เวลากลางคืน ความมืด คือ จุดอ่อนของการมองเห็น โดยเฉพาะการขับรถ อย่าปล่อยให้รถ "หน้ามืด" เพราะนั่น อาจเป็นบ่อเกิดของอุบัติเหตุ !อายุของหลอดไฟหน้า ในคู่มือของรถไม่ได้ระบุเอาไว้ เนื่องจากไม่สามารถกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนได้ เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คุณภาพการผลิต ระยะเวลาในการเปิดใช้งาน ซึ่งแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วอายุของหลอดไฟหน้าทั่วไป (ฮาโลเจน) จะอยู่ประมาณ 2,000-2,500 ชม. จึงควรมีหลอดไฟหน้าสำรองติดบ้านไว้อีกสักชุด ชนิดของหลอดไฟหน้าในปัจจุบัน 1. หลอดฮาโลเจน (Halogen Bulb) หลอดฮาโลเจน คือ หลอดแสงสีเหลือง ที่บริษัทรถยนต์เกือบทุกค่ายเลือกใช้กันมานาน เพราะมีราคาถูก และจับวัตถุได้ดี หลอดฮาโลเจนนั้นมีขดลวดทังสเตนภายในครอบแก้วควอร์ทซ์ ซึ่งบรรจุแกสฮาโลเจน หลอดฮาโลเจนจะให้แสงสว่างมาก มีลำแสงยาวและเป็นแสงขาว ซึ่งทำให้เห็นสีและภาพต่างๆ ได้ชัดเจน ไอระเหยของแร่ทังสเตนจากขดลวดจะไม่ไปสะสมและเกาะที่บริเวณครอบแก้วด้านในของหลอดไฟ แต่จะปะปนอยู่กับแกสฮาโลเจนภายในหลอด และจะสะสมกลับไปที่ขดลวดอีกครั้ง ซึ่งช่วยให้มีอายุการใช้งานนานขึ้น 2. หลอด HID (High Intensity Discharge) หลอด HID คือ เทคโนโลยีไฟส่องสว่างที่ต่างไปจากระบบฮาโลเจนปกติ แสงของหลอดฮาโลเจนจะเกิดจากการเปล่งแสงของขดลวดความต้านทาน ขณะที่แสงของ HID จะเกิดจากการปล่อยกระแสไฟฟ้าให้วิ่งผ่านแกสซีนอน (Xenon) คล้ายกับการทำงานของหลอดฟลูออเรสเซนท์ การสปาร์คครั้งแรกจะใช้แรงดันไฟสูงถึง 25,000 โวลท์ ก่อนจะลดระดับลงมาเป็นไฟเลี้ยงที่ 35 วัตต์ 12 โวลท์ ซึ่งทำให้ใช้ไฟเลี้ยงน้อยกว่าหลอดแบบฮาโลเจน ให้ความสว่างที่มากกว่า และอายุการใช้งานนานกว่า เนื่องจากไม่ใช้ไส้หลอด ลักษณะรูปแบบของหลอดไฟ โคมไฟหน้ารถยนต์มีหลากหลายรูปแบบ ทำให้หลอดไฟต้องมีหลายรูปแบบเช่นกัน โดยถ้าเป็นหลอดฮาโลเจน จะแบ่งออกเป็นตัว H ต่างๆ หลอด H1 จะมีลักษณะเป็นหลอดไส้เดียวดวงเดียว เป็นแบบเสียบเข้ากับขาเสียบด้านหลัง ใช้กับโคมไฟแบบแยกไฟสูงกับไฟต่ำ ส่วนใหญ่อยู่ในรถยุโรป หรือรถญี่ปุ่นรุ่นใหญ่ๆ หลอด H4 แบบนี้จะได้รับความนิยมจากผู้ผลิตมากที่สุด (รถญี่ปุ่นส่วนใหญ่ในบ้านเราใช้หลอดรุ่นนี้) จะมีลักษณะอ้วน ไส้หลอดเรียงตามยาว ชั้นบนจะมีฝาครอบไว้เป็นไฟต่ำ ส่วนชั้นล่างจะมีเพียงขดลวดเท่านั้น (ไม่มีฝาครอบ) เมื่อติดพร้อมกันจะเป็นไฟสูง ด้านท้ายจะมี 3 ขา สำหรับไฟสูง/ต่ำ และขั้วดินอีก 1 