียร์ CVT) และเครื่องเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,496 ซีซี 97 กิโลวัตต์/132 แรงม้า (รหัสเครื่องยนต์ L15B) ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง (เกียร์ CVT)
ส่วนรุ่นที่ขับแบบไฮบริดชนิดไม่ต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ใช้เครื่องเบนซิน DOHC 4 สูบเรียง 1,496 ซีซี 81 กิโลวัตต์/110 แรงม้า (รหัสเครื่องยนต์ LEB-H1) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 22 กิโลวัตต์/30 แรงม้า แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LIHIUM-ION) และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่เยี่ยมยอดกว่ารถไฮบริดแบบใดๆ ที่มีขายในเมืองยุ่นขณะนี้ คือ มีค่าเฉลี่ย 36.4 กม./ลิตร
สนนราคาค่าตัวรวมภาษีผู้บริโภคที่ซื้อขายกันในเมืองยุ่น อยู่ระหว่าง 1.265-1.930 ล้านเยน หรือประมาณ 0.400-0.618 ล้านบาทไทย
ยักษ์รองของเมืองยุ่นเริ่มบรรจุรถ ฮอนดา ฟิท (HONDA FIT) ซึ่งในหลายประเทศจำหน่ายในชื่อ ฮอนดา แจซซ์ (HONDA JAZZ) เข้าสู่สายการผลิตเมื่อเดือนมิถุนายน 2001 และนับจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2013 สามารถขายรถแบบนี้ในตลาดทั่วโลกไปแล้วมากกว่า 4.87 ล้านคัน ปัจจุบันมีการผลิตอยู่ 10 แห่ง ใน 8 ประเทศ และมีรถจำหน่ายอยู่ใน 123 ประเทศทั่วโลก
มาซดา อักเซลา รุ่นใหม่
ก็เริ่มจำหน่ายแล้วในญี่ปุ่น
มีตัวถังให้เลือกใช้ 2 แบบ
ญี่ปุ่น: ยักษ์เล็กของเมืองยุ่นหวังกระตุ้นยอดขายปลายปี เปิดรับสั่งจองรถเล็กยอดนิยม มาซดา อักเซลา (MAZDA AXELA) รุ่นใหม่แล้ว มีตัวถัง 2 แบบ เครื่องยนต์ 3 ขนาด ทั้งเครื่องเบนซินและดีเซล รวมทั้งมีรถไฮบริดชนิดไม่ต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟให้เลือกใช้ถึง 3 โมเดล
หลังจากเปิดตัวเมื่อตอนต้นปี และออกอวดในงานมหกรรมยานยนต์รายการต่างๆ มาแล้วหลายงานโดยติดป้ายชื่อ มาซดา 3 (MAZDA 3) เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี่เอง มาซดา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน ในญี่ปุ่นก็ประกาศเปิดรับการสั่งจองรถ มาซดา อักเซลา (MAZDA AXELA) รุ่นใหม่ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 3 พร้อมประกาศว่า ได้ตั้งเป้าหมายการขายรถแบบนี้ในเมืองแม่ไว้ที่ระดับ 3,000 คัน/เดือน รวมทั้งให้ข้อมูลด้วยว่า รถรุ่นใหม่นี้นับเป็นรถแบบที่ 3 ถัดจากรถกิจกรรมกลางแจ้ง มาซดา ซีเอกซ์-5 (MAZDA CX-5) และรถเก๋งขนาดกลาง มาซดา อเทนซา (MAZDA ATENZA) ที่เป็นผลลัพธ์ของการผนวกเทคโนโลยี SKYACTIVE เข้ากับแนวทางการออกแบบตัวถังซึ่งมีชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า KODO
เช่นเดียวกับรุ่นที่เพิ่งถูกปลดจากสายการผลิต มาซดา อักเซลา รุ่นใหม่นี้มีตัวถังให้เลือกรวม 2 แบบ คือ ตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค ยาว 4.460 ม. กว้าง 1.795 ม. สูง 1.470-1.480 ม. กับตัวถัง 4 ประตูซีดาน ยาว 4.580 ม. กว้าง 1.795 ม. สูง 1.455-1.465 ม. หน้าตาและรูปทรงองค์เอวของตัวถังทั้ง 2 แบบนี้ ถือได้เลยว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นหนึ่งของค่ายนี้ ผู้ที่เคยใช้รถแบบนี้มาก่อนเห็นแล้วคงอยากเปลี่ยนรถ ส่วนผู้ที่ไม่เคยใช้ก็คงอยากได้ไว้ใช้บ้าง
มาซดา อักเซลา แฮทช์แบค ซึ่งติดป้ายค่าตัว 1.712-2.982 ล้านเยน หรือประมาณ 0.548-0.954 ล้านบาทไทย มีทั้งแบบขับล้อหน้าขับทุกล้อ และมีเครื่องยนต์ให้เลือกรวม 3 ขนาด คือ เครื่องเบนซิน DOHC 4 สูบเรียง 1,496 ซีซี 82 กิโลวัตต์/111 แรงม้า (รหัสเครื่องยนต์ P5-VPS) เครื่องเบนซิน DOHC 4 สูบเรียง 1,997 ซีซี 114 กิโลวัตต์/155 แรงม้า (รหัสเครื่องยนต์ PE-VPR) เทอร์โบดีเซลฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 2,188 ซีซี 129 กิโลวัตต์/175 แรงม้า (รหัสเครื่องยนต์ SH-VPTR) ส่วนระบบเกียร์มี 2 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
มาซดา อักเซลา ซีดาน ก็มีทั้งแบบขับล้อหน้าและขับทุกล้อ แต่มีเครื่องยนต์เพียงขนาดเดียว คือ เครื่องเบนซิน DOHC 4 สูบเรียง 1,496 ซีซี 82 กิโลวัตต์/111 แรงม้า ระบบเกียร์เลือกได้ระหว่างเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เหมือนรถแฮทช์แบค
ส่วน มาซดา อักเซลา ไฮบริด ซึ่งมีเฉพาะตัวถังซีดานและมีรถให้เลือกใช้ถึง 3 โมเดล คือ HYBRID C-HYBRID S-HYBRID S.L PACKAGE ใช้เครื่องเบนซิน DOHC 4 สูบเรียง 1,997 ซีซี 73 กิโลวัตต์/99 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 60 กิโลวัตต์/82 แรงม้า และระบบเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง (เกียร์ CVT) มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ดึงดูดใจมาก คือ 30.8 กม./ลิตร
ยักษ์เล็กของเมืองยุ่นเริ่มนำรถติดป้ายชื่อ มาซดา อักเซลา/มาซดา 3 ออกสู่ตลาดเมื่อปี 2003 และขายรถอนุกรมนี้ในมากกว่า 120 ประเทศทั่วโลกไปแล้ว มากกว่า 3.7 ล้านคัน
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : ข่าวรอบโลก