ทดลองขับ(4wheels)
MG Extender ไม่ใช่มือใหม่...แต่เป็นพิคอัพขับสบายที่ต้องลอง
MG Extender แม้ว่าจะเป็นพิคอัพน้องใหม่ในบ้านเรา แต่ถ้าได้ทดลองขับ บอกได้เลยว่า ขับดีไม่แพ้พิคอัพ 5 ค่ายใหญ่
หลังจากเปิดตัวพร้อมกัน 9 รุ่น ประกอบด้วย ตัวถังแบบ 2 ประตู มีแคบ Giant Cab มาตรฐาน 2 รุ่น ราคา 549,000-619,000 บาท ยกสูง Grand อีก 3 รุ่น ราคา 659,000-729,000 บาท แบบ 4 ประตูยกสูง Double Cab Grand 3 รุ่น ราคา 759,000-879,000 บาท และรุ่นทอพ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,029,000 บาท ทั้งหมดใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร 161 แรงม้า เกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ 6 จังหวะ ระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อหลัง และ 4 ล้อ แบบพาร์ทไทม์ ในรุ่นทอพ และลองขับที่สนาม 8Speed เขาใหญ่ มาแล้ว รอบนี้ MG เชิญสื่อมวลชนลงใต้มาขับ Extender รุ่นทอพ Double Cab Grand X 4WD 6AT ยาวๆ เข้ากรุงเทพฯ กลุ่มแรกลงเครื่องที่ภูเก็ตขับมาชุมพร ซึ่งเราเป็นกลุ่มที่ 2 รับช่วงจากชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ จบที่กรุงเทพฯ (MGD ศรีนครินทร์)
นอกจากไฟหน้า Projector พร้อมระบบควบคุมการเปิด/ปิดอัตโนมัติ ไฟขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lights และกล้องมองหลัง พร้อมเซนเซอร์ถอยหลัง อุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Grand แล้ว รุ่น 4WD ยังเพิ่มความสบายด้วยไฟหน้า LED Projector พร้อมระบบควบคุมไฟหน้าปรับการเลี้ยวตามองศาพวงมาลัยอัตโนมัติ
พื้นที่กระบะท้ายรุ่น Double Cab ยาว 1,485 มม. กว้าง 1,510 มม. และสูง 530 มม. สั้นกว่ารุ่น Giant Cab 415 มม.
โครงสร้างตัวถังที่ทันสมัยด้วยระบบเลเซอร์ (Laser Welding) ช่วยเพิ่มความแข็งแรง (ผ่านการทดสอบ A-NCAP ได้คะแนนถึง 5 ดาว) และช่วยลดเสียงรบกวนอีกแรงหนึ่ง MG ยังติดตั้งฉนวนดูดซับเสียงถึง 9 จุด ทำให้มีเสียงรบกวนเข้ามาในห้องโดยสารน้อย (ตัวเลขจาก MG ขณะจอด เพียง 43 เดซิเบล และที่ความเร็ว 60 กม./ชม. อยู่ที่ 64 เดซิเบล) หลังจากได้ขับและลองนั่งทุกตำแหน่งแล้ว ยอมรับว่าห้องโดยสาร Extender รุ่นทอพ Double Cab Grand X 4WD 6AT เงียบ สามารถลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี
ห้องโดยสารของ MG Extender กว้างขวาง โดยเฉพาะรุ่น Double Cab นั่งสบายทั้งด้านหน้า และด้านหลัง คอนโซลและแผงข้างประตูบุนุ่ม เบาะที่นั่งบุหนังแท้ และหนังสังเคราะห์ สีดำสไตล์สปอร์ท เพิ่มความรู้สึกหรูหรา เบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเอนนอนได้ถึง 150 องศา
เบาะหลังขนาดใหญ่ มีระยะห่างจากช่วงขาใกล้เคียงเอสยูวี และซีดานขนาดใหญ่ มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ช่วยลดอุณหภูมิ ช่องจ่ายไฟ 12 โวลท์ ที่วางแขนพับเก็บได้ และเมื่อพับพนักพิงลงมายังมีช่องเก็บของซ้าย/ขวา เพื่อไม่ให้ของหลังเบาะกระจาย
ในรุ่น Grand X และ Grand 4x4 X นอกจากจะมีจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว และสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่านบูลทูธ ยังติดตั้งระบบเชื่อมต่อ i-Smart รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ระบบนำทางพร้อมรายงานการจราจร (แบบ Real Time) สามารถแสดงผลสถานะรถ และตำแหน่งของตัวรถผ่านแอพพลิเคชันบนมือถือแบบสมาร์ทโฟน รวมถึงการสั่งสตาร์ทรถพร้อมเปิดแอร์ล่วงหน้าได้ (ไม่เกิน 10 นาที)
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ระบบระบายความร้อนแบบแยกส่วน เพลาข้อเหวี่ยงแบบเยื้องศูนย์ ระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูงของ Bosch (ถึง 2,000 บาร์) ระบบวาล์วควบคุมการไหลเวียนของไอดีแบบแปรผัน กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 38.3 กก.-ม. ที่ 1,500-2,400 รตน. เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบพาร์ทไทม์ มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ 14.1 กม./ลิตร
