King Salman Bin Abdulaziz แห่งประเทศซาอุดิอาระเบีย ออกประกาศทางสถานีโทรทัศน์โดยระบุว่า จะยกเลิกข้อห้ามไม่ให้สตรีเพศขับรถยนต์ในประเทศ แม้ว่าการประกาศครั้งนี้จะไม่ใช่เป็นครั้งแรก แต่กษัตริย์ก็ทรงกล่าวว่า การประกาศครั้งนี้ช่วยพัฒนาการการยอมรับระหว่างประเทศ ด้านสิทธิมนุษย์ชนทางการซาอุดิอาระเบีย ก็รายงานข่าวว่า การอนุมัติให้สตรีเพศสามารถขับรถยนต์ได้ จะช่วยในการปรับปรุงสภาพเศรษฐกิจของประเทศ อันเนื่องจากจะมีสตรีเพศสามารถเข้าร่วมในการทำงานเพิ่มมากขึ้น นโยบายดังกล่าว จำเป็นต้องผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, การคลัง, แรงงานและพัฒนาการมนุษย์ ก่อนที่สตรีเพศจะสามารถขับรถยนต์ได้บนถนนหลวง ซึ่งยังไม่สามารถกำหนดเวลาอย่างเป็นทางการได้แท้จริง ข้อห้ามไม่ให้สุภาพสตรีขับรถยนต์นั้น มีมานานมากแล้ว ตามบันทึกของกรรมการสิทธิมนุษยชนในประเทศยากจน เพียงแต่เมื่อไม่นานมานี้ สังคมซาอุดิอาระเบีย และข้าราชการบางกลุ่ม ออกมาเรียกร้องว่าข้อกำหนดนั้นเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว โดยระบุว่าสตรีเพศ “ขาดความรู้ที่เหมาะสม” ("Lacked The Intellect") ในการขับขี่ยานพาหนะ ซึ่งเป็นเหตุผลที่มีมานานเพื่อให้ข้อกำหนดนี้คงอยู่ ประเทศซาอุดิอาระเบีย มีประชากรทั้งสิ้นราว 32 ล้านคน โดยมีอายุเฉลี่ยเพียง 27 ปี และมีอายุเกิน 55 ปี ราว 8 % ราวครึ่งหนึ่งของประชากรเป็นสุภาพสตรี และใช้แรงงานราคาถูกจาก บังคลาเทศ และ ฟิลิปปินส์ เป็นพนักงานขับรถ โดยยังเป็นประเทศสุดท้ายในโลกนี้ ที่มีข้อห้ามสตรีเพศขับรถ ปีที่แล้ว Toyota จำหน่ายรถยนต์ 676,000 คัน ในประเทศซาอุดิอาระเบีย ราว 32 % ของตลาด ขณะที่รถยนต์จากเกาหลีใต้ Hyundai มีส่วนแบ่งตลาด 24 % และในเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา Toyota ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง ที่จะศึกษาการก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ขึ้น ขณะที่ค่าย Nissan และ Hyundai ก็อยู่ในขั้นตอนเตรียมการเปิดสายการประกอบเช่นกัน