แม้ว่าการเจรจาในข้อตกลงระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน ยังอยู่ในการประชุมพิจารณาในรายละเอียด ที่สหรัฐอเมริกาตั้งเป้าจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจากประเทศจีน มูลค่า 200 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ กำหนดในวันที่ 1 มีนาคมนี้ โดย ประธานาธิบดี Donald Trump กล่าวว่า ข้อตกลงในด้านภาษีอากรดังกล่าว น่าจะแล้วเสร็จทันตามกำหนดท่ี่ระบุไว้ ด้วยความพอใจของทั้ง 2 ฝ่ายสำนักข่าว Bloomburg รายงานว่า ขณะเดียวกัน การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา กับสหภาพยุโรป ก็เริ่มเข้มข้นอีกด้านหนึ่ง โดยประธานาธิบดี Trump กล่าวว่า เขาอาจตั้งกำแพงภาษีสำหรับรถยนต์สั่งนำเข้าจากสหภาพยุโรป เพื่อจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา หากการเจรจาทางการค้าไม่เป็นผลสำเร็จ ประธานาธิบดี Trump ให้สัมภาษณ์ว่า การเจรจาต่อรองของทำเนียบขาว กับผู้แทนของสหภาพยุโรป เป็นไปอย่างยากลำบาก “ถ้าการเจรจาไม่เป็นผล เราก็จะตั้งกำแพงภาษีสั่งนำเข้า” ประธานาธิบดี Trump กล่าว “เราพยายามเจาจาเพื่อทำข้อตกลง แต่การเจรจากับสหภาพยุโรป ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก” ก่อนหน้านี้ Jean-Claude Juncker ประธานสหภาพยุโรป ออกมากล่าวถึง ประธานาธิบดี Trump ว่าเขาพยายามปกป้องการค้าของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งสัญญาไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะไม่ตั้งกำแพงภาษีในการสั่งนำเข้ารถยนต์จากสหภาพยุโรป แต่จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ได้เปิดทางให้สหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดี สามารถตั้งกำแพงภาษีสั่งนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วน 25 % เพื่อเป็นการป้องกันความปลอดภัยของชาติ Trump แถลงว่า รายงานดังกล่าว เป็นเพียงการศึกษาเท่านั้น “เราต้องศึกษาอย่างระมัดระวัง เพราะมองเห็นผลที่จะเกิดขึ้นแล้ว แต่ท้ายที่สุด หรือ หากเราไม่สามารถตกลงในรายละเอียดกับสหภาพยุโรปได้ เราก็น่าจะตั้งกำแพงภาษี” เขากล่าว การเจรจาระหว่างสหรัฐอเมริกา กับสหภาพยุโรป เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ด้วยความเห็นชอบของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งขณะนั้น Trump ให้คำมั่นว่าจะยังไม่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ขณะที่ยังมีการเจรจาอยู่ ประธานาธิบดี Trump ประกาศที่จะตั้งกำแพงภาษีสำหรับรถยนต์สั่งนำเข้า 25 % โดยมีคำเตือนจากหลายฝ่าย ว่าจะทำให้กระทบกระเทือนต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และยังกระทบกระเทือนอุตสาหกรรมรถยนต์ของโลกใบนี้ด้วย บรรดาประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป 28 ประเทศ ต่างยืนยันว่าจะไม่มีการตั้งกำแพงภาษีสำหรับสินค้าจากสหรัฐอเมริกา ตราบที่สหรัฐอเมริกาไม่เรียกเก็บภาษีสั่งนำเข้ารถยนต์จากสหภาพยุโรป ขณะเดียวกัน ต่างก็เตรียมพร้อมที่จะตั้งกำแพงภาษี มูลค่า 20 พันล้านยูโร ต่อสินค้าจากสหรัฐอเมริกา หากประธานาธิบดี Trump ตั้งกำแพงภาษีรถยนต์และอะไหล่ จากสหภาพยุโรป