นับตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา รถยนต์ที่ติดตั้งกล้องด้านหน้ารถ จะได้ส่วนลดเบี้ยประกันภัย 5-10 % แต่จนถึงบัดนี้ ยังคงมีความสับสนเกี่ยวกับเงื่อนไขในการขอรับส่วนลดอยู่หลายประเด็น "autoinfo.co.th" อาสาหาคำตอบจากการสัมภาษณ์ กฤชกมล นิติธรรมโกศล ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ติดตั้งกล้องหน้ารถ ลดเบี้ยประกัน ใครได้ ใครเสีย ? กรณีนี้ถือว่าได้ประโยชน์ทุกฝ่าย บริษัทประกันภัยได้ประโยชน์ในเรื่องการประชาสัมพันธ์องค์กร การช่วยเหลือสังคม สะดวกในการเคลมประกันภัยมากขึ้น เพราะมีหลักฐานชัดเจน ผู้ใช้รถไม่สามารถแจ้งเหตุการณ์เท็จกับบริษัทประกันภัยได้ อีกทั้งสามารถแยกย้ายคู่กรณีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แค่โทรศัพท์แจ้งทางบริษัทประกันภัยก่อน ช่วยให้การจราจรไม่ติดขัด (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประกันภัยแต่ละบริษัทด้วย) ส่วนผู้ติดตั้งก็ได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน ผู้ใช้รถที่ซื้อกล้องมาติด ไม่ขาดทุนแน่นอน เพราะได้รับส่วนลดมากกว่าราคากล้องด้วยซ้ำ เช่น ซื้อกล้องติดตั้งหน้ารถมา 1,000 บาท ซื้อประกันภัยชั้น 1 ราคา 20,000 บาท ได้รับส่วนลด 10 % เป็นเงิน 2,000 บาท ได้กำไร 1,000 บาท แถมยังมีหลักฐานที่ชัดเจนในกรณีที่อีกฝ่ายไม่ยอมรับผิด เชื่อว่าอีกไม่นาน บริษัทประกันภัยจะต้องมีแคมเปญ ซื้อประกัน แถมกล้องหน้ารถให้ด้วยอย่างแน่นอน ส่วนลด 5-10 % ขึ้นอยู่กับอะไร ? แล้วแต่บริษัทประกันภัยจะให้ แต่ส่วนใหญ่ให้ส่วนลดเกือบ 10 % ทั้งนั้น เพราะมีเพดานอัตราส่วนลดที่เผื่อไว้อยู่แล้ว หากบริษัทใดให้ส่วนลดน้อย ลูกค้าที่ทำประกันก็จะไปทำกับบริษัทอื่นที่ให้ส่วนลดมากกว่า จึงเป็นเรื่องของการแข่งขันเพื่อเอาใจลูกค้า ก่อนทำประกันสามารถดูส่วนลดได้จากหน้ากรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งจะบอกรายละเอียดไว้ชัดเจน ถึงค่าเบี้ยประกันภัยและส่วนลดที่ได้รับ ครอบคลุมกับประกันภัยทุกประเภททั้งชั้น 1, 2, 2+, 3 และ 3+ และได้รับส่วนลดทันทีเมื่อตกลงซื้อประกันภัย ไม่ใช่คืนเงินเป็นค่าส่วนลดในภายหลัง กำหนดสเปคกล้องหรือไม่ ใช้หลักฐานอะไรในการขอส่วนลด ? ไม่ได้กำหนดสเปคหรือราคาของกล้องติดหน้ารถ แค่บันทึกภาพได้ก็เพียงพอ ถ้าติดมากกว่า 1 ตัว ก็ได้ส่วนลดเท่ากัน แต่ไม่ครอบคลุมในการนำอุปกรณ์อื่นมาดัดแปลงติดตั้ง เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือแทบเลท ไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ แต่ยังรวมถึงจักรยานยนต์ที่ทำประกันภัยภาคสมัครใจ ก็สามารถขอรับส่วนลดได้เช่นกัน โดยต้องติดตั้งที่ตัวรถเท่านั้น ถ้าติดที่หมวก หรือร่างกายจะไม่ครอบคลุม หลักฐานในการขอส่วนลด ไม่ว่าจะทำประกันภัยกับตัวแทนหรือบริษัทโดยตรง ต้องส่งภาพถ่ายยืนยันการติดตั้งกล้อง หรือใบเสร็จรับเงินจากร้านที่ซื้อกล้อง และบางบริษัทประกันภัยจะมีแบบฟอร์มให้เซ็นรับรองเงื่อนไข โดยบริษัทประกันภัยจะไม่เดินทางมาตรวจสอบกล้องแต่อย่างใด เพราะยุ่งยาก และไม่คุ้มค่าเดินทาง เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ต้องใช้หลักฐานจากกล้องหน้ารถทันทีหรือไม่ ? ต้องใช้ภาพเคลื่อนไหวจากกล้องหน้ารถมาเป็นหลักฐานในการเคลมบริษัทประกันภัยสถานเดียว