ยิ่งความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีมีมากเท่าใด ก็ยิ่งมีผู้ใช้ความพยายามในการก้าวล้ำเทคโนโลยีทั้งหลายที่ว่า เหมือนกับบรรดาแฮกเกอร์ ที่เจาะเข้าไปในระบบของเวบไซท์สำคัญๆ ระดับโลก แล้วเข้าไปแก้ไขข้อมูลกันเล่นเป็นที่สนุกสนาน ให้เจ้าของเวบไซท์ต้องปวดหัวกับการกู้คืนข้อมูลเหล่านั้น
เช่นเดียวกับเทคโนโลยีด้านยานยนต์ ที่ล้ำสมัยไปจนไม่จำเป็นต้องใช้กุญแจในการสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อการขับเคลื่อนกันแล้ว ขอเพียงให้มีกุญแจอยู่กับตัวผู้ขับขี่ หรือในระยะใกล้กับตัวรถพอควร ก็สามารถเปิดประตูรถได้เลย เข้าไปนั่งขับขี่ สตาร์ทรถเดินทางได้ทันที
ทีนี้ก็มีบรรดาหัวขโมยที่ก้าวล้ำทางเทคโนโลยีเช่นกัน หาวิธีการขโมยรถที่มีระบบไม่ต้องใช้กุญแจที่ว่านี้ ด้วยวิธีการทางเทคโนโลยีเหมือนกัน องค์กรระดับชาติของอเมริกาเหนือ National Insurance Crime Bureau (NICB) ที่มลรัฐอิลลินอยส์ ก็ต้องทำการตรวจสอบว่า มีผู้สามารถทำได้จริง เพราะเรื่องมันเกี่ยวข้องกับการเคลมประกันรถหาย เลยต้องทำตัวเป็นโจรขโมยรถเสียเอง หลังจากพบว่ามีผู้ใช้เทคโนโลยีนี้จริง ตั้งแต่ปี 2557
วิธีการก็จะมีอุปกรณ์หรือเครื่องส่งสัญญาณวิทยุ เข้ามาใกล้ตัวรถ แล้วส่งสัญญาณวิทยุเข้าไปทักทายกับกล่องควบคุมที่อยู่ในตัวรถ เมื่อเครื่องส่งรู้จักกับสัญญาณในกล่องควบคุมตัวรถแล้ว ก็จะสั่งการจากเครื่องส่งสัญญาณวิทยุ ให้รถยนต์เปิดประตู แล้วเข้าไปนั่ง จากนั้นก็สั่งการให้รถสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วขับออกไปอย่างไร้ร่องรอยใดๆ
สิ่งที่เหลืออยู่ ก็ไม่มีใครรู้เห็นว่ารถยนต์หายไปจากที่จอดได้อย่างไร นอกจากจะมีกล้องรักษาความปลอดภัย แต่หากดูจากกล้อง ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าได้เกิดการโจรกรรมขึ้น เพราะเพียงแค่มีบุคคลหนึ่ง เดินเข้ามาใกล้รถ แล้วทำเป็นว่ากำลังค้นหาข้อมูลในสมาร์ทโฟน หลังจากนั้นก็ขึ้นรถขับออกไป โดยไม่มีอาการว่าจะขโมยรถคันนั้น เพราะไม่ได้มีการทุบกระจกเพื่อเปิดประตู หรืองัดแงะที่เปิดประตู ทำให้ไม่มีหลักฐานเหลืออยู่ในบริเวณนั้นแต่อย่างใด
“สิ่งที่น่ากลัว ก็คือ ไม่มีการเตือน หรือคำอธิบายใดๆ ให้กับเจ้าของรถ” Joe Wehrle ซีอีโอ NICB ระบุไว้ในแถลงการณ์ “ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าของรถจะรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น บางครั้ง ยังคิดกันว่ารถอาจถูกลากไปไว้ที่โรงพักก็ได้”
Wade Newtonโฆษกของ องค์กรผู้ผลิตยานยนต์ Alliance of Automobile Manufacturers ระบุว่า การโจรกรรมรถยนต์ด้วยเทคโนโลยีลักษณะนี้ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ “ผู้ผลิตบางรายอาจติดตั้งการรบกวนระบบหรือวิธีการทางกลไก กรณีที่มีผู้ติดต่อเข้ามาทางด้านความปลอดภัยของตัวรถ” ในแถลงการณ์กล่าวอีกว่า “ในความเข้าใจของเรา คาดว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีคุณภาพสูง คล้ายกับในอดีต ที่บรรดาหัวขโมยนิยมใช้กุญแจผี โจรกรรมรถยนต์มาก่อน”
ผู้ผลิตยานยนต์ที่มีความเข้าใจ ต่างก็พากันเร่งหาวิธีการที่จะป้องกันการโจรกรรมในลักษณะนี้ “เหมือนกับเป็นสงครามระหว่างผู้ผลิตและหัวขโมย” Wade Newton กล่าว

