ทดลองขับ(formula)
รีวิว Aion UT ทดลองขับแฮทช์แบคพลังไฟฟ้าหน้าใหม่ มาแรง !
หลังจากเปิดตัวในช่วงต้นปีไปแล้ว Aion UT (ไอออน ยูที) ก็จัดกิจกรรมทดลองขับกับสื่อมวลชน แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เราก็ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับ แฮทช์แบคพลังไฟฟ้ารุ่นนี้มากกว่าเดิม มาดูกันเลย !
ภายนอก
แฮทช์แบคทันสมัย แรงบันดาลใจจาก “เมืองมิลาน”
แม้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน แต่ Aion UT ได้รับการออกแบบจากสตูดิโอฝั่งยุโรปจากประเทศอิตาลี ทางผู้ผลิตระบุว่า เส้นสายได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองมิลาน แม้เราพิจารณาแล้วอาจจะไม่ได้รู้สึก “Wow !” กันขนาดนั้น แต่ยอมรับว่าเป็นแฮทช์แบคที่ดูลงตัว และมีเอกลักษณ์ไม่น้อย ไฟหน้าในสไตล์ Winky ทำมุมเฉียงขึ้นเล็กน้อย ชวนให้นึกถึงตัวการ์ตูนเกมจาก Angry Bird อีกหนึ่งจุดที่ทาง Aion นำเสนอชัดเจน คือ ไฟเลี้ยว และไฟท้ายแบบ Matrix Cube นั่นคือ การจัดวางชุดไฟดังกล่าวแบบแบ่งเป็นช่องๆ จุดที่มีไฟแบบนี้ติดตั้งอยู่จะมีคำว่า “Matrix Cube” ระบุเอาไว้ เป็นลูกเล่นทางการออกแบบที่สร้างความแตกต่างได้เล็กน้อย
รุ่นที่เราได้ทดลองขับเป็นรุ่นทอพ Premium ติดตั้งล้อแมกขนาด 17 นิ้ว ยางยี่ห้อ Chao Yang รุ่น Chaoyang SU 318S H/T เป็นยางที่เน้นการใช้งานในระยะยาว ทนทาน เห็นได้จากค่า Thead Wear ถึง 500 นั่นเขียว ติดตั้งหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค และประตูบานท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า (เจ้าเดียวในเซกเมนท์นี้) ส่วนมิติตัวถังของ Aion UT มีความยาว 4,270 มม. (น้อยกว่าคู่แข่งอย่าง BYD Dolphin เล็กน้อย) ส่วนะระยะฐานล้อ 2,750 มม. ยาวสุดในเซกเมนท์นี้
ภายใน
กว้างขวาง ใช้งานได้หลากหลาย
เราเข้ามาในห้องโดยสารของ Aion UT กันต่อ พบว่าสิ่งที่สร้างความน่าพอใจประการแรก คือ ความกว้างขวางของห้องโดยสาร เป็นการออกแบบที่วางตำแหน่งของห้องโดยสารได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้การใช้งานยังมีความหลากหลาย สามารถเอนพนักพิงเบาะคู่หน้าไปบรรจบต่อเนื่องกับเบาะด้านหลังได้พอดี (เป็นฟังค์ชันที่อยู่ในครอสส์โอเวอร์รว่มค่ายอย่าง Aion Y Plus และ Aion V) ผู้โดยสารบนเบาะด้านหลังสามารถเหยีดขาได้ยาว และเบาะหลังยังสามารถปรับเอนได้อีก 5 องศา เพิ่มความผ่อนคลายอย่างได้ผลหากต้องโดยสารเป็นเวลานาน
ประตูบานท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้าช่วยเพิ่มความสะดวกสบายขณะขนสัมภาระได้ดีมาก นอกจากการเปิด/ปิดด้วยปุ่มบนประตูบานท้าย (อยู่ตรงกลางด้านล่างของประตู) ผู้โดยสารสามารถใช้งานผ่านกุญแจรีโมทคอนโทรลของตัวรถ และใช้งานผ่านการกดปุ่มจากหน้าจอแสดงผลหลักได้ด้วย เราสังเกตว่า วัสดุที่ใช้ตกแต่งห้องโดยสาร หลายจุดเป็นพลาสติคขั้นรูป แต่มีความแข็งแรงดี และเล่นลวดลายได้น่าสนใจบางจุด เบาะคู่หน้าปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า (เฉพาะรุ่นทอพ Premium) พวงมาลัยแบบ 2 ก้านจับกระชับมือ ปุ่มหมุนบนด้านพวงมาลัยใช้งานหลากหลาย รวมถึงการปรับทิศทางของกระจกมองข้าง (ต้องเข้าโหมดใช้งานบนจอแสดงผลหลักก่อน) รวมถึงปุ่มลัดที่ระบุด้วยเครื่องหมายดอกจันทร์ (*) สามารถปรับแต่งปุ่มลัดได้ตามใจ นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานด้วยเสียงทั้งผู้โดยสารด้านหน้า และด้านหลัง จุดที่ควรปรับปรุง คือ การไม่รองรับการเชื่อมต่อมือถือระบบ Android Auto (แต่รองรับระบบ Apple Car Play กับสาย USB)
มอเตอร์ไฟฟ้า
ส่งกำลังต่อเนื่อง ประหยัดไฟฟ้า
Aion UT รุ่นทอพ Premium ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 210 นิวทันเมตร/21.4 กก.ม. เราสังเกตว่า แม้มีแรงม้าที่เทียบเท่ากับคู่แข่งอย่าง BYD Dolphin ตัวทอพ Extended Range แต่แรงบิดสูงสุดของ Aion UT กลับน้อยกว่าพอสมควร โดย Dolphin มีแรงบิดสูงสุดถึง 310 นิวทันเมตร/31.6 กก.ม. สเปคตามที่กล่าวมาจะมีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ในเบื้องต้นกับ Aion UT มากน้อยแค่ไหน เรามาลองกัน
เราใช้เส้นทางบนทางด่วนที่มีการจราจรปลอดโปร่ง จากการทดสอบการตอบสนองของคันเร่งในเบื้องต้น พบว่าอัตราเร่งทำได้ดีเกินคาด ไม่เน้นความหวือหวา แต่ส่งกำลังขากมอเตอร์ไฟฟ้าได้ไหลลื่น เมื่อลองกดคันเร่งแบบเร่งแซงด้วยอัตราเร่งยืดหยุ่น ในช่วง 80-120 กม./ชม. ใช้เวลาไม่นาน มอเตอร์มีเสียงรบกวนต่ำ มีการทำงานที่เรียบเนียน ทางผู้ผลิตระบุว่า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ คือ 8.3 วินาที สำหรับการใช้งานจริง เราคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 9 วินาที ซึ่งเพียงพอสบายๆ สำหรับการใช้งานทั่วไป
ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า Aion UT รุ่น Premium ใช้แบทเตอรีความจุ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม คือ 500 กม. (NEDC) ซึ่งเป็นการระบุตัวเลขอย่างชัดเจนครั้งแรกในงานทดลองขับครั้งนี้ แต่จุดสำคัญ คือ อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าจากการขับบนถนนจริง เราพิจารณาคร่าวๆ จากตัวเลขที่ระบุบนจอแสดงผลหลัก ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ระบบแสดงผลว่ามีอัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าที่ประมาณ 10 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจทีเดียว ขยับความเร็วมาที่ 80 กม./ชม. ตัวเลขขยับมาที่ 12 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. และเราลองถึงช่วงความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ตัวเลขที่ประมาณ 13 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. ไม่แตกต่างจากช่วง 80 กม./ชม. มากนัก เราคิดว่าการจัดสรรค์พลังงานไฟฟ้าของ Aion UT ภายใต้ชุดแบทเตอรีแบบ แมกกาซีน แบทเตอรี 2.0 ทำได้น่าสนใจทีเดียว การขับทางไกลกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้สามารถแล่นเป็นระยะทางที่เพียงพอกับการเดินทางไปต่างจังหวัดได้ดี (ภายใต้การขับที่เหมาะสม) ส่วนการชาร์จไฟฟ้าแบบ DC ทางผู้ผลิตระบุว่าใช้เวลาชาร์จจาก 30-80 % ในเวลา 24 นาที คำนวณคร่าวๆเป็นตัวเลขที่ประมาณ 60 กิโลวัตต์ของกระแสไฟฟ้า
