Land Rover Defender (แลนด์ โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์) รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกในด้านสมรรถนะ ความทนทาน และความคล่องตัว ขณะที่รถ Jeep (จีพ) เกิดขึ้นมาจากความต้องการของกองทัพอเมริกาที่ต้องการใช้ในสงคราม ซึ่งหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้รู้ว่ากองทัพต้องการยานยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ ไปได้ในทุกสภาพถนนและแล้ว Jeep ก็กลายเป็นวีรบุรุษแห่งสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ Land Rover (แลนด์ โรเวอร์) ถือกำเนิดขึ้นหลังสงคราม ที่สาเหตุมาจากความขาดแคลนในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศอังกฤษที่ถูกถล่มอย่างหนักจากเยอรมนี ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ ความขาดแคลนเกิดขึ้นทุกพื้นที่ บริษัทรถยนต์ในอังกฤษเองก็ประสบปัญหากำลังผลิตล้นเหลือ จากโรงงานที่ขยายไว้ใหญ่โตเพื่อผลิตยุทโธปกรณ์ในช่วงสงคราม แต่กลับไม่สามารถผลิตรถออกขายได้เพราะขาดแคลนวัตถุดิบ "เหล็ก" คือปัญหาอันดับ 1 เพราะถูกใช้ไปในการผลิตอาวุธในช่วงสงครามแทบจะหมดสิ้น และการออกแบบพัฒนารถยนต์ของ Land Rover ต้องหยุดไปตั้งแต่มีสงคราม "Maurice Wilkes" หัวหน้าวิศวกร และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งประธานของ บริษัท โรเวอร์ ต่อจาก Spencer Wilks พี่ชายของเขา ได้มองหารถที่จะเอามาใช้ในฟาร์มแทน Jeep เขากลับพบว่า ไม่มีรถชนิดนี้อยู่ในตลาดเลย ดังนั้นในช่วงฤดูร้อนปี 1947 Rover ได้สร้างรถต้นแบบ โดยใช้โครงรถ Jeep Willys เป็นแม่แบบ โดยพยายามใช้ชิ้นส่วนที่ Rover มีอยู่แล้ว และใช้วัสดุที่เป็นเหล็กให้น้อยที่สุด โดยใช้ในส่วนที่จำเป็นต่อความแข็งแรงเท่านั้น ได้แก่ Chassis และโครงด้านหน้า ตัวถังที่เหลือจะใช้อลูมิเนียมแผ่น ซึ่งมีเหลือมากมายจากการเตรียมไว้สร้างเครื่องบินรบระหว่างสงคราม ทำให้การออกแบบมีเหลี่ยมสันค่อนข้างมาก เพื่อให้ง่ายต่อการผลิต และมีต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์อมตะถ่ายทอดมาจนถึง Land Rover ในยุคปัจจุบัน รถรุ่นนี้มามีชื่อเรียกเอา 10 ปี หลังจากนั้น ว่า Series I ถึงแม้ในเวลาต่อมา Land Rover จะพัฒนารถรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี เป็น Series II, Series III จนกลายมาเป็น Defender ในปัจจุบัน แต่รูปลักษณ์ของเจ้า Land Rover Series I ก็ยังคงถูกถ่ายทอดมาราวกับเป็นพันธุกรรมของสายพันธุ์บุกเบิกเส้นทางทุรกันดาร Land Rover เปิดตัว SUV ระดับตำนานอย่าง All New Defender เมื่อเดือน กันยายน 2019 บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Jaguar (แจกวาร์) และ Land Rover อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ได้เปิดตัว All-New Land Rover Defender ในเดือน กรกฎาคม 2020 Defender มีให้เลือก 2 รุ่นคือ 110 (5 ประตู) และ Defender รุ่น 90 (3 ประตู) ที่มีขนาดกะทัดรัดกว่า ฐานล้อสั้นขึ้นทำให้มีความคล่องตัว เมื่อต้องตะลุยในพื้นที่ทุรกันดาร โดยยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกมาตลอด 71 ปี ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมแต่ปรับรูปโฉมให้ทันสมัยมากขึ้น Dimension มิติตัวถัง Defender 90 ยาว 4,583 มม. (รวมยางอะไหล่) กว้าง 2,008 มม. สูง 1,974 มม. ระยะฐานล้อ Wheelbase 2,360 มม. และ Defender 110 ยาว 5,018 มม. (รวมยางอะไหล่) กว้าง 2,008 มม. สูง 1,967 มม. ระยะฐานล้อ Wheelbase 2,794 มม. ในรุ่น 110 มีระยะความสูงจากพื้นดิน 291 มม. (สามารถปรับตัวถังให้สูงขึ้นได้อีก 145 มิลลิเมตร) ต่ำลงได้อีก 40 มม. การออกแบบที่มีระยะ Overhang (ระยะยื่นหน้า/หลังรถ โดยวัดระยะจากเส้นศูนย์กลางล้อหน้า-หลังไปที่ส่วนหน้า-หลังสุดของรถ) ที่สั้นทั้งด้านหน้า และด้านหลังทำให้มี มุมปะทะ มุมคร่อม และมุมจาก ที่ 38, 28 และ 40 องศา