สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าวว่า คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร FCC (Federal Communications Commission) สหรัฐอเมริกา เตรียมที่จะกำหนดคลื่นความถี่ เพื่อใช้ในยานยนต์ สำหรับยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีระบบยานยนต์ไร้คนขับ สามารถเดินทางได้ด้วยตนเองในอนาคตความจำเป็นในการกำหนดคลื่นความถี่นี้ ก็เพราะบรรดารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยตนเอง ต้องติดตั้งเรดาร์หลากชนิด แล้วแต่ว่าผู้ผลิตจะเลือกใช้ของเจ้าไหน ระบบเซนเซอร์ และเลเซอร์ หลายยี่ห้อเช่นกัน โดยอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ จะกระจายคลื่นความถี่ออกมา เพื่อตรวจสอบ หรือตรวจจับวัตถุ วัสดุ สิ่งกีดขวางต่างๆ และตรวจวัดจากการสะท้อนกลับของความถี่ ว่าสิ่งนี้ควรจะเป็นอุปกรณ์ชนิดใด ซึ่งใช้ในระบบช่วยเบรค ระบบตรวจจับวัสดุในจุดบอด สัญญาณเตือนการเปลี่ยนเลน และอื่นๆ ความจำเป็นในการกำหนดคลื่นความถี่นี้ เพราะมีรถยนต์หลากหลายชนิด ที่ส่งกระจายคลื่นความถี่ออกจากตัวรถในการทำงาน และรถยนต์แต่ละยี่ห้อ แต่ละเจ้า ต่างก็ใช้ความถี่กันคนละระบบ รวมทั้งมีรถยนต์รุ่นแรงๆ ระดับเกือบ 300 แรงม้า ออกมาวิ่งบนท้องถนนกันแล้ว เดิม คณะกรรมการฯ ได้รับรองคลื่นความถี่ออกมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2538 เพื่อใช้ในรถยนต์ แต่ปัจจุบันมีรถยนต์เพิ่มอีกหลายยี่ห้อ ที่เริ่มใช้ระบบเช่นเดียวกัน เริ่มออกสู่ตลาด ทำให้จำเป็นต้องกำหนดกรอบเอาไว้ล่วงหน้า เพราะเทคโนโลยีปัจจุบัน เริ่มก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในอนาคต ยานยนต์จะส่งคลื่นความถี่และรับสัญญาณความถี่จากสภาพทั่วไปบนท้องถนน ด้วยระบบ “การเชื่อมต่อ” (Connected Cars) โดยรถยนต์แต่ละคันจะส่งข้อมูลล่วงหน้า อาทิ สัญญาณไฟจราจร ออกไปยังรถยนต์คันอื่นในบริเวณโดยรอบ ซึ่งสัญญาณความถี่นั้น อาจทำให้รบกวนการใช้โทรศัพท์มือถือบางยี่ห้อได้ จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดกรอบให้พร้อม สำนักงานเพื่อความปลอดภัยจากการจราจรบนทางหลวง National Highway Traffic Safety Association ประเมินว่า หากมีการเชื่อมต่อหรือส่งสัญญาณระหว่างยานยนต์ด้วยกันเอง จะช่วยให้ลดการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ถึง 80 % รวมทั้งการกระทบกระทั่งบริเวณทางร่วม ทางแยก ก็จะลดลง