ท่ามกลางกระแสการพัฒนารถไฟฟ้า ของค่ายรถยนต์ต่างๆ จนปัจจุบัน มีออกสู่ท้องตลาดกันหลากหลายยี่ห้อ ค่าย London Taxi ผู้ให้บริการแทกซีด้วยรถอันเป็นเอกลักษณ์ ก็ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าแล้วDynamo Motor Company นับเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ใช้รถไฟฟ้า โดยใช้พื้นฐานของ Nissan e-NV 200 ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 107 แรงม้า แรงบิด 25.9 กก.-ม. แบทเตอรีขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถเดินทางได้ระยะทาง 280 กม. แม้ว่าจะได้ระยะทางที่พอสมควรแล้ว แต่สำหรับการให้บริการแทกซี ยังเดินทางได้ระยะทางไม่ไกลนัก แม้ว่าจะติดตั้งชุดชาร์จรองรับกระแสไฟฟ้า 50 กิโลวัตต์ ไว้แล้ว แต่สำหรับการให้บริการ ก็จะไม่ค่อยมีเวลาในการจอดเพื่อชาร์จกระแสไฟได้บ่อยครั้ง ซึ่งทางผู้ให้บริการก็ทราบถึงปัญหานี้ดี พร้อมระบุว่า “เรายินดีที่ได้ให้บริการรถไฟฟ้าเป็นแทกซี ซึ่งตอบได้เลยว่าไม่ใช่สำหรับทุกคน แต่เพื่อผู้คนที่ต้องการเดินทางในเมือง ด้วยใจเปิดกว้าง และยินดีที่จะไม่สร้างมลภาวะใดๆ ตลอดการเดินทาง” Dynamo Motor Company ในอดีตเคยเป็นผู้ให้บริการรถม้าสำหรับการเดินทางมาก่อน และเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้บริโภคเริ่มไม่ยอมรับการใช้รถม้าในถนนหลวง เพราะเกะกะต่อสภาพการจราจรในอดีต รวมถึงปัจจุบัน ภาครัฐต้องการที่จะลดค่าคาร์บอนไดออกไซด์ และฝุ่นผงที่เกิดขึ้นในเมือง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยใช้รถไฟฟ้าในการให้บริการ ซึ่งมีค่าบำรุงรักษาถูกกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายใน รวมทั้งได้รับการสนับสนุนเงินจากภาครัฐเช่นกัน เทศบาลนครลอนดอน ออกใบอนุญาตสำหรับการให้บริการแทกซีในลอนดอน สำหรับรถยนต์ 2 ประเภท คือ รถไฮบริด-ไฟฟ้า และรถไฟฟ้า ปัจจุบัน ในกรุงลอนดอนมีแทกซี ไฮบริด-ไฟฟ้า วิ่งอยู่ราว 2,450 คัน โดย London Electric Vehicle Company (LEVC) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 ซึ่งสามารถเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้า ได้ราว 110 กม. จากนั้นเมื่อเดินทางออกนอกกรุงลอนดอน ก็จะใช้เครื่องยนต์เพื่อช่วยเพิ่มระยะทาง Nissan e-NV 200 ที่ถูกนำมาให้บริการ มีระยะเดินทาง 280 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ด้วยราคาคันละ 55,495 ปอนด์ หรือราว 2,219,000 บาท แต่จะได้รับเงินสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้าจากภาครัฐ คันละ 7,500 ปอนด์ หรือราวคันละ 300,000 บาท นอกจากนี้ เทศบาลกรุงลอนดอน ยังตั้งงบประมาณเอาไว้อีก 42 ล้านปอนด์ หรือราว 1,680 ล้านบาท เพื่อรับซื้อแทกซีรุ่นเก่า ที่ต้องการเปลี่ยนมาเป็นรถไฟฟ้าแทนอีกด้วย