ธุรกิจ
อีซูซุ จัดกอล์ฟไทยแลนด์มาสเตอร์ 2017

โทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า การแข่งขันกอล์ฟรายการ “อีซูซุไทยแลนด์มาสเตอร์” ในวาระฉลองครบรอบ 60 ปีของการดำเนินธุรกิจ อีซูซุ ในประเทศไทยในปีนี้ กลุ่มตรีเพชรจึงได้เติมเต็มความพิเศษเหนือระดับขึ้นอีก เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้ โดยนอกเหนือจากความสนุกสนานจากการแข่งขันในสนามกอล์ฟชั้นนำรอบรองชนะเลิศถึง 6 สนามทั่วประเทศไทย และอีก 1 สนามรอบชิงชนะเลิศ ที่ อีซูซุ คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันแล้ว ผู้ที่คว้าแชมพ์ในรอบชิงชนะเลิศยังจะได้ไปทัวร์เล่นกอล์ฟที่สนามเลค คาร์รินยัพ คันทรี คลับ ณ เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย
นอกจากนี้ผู้ทำคะแนนดีที่สุด (Overall Low Gross) ของแต่ละสนามในรอบคัดเลือกและรอบชิงชนะเลิศ ยังจะได้รับรางวัล “จี้ทองคำสัญลักษณ์ 60 ปี อีซูซุ” มูลค่า 20,000 บาท อีกด้วย
พร้อมกันนี้ อีซูซุ ยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ “Isuzu 60-yard Challenge” (อีซูซุ 60 หลา ชาลเลนจ์) การแข่งขันชิพลูกกอล์ฟเพื่อประลองความแม่นยำระยะ 60 หลา ซึ่งจะจัดขึ้นก่อนการแข่งขันแต่ละสนามเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ ณ สนามดไรฟ 6 สนามทั่วประเทศ เพื่อให้เหล่านักกอล์ฟได้ร่วมสนุก ค้นหาผู้ตี 60 หลา ที่แม่นยำที่สุด 4 ท่านของแต่ละสนาม รับสิทธิพิเศษเข้าร่วมการแข่งขัน “อีซูซุไทยแลนด์มาสเตอร์ 2017” ฟรี ! พร้อมรับของที่ระลึกจาก อีซูซุ
อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันทุกท่านได้เป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคมร่วมกับ อีซูซุ โดยการบริจาคเงิน 100 บาท หรือนำไม้กอล์ฟเก่ามาบริจาค เพื่อให้ได้จำนวนลูกกอล์ฟในการแข่งขันเพิ่มขึ้นที่สนามดไรฟทั้ง 6 สนาม โดยเงินบริจาคและไม้กอล์ฟดังกล่าวจะมอบให้กับสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทยเพื่อนำไปมอบให้กับหน่วยงานที่มีความต้องการ
“อีซูซุไทยแลนด์มาสเตอร์ 2017” แบ่งเป็นการแข่งขันรอบคัดเลือก 6 สนามทั่วประเทศ และ 1 สนามในรอบชิงชนะเลิศ ใช้กติกาการแข่งขันประเภทบุคคลไฟลท์ เอ, บี และซี แบบสโตรคพเลย์ จำนวน 18 หลุม ใช้แต้มต่อ 36 (36 System) และคำนวณหาผู้ชนะโดยระบบ Stableford และใช้กฎข้อบังคับ อาร์.แอนด์ เอ. (กฎของสมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทย) พร้อมเงื่อนไขเพิ่มเติมตามคณะกรรมการจัดการแข่งขันพิจารณาโดยจะเปิดโอกาสให้นักกอล์ฟมือสมัครเล่นทั่วประเทศร่วมประลองฝีมือเพียงท่านละ 1 สนามเท่านั้น ซึ่งปีนี้มีรางวัลพิเศษ “จี้ทองคำสัญลักษณ์ 60 ปี อีซูซุ” มูลค่า 20,000 บาท สำหรับผู้ที่ทำคะแนนได้ดีที่สุด (Overall Low Gross) ของแต่ละสนามอีกด้วย
สำหรับรอบชิงชนะเลิศ ผู้ชนะอันดับ 1-3 ของแต่ละไฟลท์ และผู้ที่ได้คะแนนดีที่สุด (Overall Low Gross) จากทั้ง 6 สนาม จะต้องมาแข่งขันเพื่อเฟ้นหายอดฝีมือที่ 1-3 ของแต่ละไฟลท์ และ Overall Low Gross รวม 10 คน โดยผู้ผ่านเข้ารอบจะต้องแข่งขันตามไฟลท์ที่ชนะจากรอบคัดเลือกเท่านั้น เพื่อรับแพคเกจเล่นกอล์ฟที่สนามเลค คาร์รินยัพ คันทรี คลับ ณ เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย พร้อมที่พักและตั๋วเครื่องบิน 1 ที่นั่ง รวมมูลค่ารางวัลละ 80,000 บาท

บทความแนะนำ

