ธุรกิจ
โตโยตา แถลงยอดขายปี 2562 พร้อมคาดการณ์ตลาดรวมปี 2563 อยู่ที่ 940,000 คัน
มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2562 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2563 ณ โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ
ซึงาตะ กล่าวว่า "ยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยปี 2562 ลดลง 3 % โดยมียอดขายอยู่ที่ 1,007,552 คัน แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ยังถือได้ว่าเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของตลาดถยนต์ไทยที่มียอดขายถึงระดับ 1 ล้านคัน ถึงแม้ว่าตลาดรถยนต์มีการหดตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่เดือนกันยายนผ่านมา"
สถิติการขายรถยนต์ในประเทศ ปี 2562
- ปริมาณการขายรวม 1,007,552 คัน -3.3 %
- รถยนต์นั่ง 398,386 คัน -0.3 %
- รถเพื่อการพาณิชย์ 609,166 คัน -5.1 %
- รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 492,129 คัน -3.8 %
- รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 431,677 คัน -3.4 %
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2563 ซึงาตะ คาดการณ์ว่า "ปีนี้นับเป็นปีที่ท้าทายอีกปีหนึ่ง สำหรับตลาดรถยนต์ไทย เนื่องจากตลาดรถยนต์ยังคงเผชิญกับหลายปัจจัย จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน และมาตรการควบคุมสินเชื่อรถยนต์ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์รวมในประเทศจะอยู่ที่ 940,000 คัน ลดลงประมาณ 7 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา"
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศ ปี 2563
- ปริมาณการขายรวม 940,000 คัน -6.7 %
- รถยนต์นั่ง 358,500 คัน -10.0 %
- รถเพื่อการพาณิชย์ 581,500 คัน -4.5 %
ซึงาตะ กล่าวว่า "สำหรับยอดขาย โตโยตา ในปี 2562 สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นสวนทางกับสถานการณ์ตลาดที่หดตัวลง โดย โตโยตา มียอดขายอยู่ที่ 332,380 คัน เพิ่มขึ้นประมาณ 6 % ครองส่วนแบ่งการตลาด 33.0 % เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2.8 จุด โดยปัจจัยหลักมาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้า และจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และรุ่นปรับปรุงใหม่ของรถยนต์นั่งอย่าง แคมรี ใหม่ และโคโรลลา อัลทิส ใหม่ รวมไปถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายของ ยารีส และเอทีฟ ตลอดจนรถเพื่อการพาณิชย์ อย่าง ไฮลักซ์ รีโว เซด เอดิชัน, คอมมิวเตอร์ และมาเจสตี"
สถิติการขายรถยนต์ของ โตโยตา ในปี 2562
- ปริมาณการขาย โตโยตา 332,380 คัน เพิ่มขึ้น 5.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 33.0 % เติบโต 2.8 %
- รถยนต์นั่ง 117,708 คัน เพิ่มขึ้น 4.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 29.5 % เติบโต 1.4 %
- รถเพื่อการพาณิชย์ 214,672 คัน เพิ่มขึ้น 5.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 35.2 % เติบโต 3.6 %
- รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 191,669 คัน เพิ่มขึ้น 8.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 38.9 % เติบโต 4.3 %
- รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 165,452 คัน เพิ่มขึ้น 9.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 38.3 % เติบโต 4.5 %
ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเดิมว่า "สำหรับเป้าหมายของ โตโยตา ในปี 2563 มีเป้าหมายการขายที่ 310,000 คัน ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 33.0 % ลดลงประมาณ 7 % มื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เราจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้วยการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น พร้อมยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ โตโยตา ด้วยการดูแลเอาใจใส่ลูกค้านับตั้งแต่วันแรกที่ชื้อรถยนต์ ตลอดจนวันสุดท้ายของการใช้งาน"
ประมาณการขายรถยนต์ของ โตโยตา ในปี 2563
- ปริมาณการขายรวม 310,000 คัน ลดลง 6.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 33.0 %
- รถยนต์นั่ง 310,000 คัน ลดลง 12.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 28.7 %