แรงบิดสูงส่งกำลังต่อเนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร 161 แรงม้า ได้ความไหลลื่นในช่วงลอยตัว ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์ 1,700-1,800 รตน. และขับสบายด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ขึ้น/ลงทางลาดชันได้
เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ สามารถเลือกบวก/ลบ ตำแหน่งเกียร์ได้ ยังเลือกรูปแบบการขับได้ 3 โหมด โหมดมาตรฐาน (Normal) โหมดประหยัด (Eco) และโหมดกำลัง (Power) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบพาร์ทไทม์ สามารถเลือกเปลี่ยนจากขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ ความเร็วสูง (4H) ที่ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ด้วยการหมุนสวิทช์ โดยไม่ต้องหยุดรถ และหยุดรถเพื่อเปลี่ยนเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ ความเร็วต่ำ (4L) หากต้องลุย ซึ่งจะมาพร้อมระบบลอคเฟืองท้าย (Rear Axle Differential Look)
ระบบรองรับด้านหน้า อิสระ ปีกนกคู่ ด้านหลังแหนบแบบซ้อนแผ่น ออกแบบตามสไตล์ European Tuning Suspension และชอคอับพัฒนาโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญอย่าง Sachs ในประเทศออสเตรเลีย และปรับแต่งให้เข้ากับความเหมาะสมของบ้านเรา ผลที่ได้กับรุ่นทอพ MG Extender Double Cab Grand 4WD X 6AT หลังจากได้ทดลองขับในสภาพถนนจริง บอกได้เลยว่า แน่นหนึบ ใกล้เคียงกับเอสยูวี การยืดยุบของชอคอับเมื่อขับผ่านคอสะพานทำได้ดี ไม่นุ่มจนคนขับเหนื่อย หรือแข็งจนผู้โดยสารเบาะหลังนั่งไม่ได้ และต้องชมช่างฝีมือคนไทย ที่ทำเบาะนั่งได้ดี นั่งสบายด้วย
กล้องมองภาพรอบทิศทาง เพื่อการควบคุมทิศทางที่แม่นยำยิ่งขึ้น ในรุ่น Double Cab Grand 4WD X 6AT นอกเหนือจากมีสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ระบบเบรคแบบจานทั้ง 4 ล้อ ทำงานร่วมกับระบบป้องกันล้อลอคขณะเบรคฉุกเฉิน (ABS) ระบบกระจายแรงเบรค (EBD) และระบบเสริมแรงเบรคด้วยอีเลคทรอนิค (EBA)ได้ดี แม้ว่าจะเบรคด้วยความรุนแรง ตัวรถไม่มีอาการปัด เพราะมีระบบควบคุมการทรงตัว (SCS) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS) และยังมีระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (TPMS) ช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อต้องเดินทางไกล ในรุ่น Grand X
MG ยังติดตั้งระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ใน MG Extender เหมือนกับครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี และในรุ่น Double Cab Grand 4WD X 6AT ยกระดับความปลอดภัยอีกขั้น ด้วยการเพิ่มระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) และระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ใช้งานง่าย ทำให้การเปลี่ยนช่องทาง และการเดินทางมั่นใจ และปลอดภัยมากขึ้น แม้ว่าจะต้องเดินทางคนเดียว
สรุปโดยรวม MG Extender รุ่น Double Cab Grand 4WD X 6AT เป็นพิคอัพยุคใหม่ ที่นอกจากรูปทรงที่บึกบึนแต่ลงตัว สามารถใช้งานได้หลากหลาย ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายและหรู ทันสมัยด้วยระบบ i-Smart เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร 161 แรงม้า แม้ไม่หวือหวา แต่มีกำลังดี ประหยัด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถลุยทางสมบุกสมบันได้ ระบบรองรับแน่นหนึบ ขับสบายในทางเส้นทางเรียบ และซับแรงได้ดีในทางลุย กับราคาที่น่าสนใจ 1,029,000 บาท
เรื่องโดย : Thanasan Saowamol thanasan@imc.co.th
คอลัมน์ Online : ทดลองขับ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/298394