ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การออกแบบรถไฟฟ้าในปัจจุบัน มักใช้มือจับประตูแบบซ่อนราบไปกับแนวตัวรถ เพื่อให้กระแสอากาศที่ไหลผ่านตัวรถอย่างราบรื่นไร้รอยสะดุด เหมือนกับการออกแบบหมวกนิรภัยของนักปั่นจักรยาน หรือนักสเกทที่ใส่ชุดรัดรูป แนวคิดนี้ถูกนำมาใช้เพื่อการพิจารณาเลือก การติดตั้งกล่องสัมภาระบนหลังคา หรือติดตั้งกับตัวยึดขอลากท้ายรถ ทีมงานทำการพิสูจน์โดยเลือกใช้ตัวยึดคุณภาพสูงทั้งสองตำแหน่ง เพื่อหาข้อสรุปว่าการติดตั้งกล่องสัมภาระที่ตำแหน่งใด มีผลต่อความสิ้นเปลืองมากกว่ากัน
การทดสอบหาค่าความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเมื่อติดตั้งกล่องสัมภาระ โดยวิ่งทดสอบ 2 ครั้ง ทีมงานใช้ Toyota Grand Highlander ติดตั้งขายึดกล่องสัมภาระเข้ากับตัวยึดขอลาก โดยใช้ขายึดกล่องสัมภาระของ Yakima EXO SwingBase และกล่องสัมภาระ Yakima‘s GearLocker ทั้งขายึด และกล่องมีน้ำหนักรวม 93 ปอนด์ (42.18 กก.) และความกว้าง 59.5 นิ้ว (1.51 เมตร)
ส่วนการทดสอบติดตั้งกล่องสัมภาระบนหลังคา ใช้ขายึดแนวขวางของ Thule SquareBar Evo Crossbars ยึดกล่องสัมภาระของ Thule ที่ถูกใช้งานมาระยะหนึ่ง มีน้ำหนัก 42 ปอนด์ (19 กก.) และมีความยาว 90.0 นิ้ว (2.28 เมตร)
การทดสอบได้ผลออกมาอย่างชัดเจน โดย Grand Highlander ติดตั้งชุดกล่องคาร์โกกับตัวยึดขอลาก มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 25 ไมล์/แกลลอน (10.63 กม./ลิตร) ส่วนการทดสอบติดกล่องสัมภาระบนหลังคา มีอัตราความสิ้นเปลืองเฉลี่ย 21 ไมล์/แกลลอน (8.93 กม./ลิตร) ซึ่งต่างกันถึง 4 ไมล์/แกลลอน (1.7 กม./ลิตร)
ทีมงานทดสอบค่อนข้างผิดหวังกับการทดสอบติดตั้งกล่องสัมภาระบนหลังคา ที่มีอัตราสิ้นเปลืองเยอะเกินคาด และได้ทำการทดสอบอีกครั้งโดยใช้ Kia Carnival ปี 2022 เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยทดสอบแบบติดตั้งคานขวาง และไม่ติดตั้งคานขวาง (ใช้แรคหลังคาของรถ) สรุปการทดสอบว่า Kia Carnival ที่ติดตั้งคานขวาง มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 25 ไมล์/แกลลอน (10.63 กม./ลิตร) และเมื่อถอดคานขวางออก มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยดีขึ้นเป็น 28 ไมล์/แกลลอน (11.90 กม./ลิตร)