ระบบรองรับ และระบบความปลอดภัย
ระบบรองรับของ Aion UT ด้านหน้าแบบ แมคเฟอร์สัน สตรัท ส่วนด้านหลังเป็นแบบ ทอร์ชันบีม การตอบสนองดดยรวมเน้นความนุ่มนวล แต่จากยางที่ใช้ และระบบรองรับด้านหลัง ทำให้มีความหนึบแข็งผสมอยู่ด้วย พวงมาลัยมีน้ำหนักค่อนข้างเบา แต่ยังตอบสนองได้ดี ผู้ขับสามารถเลือกการตอบสนองของพวงมาลัยได้ในโหมดผ่านจอแสดงผลหลัก สูงสุด คือ โหมด สปอร์ท แต่เราคิดว่าน้ำหนักพวงมาลัยยังค่อนข้างเบาอยู่ดี ไม่แตกต่างจากโหมดปกติมากนัก (สามารถปรับแต่งการตอบสนองของแป้นเบรคได้ด้วย) การเข้าโค้งทำได้เนียน บังคับควบคุมได้ง่าย การทดลองขับบางช่วงเป็นสถานีทดสอบการขับขี่ขนาดเล็ก มีการขับแบบสลาลอมสั้นๆ ตัวรถมีความคล่องแคล่วที่น่าพอใจ แต่ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นความสะดวกสบาย
จุดน่าสนใจอีกประการ คือ ระบบความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้หลายรายการ (และติดตั้งมาให้ทุกรุ่นย่อยด้วย) ทางผู้จัดงานมีการจีดสถานีทดสอบระบบ AEB หรือ ระบบช่วยเบรคฉุกเฉิก ทำงานขณะถอยรถด้วย เราดข้าเกียร์ถอย และปล่อยให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหลัง โดยที่เท้าไม่ได้กดแป้นเบรค ระบบสามารถหยุดรถได้ทันท่วงที แถมได้ทดสอบระบบดังกล่าวหลายครั้ง (ประมาณ 4-5 ครั้ง) เพราะมีการถ่ายทำคลิพทดลองขับหลายมุมมอง แสงดให้เห็นว่าระบบความปลอดภัยมีความน่าเชื่อถือ มีการทำงานที่แม่นยำ
สรุป - ยังคุ้มค่า แม้คู่แข่งพากันถล่มราคา !
Aion UT จัดเป็นแฮทช์แบคพลังไฟฟ้าที่มีความน่าสนใจ เส้นสายที่มีเอกลักษณ์ ห้องโดยสารกว้างขวาง การประกอบโดยรวมที่ทำได้ดี สมรรถนะที่ใช้งานทั่วไปได้สบาย ประหยัดพลังงานไฟฟ้าแม้ใช้ความเร็วค่อนข้างสูง (ไม่เกิน 100 กม./ชม.) ออพชันเรื่องระบบความปลอดภัยที่ครบครัน อย่างไรก็ตาม บรรดาคู่แข่งทั้งหลาย นั่นคือ BYD Dolphin , Ora Good Cat และ MG4 Electric ต่างก็ปรับลดราคาลงมาสู้ด้วย ในช่วงราคาที่ 5-6 แสนบาทปลายๆ กับจุดเด่นที่แตกต่างกันไป สำหรับ Aion UT ถูกตั้งราคา (ณ วันทดลองขับ คือ 12 มิถุนายน 2568) ตามที่ประกาศเอาไว้ คือ 510,000-640,000 บาท (กับราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 490,000 บาท) นับเป็นราคาค่าตัวที่น่าสนใจมาก เป็นอีกทางเลือกที่ไม่อาจมองข้าม กับรถยนต์ไฟฟ้าสไตล์แฮทช์แบคสักคัน
Aion UT : มอเตอร์ 135-204 แรงม้า ราคา 510,000-640,000 บาท (ณ วันที่ 13/06/2568)
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.aionauto.com/th-th/aion-ut
คู่แข่ง
BYD Dolphin : มอเตอร์ 95-204 แรงม้า ราคา (พิเศษ) 499,900-599,900 บาท
MG4 Electric (รุ่น D) : มอเตอร์ 170 แรงม้า ราคา (พิเศษ) 559,900-664,900 บาท
Ora Good Cat : มอเตอร์ 143 แรงม้า ราคา (พิเศษ) 599,000-699,000 บาท