- รถเพื่อการพาณิชย์ 207,000 คัน ลดลง 3.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 35.6 %
ด้านการส่งออกในปี 2562 โตโยตา ได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 264,775 คัน ลดลง 10 % ทั้งนี้ปริมาณการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศ และการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 570,850 คัน ลดลง 3 % สืบเนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยในหลายภูมิภาค เช่น โอเชียเนีย อเมริกากลาง และอเมริกาใต้
สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของ โตโยตา ในปีนี้ คาดการณ์ไว้ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 263,000 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 1 % อันเนื่องมาจากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศคู่ค้ายังไม่
คลี่คลาย นอกจากนี้แผนการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศ และการส่งออกจะอยู่ที่ 556,000 คัน ลดลง 3 %
ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า "ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิรูปในรอบศตวรรษ โดย โตโยตา มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรจากเดิมที่เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ สู่การเป็น "องค์กรแห่งการขับเคลื่อน"
(Mobility Company) ซึ่งหมายความว่าเราจะมุ่งเดินหน้าพัฒนาการบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตลอดระยะเวลากว่า 57 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โตโยตา มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเดินหน้าพัฒนาให้เกิด "สังคมที่ดียิ่งขึ้น" (Ever-Better Sociely) ผ่านโครงกาต่างๆ อาทิ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านการแนะนำรถยนต์ไฮบริดในหลากหลายรุ่น รวมไปถึงการผลิตแบทเตอรีรถยนต์ไฮบริด ในประเทศไทย และการพัฒนาไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ไม่เพียงเท่านี้ โตโยตา ยังพัฒนาระบบการจัดการแบทเตอรีไฮบริดแบบครบวงจร ซึ่งเราเชื่อว่าความพยายามทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำการสร้างสรรค์สัมคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ โตโยตา ยังเน้นย้ำต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยในด้านต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากโครงการที่มีมากกว่า 30 ปื นั่นคือ "โตโยตา ถนนสีขาว" โครงการที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมความปลอดภัยในการ
ใช้รถใช้ถนน เพื่อนำไปสู่การสร้าง "สังคมคนขับรถดี" (Good Driver Society) โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมากับ "หลักสูตรการขับขี่ปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม" (Safe Eco Driving) ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้แทนจำหน่าย ประชาชน นักศึกษา และผู้ขับขี่รถสาธารณะ โดยปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 70,000 คน ซึ่งเป็นความตั้งใจของ โตโยตา ในการที่จะมีบทบาทสำคัญในการสร้าง "สังคมคนขับรถดี" (Good Driver Society)
สำหรับโครงการด้านสิ่งแวดล้อม โตโยตา มีอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญ คือ "โตโยตา ปลูกป่าชายเลน" (Toyota Mangrove Reforestation) ซึ่งเราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ชื่อ "โตโยตา เมืองสีเขียว" (Toyota Green Town) โดยในปีนี้ โตโยตา วางแผนที่จะปลูกป่าชายเลนเพิ่มขึ้นอีก 50,000 ต้น ส่งผลให้จำนวนต้นไม้ที่เราปลูกนับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการในปี 2547 มีรวมทั้งหมดถึง 692,000 ต้น
นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าจัดกิจกรรมเก็บขยะชายเลน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยเรามีเป้าหมายเก็บขยะให้ได้ 20 ตันในปีนี้ ซึ่งเมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วนับได้ว่าเราจะสามารถช่วยให้มีการดูดซับแกสคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 9,100 ตัน ในขณะเดียวกัน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เราได้ตั้งเป้าหมายที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่ชุมชนในท้องถิ่นต่างๆ ผ่านศูนย์การเรียนรู้ 2 แห่งของเรา ได้แก่ โตโยตา ไบโอโทพ (Toyota Biotope) ที่โรงงานประกอบรถยนต์ โตโยตา บ้านโพธิ์ และโตโยตา เมืองสีเขียว อยุธยา (Toyota Green Town Ayuthaya) ซึ่งประชาชนได้ให้ความสนใจศูนย์การเรียนรู้ทั้ง 2 แห่งนี้ เป็นอย่างดี โดยมีจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมรวมตั้งแต่เปิดศูนย์ฯ กว่า 77,000 คน
