กําลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จํากัด เปิดเผยว่าตลาดรถบรรทุกขนาดใหญ่และขนาดกลางเมื่อปีที่แล้ว หดตัวลงประมาณ 6.3 % จาก 25,178 คัน ในปี 2559 มาเป็น 23,600 คัน ในปี 2560 โดยรถบรรทุกขนาดใหญ่ลดลงประมาณ 5.1 % จาก 17,172 คัน ในปี 2559 มาเป็น 16,293 คัน เมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่รถบรรทุกขนาดกลางลดลงมากถึง 8.7 % จาก 8,006 คัน ในปี 2559 มาเป็น 7,307 คัน เมื่อปีที่แล้ว
“ปีที่แล้ว เคยคาดการณ์ไว้ช่วงกลางปีว่าตลาดน่าจะหดตัวลงด้วยการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง การใช้จ่ายภาครัฐในการก่อสร้างขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเราจึงเชื่อมั่นว่าตลาดจะดิ่งลงในอัตราที่ 10-12 % แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ กลับดีขึ้นกว่าที่คิดด้วย เพราะรถบรรทุกแต่ละค่าย ต่างดันรถรุ่นใหม่ๆ แคมเปญทั้งงานขาย งานบริกา รออกมานําเสนอเพื่อดันยอดขายให้ได้ตามเป้า”
อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 เริ่มมีสัญญาณที่เป็นบวกมากขึ้นโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคที่รัฐบาล โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคําสั่งตามมาตรา 44 เมื่อปลายปีที่แล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทําผังพื้นที่ระเบียบเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Economics Corridor (EEC) ให้เสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2561 ซึ่งนโยบายนี้เป็นที่จับตามองของนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนจากประเทศจีน ซึ่งหากเป็นไปตามคําสั่งรัฐบาลมาตรา 44 ก็จะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
“เราต้องยอมรับว่าเมื่อปี 2559 ตลาดโตมาถึง 8 % แต่เมื่ออุตสาหกรรมการก่อสร้างและการอุปโภคบริโภคภายในประเทศไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ทําให้มีการชะลอคําสั่งซื้อรถบรรทุก เพราะรถที่สั่งซื้อไป ยังคงวิ่งไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงไม่จําเป็นต้องเร่งสั่งซื้อรถใหม่ในปีที่ผ่านมา”
สําหรับ วอลโว่ กรุ๊ปฯ นั้น มียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 5 % จาก 1,191 คัน เมื่อปี 2559 มาเป็น 1,251 คัน เมื่อปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็น โวลโว ทรัคส์ 365 คัน และยูดี ทรัคส์ 895 คัน ซึ่งถือว่าดีกว่าตลาดโดยรวมที่มีอัตราเติบโตติดลบประมาณ 6.3 % ทั้งนี้เป็นผลจากการเปิดตัวรถบรรทุกขนาดกลาง ยูดี คโรเนอร์ เมื่อต้นปีที่แล้ว
ปัจจัยเสริมที่จะมีส่วนกระตุ้นตลาดรถบรรทุกในปีนี้ คือ การเร่งเดินหน้า EEC การคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังคาดไว้ในปีนี้จะเติบโตถึง 4.2 % รวมไปถึงตัวเลขการเติบโตของการส่งออกมีการปรับเป้าปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6.6 % จากที่เคยกําหนดไว้ที่ 5.7 % และตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 38.2 ล้านคน เติบโต 8 % และรายได้จากภาคการท่องเที่ยวแตะ ระดับ 2.05 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6 % ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก
“สิ่งเหล่านี้เรามองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจที่จะมีส่วนกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยรวมไปถึงแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่กําลังอยู่ในช่วงขาขึ้นซึ่งเราหวังว่าจะกระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้อ รถบรรทุกใหญ่เพิ่มขึ้นด้วย โดยเรามองว่าตลาดน่าจะมีการเติบโตที่ 5 % สอดคล้องกับการเติบโตเศรษฐกิจแต่ก็ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตามอง คือ การเลือกตั้งในประเทศไทย แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นสิ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด”
ทางด้าน วิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาดและงานสนับสนุนการขาย กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจรถบรรทุกในขณะนี้กําลังเผชิญกับความท้าทายการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี เช่นเดียวกับธุรกิจมากมาย โดยเฉพาะยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่ง วอลโว่ กรุ๊ปฯ ได้ให้ความสําคัญต่อเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
“ล่าสุด เราได้มีประกาศที่ประเทศสวีเดน ว่าในปีนี้เราจะเริ่มทดลองนํารถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100 % ออกใช้งาน และปีหน้าจะเริ่มทําการตลาดในทวีปยุโรปก่อน ถือเป็นการเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับโลกเทคโนโลยียานยนต์ แน่นอนสิ่งเหล่านี้ย่อมจะมีผลต่อการพิจารณาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สําหรับตลาดประเทศไทย” 