ขา หลอด H7 สำหรับรถยุโรปที่มีลักษณะผสมกันระหว่าง H1 กับ H4 คือ มีไส้เดียว แต่ใช้เบ้าใหญ่ เพื่อรองรับกับหลอดไฟแบบ HID เป็นต้น กฎหมายน่ารู้เกี่ยวกับไฟรถยนต์ กฎหมายที่กำหนดเอาไว้ใน พรบ. รถยนต์ พศ. 2522 กล่าวว่าโคมไฟส่องสว่างหน้ารถจะต้องมีจำนวน 2 ดวง ติดอยู่ทางซ้ายและขวาข้างละดวง เป็นชนิดแสงพุ่งไกล ใช้ไฟแสงขาว (ออกเหลืองๆ ฟ้าจางๆ ก็ได้) เท่านั้น และต้องติดตั้งในระดับสูงนับจากพื้นถึงจุดกึ่งกลางของโคมไฟไม่น้อยกว่า 60 ซม. และไม่เกิน 1.35 ม. ส่วนโคมไฟต่ำจะใช้ข้อบังคับเดียวกัน และอนุญาตให้อยู่ในดวงเดียวกันได้ ขั้นตอนการเปลี่ยนหลอดไฟหน้า 1. ดึงปลั๊กไฟที่อยู่บริเวณหลังโคมไฟออกก่อน 2. ค่อยๆ ดึงตัวกันฝุ่นออกอย่างช้าๆ 3. จะเห็นตัวดันหลอดไฟ ส่วนใหญ่เป็นเหล็กเส้นเล็ก ให้กด และดันลงไปเล็กน้อย เหล็กจะหลุดออกจากเบ้าโคมไฟ 1 ข้าง 4. จับบริเวณขั้วหลอดไฟ แล้วหมุนขั้วหลอดไฟ ให้หลุดออกจากเบ้าโคม ระวังหลุดมือ 5. หยิบหลอดไฟออกจากกล่อง โดยห้ามใช้มือสัมผัสที่ตัวหลอด 6. หมุนหลอดไฟเข้าไปในตำแหน่งเดิม ระวังหล่นลงไปในโคมและห้องเครื่อง 7. กดตัวดันหลอดไฟ ให้ลอคกับเบ้าโคมจนแน่น และใส่ยางกันน้ำให้แน่นสนิท เสียบปลั๊ก ทดลองเปิดใช้งาน ข้อควรระวัง ห้ามใช้มือจับบริเวณหลอดแก้วของหลอดไฟเด็ดขาด เนื่องจากภายในหลอดฮาโลเจนมีความร้อนสูงมากถึง 250 องศาเซลเซียส (สูงขนาดเอามาจุดบุหรี่ติดได้) มีปริมาตรภายในต่ำ และคายความร้อนยาก ถ้าโดนนิ้วมือเรา หลอดแก้วจะเกิดคราบมันจากมือ เมื่อเปิดใช้งาน ความร้อนที่สูงมากจากภายในหลอดแก้วจะทำให้คราบมันนั้นเป็นรอยขุ่นดำ ทำให้หลอดขุ่นมัวไม่สว่างเหมือนเดิม ถ้าพลาดเอามือไปโดน ให้ใช้ผ้าสะอาดค่อยๆ เช็ดคราบมันให้หมดไป ส่วนหลอดไฟที่เสียแล้ว ควรใส่ในภาชนะที่แข็งแรง เพื่อที่หลอดไฟจะได้ไม่แตกเวลาถูกกระแทก และควรทิ้งให้เป็นที่ เพราะถือว่าเป็นขยะอันตราย ส่วนวิธีการปรับตั้งไฟหน้า 1. จอดบนพื้นราบเรียบ โดยหันหน้ารถเข้าหากําแพง 2. ใช้ตลับเมตรวัดระยะห่างจากหน้ารถถึงกําแพงประมาณ 50 ซม. 3. เปิดไฟหน้ารถ อยู่ในตำแหน่งไฟต่ำ 4. นำเทปกาวติดลงบนกำแพง (ตามรูปด้านล่าง) 5. จากนั้นให้ถอยรถออกจากกำแพงประมาณ 7.6 ม. (ล้อยังตรงอยู่) 6. ปรับตั้งโคมไฟด้านซ้ายก่อน นำกระดาษทึบแสง บังไฟหน้าด้านขวาไว้ 7. ใช้ไขควงหมุนนอทจานสะท้อนแสงในตำแหน่งสูงต่ำ ให้จุดรวมแสงต่ำกว่าเทปกาวที่ปิดไว้ประมาณ 2 นิ้ว 8. ปรับหมุนนอทในตำแหน่งซ้ายและขวา โดยโคมด้านซ้ายจะต้องเอียงออกซ้ายเล็กน้อย และทำการปรับอีกข้างที่เหลือ