ถ้าในการเคลมไม่มีหลักฐานการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากกล้องเสีย หรือไม่ได้ติดตั้งกล้อง บริษัทประกันภัยจะเรียกคืนค่าส่วนลดกับผู้ที่ทำประกันภัย แต่การเคลมประกันภัยยังชดใช้ให้เหมือนเดิมตามเงื่อนไข ทั้งนี้บริษัทประกันภัยจะดูที่เจตนาของผู้ที่ติดตั้งกล้องมากกว่า เพราะบางรายติดตั้งกล้องถูกต้อง แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่เห็นภาพเหตุการณ์ที่ชัดเจน ประกันภัยก็ยังเคลมได้ตามปกติ ไม่ได้เรียกคืนค่าส่วนลดแต่อย่างใด ถ้าทำประกันภัยหลังวันที่ 3 มีนาคม 2560 แล้ว ยังไม่ได้ส่วนลด ต้องทำอย่างไร ? ถ้าทำประกันภัยตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม เป็นต้นไป ต้องได้รับส่วนลด หากผู้ใดยังไม่ได้รับส่วนลด สามารถติดต่อขอรับส่วนลดกับบริษัทประกันภัยที่ทำได้เลย แต่ถ้าบริษัทประกันภัยไม่ให้ส่วนลด สามารถไปร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) หรือโทรศัพท์ไปที่เบอร์ สายด่วน คปภ. 1186 และสายด่วนศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร. 1111 ได้เลย ถ้าบริษัทประกันภัยไม่ให้ส่วนลด มีความผิด โทษปรับ 300,000 บาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าค่าปรับไม่คุ้มกับบริษัทประกันภัยเลย เมื่อเปรียบเทียบกับส่วนลดแค่หลักพันบาท ดังนั้นบริษัทประกันภัยจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ให้ส่วนลด บริษัทจะปรับค่าเบี้ยประกันภัยขึ้นภายหลังได้หรือไม่ ? การปรับขึ้นราคาประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท บริษัทประกันภัย ต้องส่งเรื่องไปยัง คปภ. ให้ทราบถึงเงื่อนไขและราคาที่ปรับขึ้นก่อน และ คปภ. จะเป็นผู้ตรวจสอบและอนุมัติอีกครั้ง แต่ถ้าเป็นประกันภัยเดิม ความคุ้มครองเท่าเดิม ไม่มีรายละเอียดเปลี่ยนไปจากเดิม ราคาไม่ปรับขึ้นอย่างแน่นอน ประชาชนมั่นใจได้ สรุป เมื่อทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภท และติดตั้งกล้องหน้ารถตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2560 จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกัน 5-10 % (ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันภัย) ถ้าไม่ได้รับส่วนลด สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 การเลือกซื้อกล้อง ไม่กำหนดสเปค แค่บันทึกภาพเคลื่อนไหวด้านหน้ารถได้ แต่ห้ามนำอุปกรณ์อื่นมาดัดแปลง เช่น โทรศัพท์ เอกสารการขอส่วนลด ต้องมีภาพถ่ายตำแหน่งที่ติดตั้งกล้อง และใบเสร็จรับเงิน เมื่อเกิดอุบัติเหตุบริษัทประกันภัยจะใช้ภาพเคลื่อนไหวเป็นหลักฐานในการเคลมประกัน ถ้ากล้องเสีย หรือไม่มีกล้อง บริษัทประกันภัยจะขอส่วนลดคืน วิธีเลือกซื้อกล้องติดหน้ารถ 1. มีความละเอียดของภาพ ระดับ Full HD เพื่อจะได้เห็นเลขทะเบียนชัดเจน และตัวเลนส์ต้องเก็บภาพได้กว้างประมาณ 170 องศา 2. มีระบบป้องกันไฟล์ภาพไม่ให้สูญหายขณะเกิดอุบัติเหตุ 3. ขนาดของกล้องไม่ใหญ่เกินไป จนเกะกะสายตา 4. รองรับหน่วยความจำได้ถึง 16 หรือ 32GB และควรมีช่องต่อ HDMI หรือ USB 5. ก่อนซื้อ ต้องศึกษาข้อมูลและชมภาพจริงที่ได้จากกล้อง 6. ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ 7. มีการรับประกันสินค้าอย่างน้อย 1 ปี
บทความแนะนำ