ดร. ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท. จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์ ปลัดกระทรวงพลังงาน อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และผู้อำนวยการสำนักงานนโนบายและแผนพลังงาน ร่วมงานแถลงข่าว “พีทีที โออาร์ ผู้นำจำหน่ายดีเซล บี 10 แรง คุ้มค่า รักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมดูแลเกษตรกรไทย” ณ อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบที่ล้นตลาด สนับสนุนเกษตรกรไทยผู้ปลูกปาล์ม ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และเร่งขยายการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 ไปทั่วประเทศ
ดร. ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ประกาศให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดมาตรฐานของไทย เพิ่มขึ้นอีก 1 ประเภท และมีแผนงานให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 เป็นน้ำมันประเภทหลักของไทยในปี 2564 ทดแทนน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 7 สำหรับไบโอดีเซล บี 100 ที่ใช้เป็นส่วนผสมของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 นั้น กรมธุรกิจพลังงานกำหนดให้เป็นไบโอดีเซล บี 100 ที่มีความบริสุทธิ์มากกว่าไบโอดีเซล บี 100 ที่ผสมอยู่ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 7 โดยมีการลดปริมาณโมโนกลีเซอไรด์หรือไขให้ต่ำลง จากเดิมไม่สูงกว่า 0.7 % ปรับเป็นไม่สูงกว่า 0.4 % โดยน้ำหนัก ส่งผลให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 มีคุณภาพดีขึ้น ปัจจุบัน มีบริษัทค่ายรถยนต์ที่ให้การรับรองว่าสามารถใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 ได้ จำนวน 12 ยี่ห้อ รวม 944 รุ่น ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลได้จากประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะใช้มาตรการกลไกด้านราคาทำให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 มีราคาขายปลีกต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 7 ซึ่งมั่นใจว่า ด้วยกลไกด้านราคานี้จะสามารถจูงใจผู้ใช้รถดีเซลให้หันมาใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 และทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ปาล์มน้ำมันของประเทศ โดยจะทำให้มีการใช้น้ำมันปาล์มดิบรวม 2 ล้านตัน/ปี จากปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 1.5 ล้านตัน/ปี
จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์ กล่าวว่า พีทีที โออาร์ พร้อมสนับสนุนนโยบายกระทรวงพลังงานที่กำหนดให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 เป็นน้ำมันประเภทหลักของประเทศในปี 2564 โดยในระยะแรก พีทีที โออาร์ จะจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชัน ทุกแห่งในภาคใต้ และขยายไปยังภาคตะวันออก ซึ่งจะมีสถานีบริการน้ำมันที่จำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 รวม 340 สถานีในปี 2562
พีทีที โออาร์ ใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 100 คุณภาพสูง มาผสมเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 และยังใส่สารเพิ่มค่าซีเทน ทำให้เครื่องยนต์มีกำลัง “แรง” มากขึ้น และด้วยสัดส่วนของไอดีเซล บี 100 ที่สูงขึ้น ทำให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 มีการเผาไหม้สมบูรณ์ ลดควันดำได้ร้อยละ 42 ลดฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ได้ร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วปกติ จึงสามารถช่วยลดมลพิษ และ “ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม” นอกจากนี้ ปัจจุบันน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 จะมีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลธรรมดา 1 บาท/ลิตร จึง “คุ้มค่า” ช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ใช้รถดีเซล โดยประเภทรถยนต์ที่ค่ายรถยนต์ให้การรับรองว่าสามารถเติมน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 ได้ จะเป็นกลุ่มรถยนต์ดีเซลทั่วไป ได้แก่ รถกระบะ รถตู้ และรถอเนกประสงค์
ทั้งนี้ พีทีที โออาร์ คาดว่าในระยะแรกจะสามารถจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 ได้ 3.2 ล้านลิตร/วัน ทำให้มีการใช้ไบโอดีเซล บี 100 ในการผลิตน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 มากถึง 300,000 ลิตร/วัน อันจะเป็นปริมาณที่สามารถช่วยลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศได้ และทำให้สามารถช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบได้เพิ่มอีก 92,000 ตัน/ปี เป็นการสร้างประโยชน์ในด้าน “การลดการนำเข้านำมันดิบ และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน”
สำหรับแผนงานการเพิ่มการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 พีทีที โออาร์ ยังคงขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่จำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 56 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 100 แห่ง ทั่วประเทศภายในปี 2562 จิราพร กล่าวเพิ่มเติม