จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ PTTOR ยังคงไม่หยุดนิ่งที่จะคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ดีมีคุณภาพ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station จนถึงผลิตภัณฑ์ และการบริการต่างๆ เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรใหม่ PTT UltraForce Diesel ที่ PTTOR มุ่งมั่นทุ่มเท พัฒนา คิดค้นเพื่อผู้บริโภคชาวดีเซลโดยเฉพาะ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสูตรใหม่เป็นรายแรกของโลกที่ช่วยเพิ่มความแรงของทั้งน้ำมันดีเซลสูตรธรรมดา และดีเซลสูตรพรีเมียมของสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้แรงได้ใจคนดีเซล เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติความแรงของวงการน้ำมันไทย
อีกทั้งยังได้เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนล่าสุดของ PTT UltraForce Diesel “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ไอคอนนิคแห่งความแรง และความแมน ตามแบบฉบับของชาวดีเซล มาร่วมตอกย้ำ สร้างความเชื่อมั่นในความแรงของ PTT UltraForce Diesel
นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอน้ำมันหล่อลื่นสูตรใหม่ที่น่าจับตามอง Dynamic Commonrail ภายใต้บแรนด์ PTT Lubricants ซึ่งเป็นน้ำมันเครื่องเทคโนโลยีสังเคราะห์สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ระบบคอมมอนแรลรุ่นใหม่ ที่ผ่านการคิดค้นพัฒนามาเพื่อกลุ่มรถพิคอัพดีเซลที่ใช้งานหนักเป็นการเฉพาะ ด้วย Clean & Lock Technology ที่ช่วยล้างสิ่งสกปรก ลอคความสะอาด ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่อืด ตลอดอายุการเปลี่ยนถ่าย ตอบสนองอัตราเร่งได้เต็มสมรรถนะ อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง โดยผู้บริโภคที่สนใจในผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants สามารถซื้อและเข้ารับบริการเปลี่ยนถ่ายได้ที่ FIT Autoศูนย์บริการยานยนต์ครบวงจรแบบ One-Stop-Service ที่พร้อมให้บริการดูแลรักษารถยนต์ของทุกท่านกว่า 36 สาขา ทั่วประเทศ และภายในงานยังมีการแนะนำการให้บริการจาก FIT Auto พร้อมด้วยพโรโมชันพิเศษมากมาย อาทิ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants ลดสูงสุด 40 % รวมถึงยางรถยนต์ และอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับรถยนต์ที่มาร่วมจำหน่ายในราคาพิเศษอีกด้วย
นอกจากผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่มีคุณภาพสูงแล้ว PTTOR ยังคงดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ภายใต้แนวคิด Living Community ทำให้สถานีบริการ PTT Station เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของชุมชน มุ่งสร้างความผูกพันให้เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนส่วนเสียทุกกลุ่ม ด้วยการนำความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้นๆ มาเป็นจุดเริ่มต้นในการออกแบบรูปแบบทางธุรกิจร่วมกัน เพื่อให้สถานีบริการน้ำมัน PTT Station สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่แตกต่างกันของทั้งผู้บริโภคและชุมชน สร้างโอกาสทางธุรกิจให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ร่วมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน และยังคงสานต่อการทำกิจกรรมเพื่อชุมชนต่างๆ เช่น โครงการ “แยก แลก ยิ้ม” ที่เชิญชวนผู้บริโภคให้มีส่วนร่วมในการดูแลสังคมชุมชน ด้วยการช่วยกันแยกขยะลงถังให้ถูกประเภท ซึ่งรายได้จากขายขยะที่ถูกคัดแยกนี้ จะถูกนำไปสร้างเป็นรอยยิ้มให้แก่ชุมชนโดยรอบสถานีบริการ เช่น การซื้ออุปกรณ์กีฬา การสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์ การสร้างห้องน้ำสาธารณะ เป็นต้น
นอกจากนี้ PTTOR ยังคงปรับปรุงองค์ประกอบต่างๆ ภายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้อยู่ในรูปแบบ Friendly Design สัญลักษณ์แห่งความห่วงใย และความเท่าเทียมกัน ที่พร้อมดูแลผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย ทุกเงื่อนไขของสภาพร่างกาย ให้สามารถเข้าถึงและใช้บริการได้อย่างสะดวกและปลอดภัยในทุกๆ พื้นที่ภายในสถานีบริการ โดยปัจจุบัน มีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ที่เป็นรูปแบบ Friendly Design แล้วทั้งสิ้นกว่า 300 สถานี บนเส้นทางสายหลัก และตั้งเป้าหมายปรับปรุงสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้อยู่ในรูปแบบ Friendly Design เพิ่มขึ้นเป็น 400 สถานี ภายในสิ้นปี 2561
ภายในบูธ PTTOR ยังมีจุดรับสมัครสมาชิก PTT Blue Card บัตรสะสมคะแนนจากการซื้อสินค้าและบริการของ PTTOR เพื่อใช้คะแนนสะสมแลกรับสิทธิพิเศษมากมาย จากร้านค้าทั้งภายในและภายนอกสถานีบริการน้ำมัน PTT Station รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายจากคู่ค้าที่เป็นพันธมิตร และตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2561 สมาชิก PTT Blue Card ที่เติมน้ำมันดีเซลจะได้รับรับคะแนนสะสม 2 เท่า พร้อมลุ้นรางวัลกว่า 150 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 2 ล้านบาท
ครั้งนี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังได้ร่วมนำเสนออีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ การจัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าต้นแบบ “Etran Kraf” ภายในงาน โดยเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท สตาร์ทอัพไทย “Etran” ในการออกแบบรถจักรยานยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า ที่มีศักยภาพสูง สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 130 กม./ชม. มาพร้อมแบทเตอรีความจุสูงถึง 40 แอมแปร์-ชั่วโมง ขับขี่ต่อเนื่องสูงสุด 180 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง และมีอัตราสิ้นเปลืองพลังงาน คิดเป็นค่าใช้จ่ายเพียง 0.04 บาท/กม. โดยจะเริ่มทดลองตลาดในระยะเวลาอันใกล้นี้อีกด้วย
บทความแนะนำ