และอีกหนึ่งความมุ่งมั่นในการส่งเสริมเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยเรามีโครงการ "โตโยตาธุรกิจชุมชนพัฒน์" (Toyota Social innovation) เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบริหารธุรกิจ และหลักปฏิบัติของ โตโยตา ให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มผลกำไร และพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมา เราได้ถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ธรุกิจชุมชน 19 แห่งทั่วประเทศ และในปีนี้เราวางแผนที่จะขยายการดำเนินการเพิ่มเติมอีก 13 แห่ง ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้ จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เศษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยื่นได้ในท้ายที่สุด"
ซึงาตะ กล่าวปิดท้ายว่า "อย่างที่ทุกท่านทราบ โตโยตา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น ได้เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค และพาราลิมปิค ภายใต้แนวคิด เพื่อทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้...ให้เป็นไปได้ (Start Your Impossible) โดยมีฐานะเป็นผู้สนับสนุนด้านการขับเคลื่อนในระหว่างช่วงการแข่งขัน ซึ่ง โตโยตา ไม่เพียงแต่จะสนับสนุนยานพาหนะในการสัญจรไป/มาเท่านั้น แต่จะยังมอบการบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อน ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนการขับเคลื่อน ซึ่งรวมไปถึงหุ่นยนต์ด้วย ทั้งนี้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิค จะจัดขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม-9 สิงหาคม นี้ ตามมาด้วยกีฬาพาราลิมปิคซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 25 สิงหาคม-6 กันยายน นี้
สำหรับ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยฯ ได้ผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มพันธมิตรภายใต้โครงการ "The Power of Unity" เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ปีที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการเตรียมความพร้อมให้กับนักกีฬาชาวไทยก่อนการแข่งขัน พร้อมส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกโอลิมปิค และพาราลิมปิค ที่กำลังจะมาถึง ตลอดจนเฉลิมฉลองความสำเร็จของฮีโรชาวไทยผู้นำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศ ซึ่งในขณะนี้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิค และพาราลิมปิค เริ่มใกล้เข้ามาแล้ว และเรากำลังอยู่ในช่วงของการคัดเลือกตัวนักกีฬา ผมขอให้ทุกท่านมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่ความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค และพาราลิมปิค 2020 ด้วยการส่งแรงเชียร์ และกำลังใจ ให้แก่บรรดานักกีฬาชาวไทยทุกคน
นอกจากนี้ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยฯ ยังได้ให้การสนับสนุนรถ โตไยตา คอมมิวเตอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับนักกีฬาโอลิมปิค และรถ โตโยตา คอมมิวเตอร์ เวลแคบ ที่มีการปรับแต่งพิเศษสำหรับนักกีฬาพาราลิมปิค ยิ่งไปกว่านั้น จากการที่ โตโยตา มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อน เราจึงตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ความสามารถที่มีในการช่วยพัฒนาอุปกรณ์การฝึกซ้อมของนักกีฬาพาราลิมปิค ที่สำคัญเรามีความยินดีที่จะมอบโอกาสให้นักกีฬาพาราลิมปิคเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว โตโยตา เริ่มต้นด้วยการรับนักกีฬาพาราลิมปิค 4 คน เข้ามาเป็นพนักงานของบริษัทฯ ทั้งหมดนี้ คือ ความภาคภูมิใจของเราที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนเคียงข้างสังคมไทย"
ABOUT THE AUTHOR
ส
สุดาภรณ์ ไกรแก้ว
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)