ซึ่งมากกว่ารถหลายๆ รุ่นอาทิ เมื่อเปรียบเทียบกับ PPV อย่าง Pajero Sport ที่มีมุมปะทะ/มุมจาก 30/24.2 องศา Subaru Forester ล้อขนาด 17 นิ้ว มีมุมปะทะ/มุมจาก 20.1/ 25.8 ทำให้สามารถขับผ่านทุกอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย พแลทฟอร์มของ New Land Rover Defender นี้เป็นพแลทฟอร์มย่อยของ D7 ซึ่งปัจจุบันแยกเป็น D7a ที่ใช้งานอยู่ใน Jaguar F-Pace หรือ Range Rover Velar , พแลทฟอร์ม D7e ซึ่งใช้งานอยู่ใน Jaguar I-Pace และพแลทฟอร์ม D7u ที่ใช้งานใน Land Rover Discovery ส่วนพแลทฟอร์มที่ใช้งานใน Defender ใหม่นี้ นับเป็นพแลทฟอร์มย่อยใหม่ล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า พแลทฟอร์ม D7x (X มาจากคำว่า Extreme ) และใช้งานอยู่ใน Defender เพียงรุ่นเดียว ณ เวลานี้ D7x เป็นโครงสร้างที่ผลิตจากอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแรงทนทานกว่าเดิมถึง 3 เท่า เป็นโครงตัวถังที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่ Land Rover เคยผลิตมา มาพร้อมกับระบบช่วยในการขับขี่อันทันสมัย ระบบ Configurable Terrain Response ถูกนำมาใช้กับ Defender เป็นครั้งแรก โดยเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งค่าของพาหนะในการขับขี่แต่ละครั้ง ให้เหมาะสมกับสภาวะต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะพื้นผิวถนนได้ในทุกสภาวะ แต่สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่สามารถใช้ฟังค์ชันอัตโนมัติที่สามารถให้ระบบค้นหาการตั้งค่าพาหนะที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่มากที่สุด สามารถลุยน้ำได้สูงสุดที่ 900 มม. รองรับด้วยโปรแกรมตรวจสอบความลึกของน้ำในระบบ Terrain Response 2 ที่โชว์ขึ้นบนหน้าจอ ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบว่าตอนนี้เรากำลังลุยน้ำที่ระดับความลึกเท่าไหร่ และในจังหวะที่ต้องขับขึ้นเนินสูง หน้ารถจะเชิดขึ้นฟ้าทำให้ไม่สามารถมองเห็นทางหรือพื้นผิวถนนได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อันตราย แต่สำหรับ All-New Land Rover Defender มีเทคโนโลยี ClearSight Ground View ผู้ขับขี่สามารถดูภาพตรงส่วนหน้ารถจากจอสัมผัสส่วนกลางได้ ทำให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น เครื่องยนต์ของ All-New Land Rover Defender 2020 เดิม ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยก่อนหน้าเป็นเครื่องยนต์ D200 ที่ให้กำลัง 200 แรงม้า แต่ถูกยกเลิกการจำหน่ายไป ดังนั้นจึงเหลือรุ่นที่ทำตลาดเครื่องยนต์เดียว คือ D240 ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,999 ซีซี. เทอร์โบคู่ ให้พละกำลังสูงสุด 240 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 รตน. ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะที่มาพร้อมเกียร์ฝาก( เกียร์ Slow) 4WD แบบ Twin-speed transfer box เพื่อส่งกำลังในอัตราความเร็วต่ำขณะลากจูงหรือขับขี่บนเส้นทางขรุขระที่ลาดชันซึ่งต้องใช้พละกำลังและการควบคุมมากกว่าปกติ อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 9.1 วินาที จากการออกแบบทางวิศวกรรมที่ก้าวหน้าที่ช่วยให้การขับขี่มีประสิทธิภาพ รวมถึงแผ่นปิดใต้ท้องรถที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแอโรไดนามิคได้ต่ำสุด 0.38 Cd และยังปกป้องส่วนใต้ท้องรถอีกด้วย มีความจุถังน้ำมัน 85 ลิตร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD แบบ Terrain Response 2 ที่มีโหมดออฟโรดถึง 6 โหมด เลือกได้ตามเส้นทางที่แตกต่าง ตั้งแต่ โหมดการขับขี่ทางเรียบไฮเวย์ Normal Driving, โหมดลุยน้ำ Wade พร้อมโปรแกรมตรวจสอบความลึกของน้ำตัวใหม่ , โหมดลุยในทางโขดหิน Rock Crawl, โหมดลุยทางโคลนและแอ่งโคลน Mud And Ruts, โหมดลุยทางพื้นหญ้า-กรวด-หิมะ Grass- Gravel- Snow และโหมดลุยพื้นทราย Sand และ ระบบลอคเฟืองกลาง และเฟืองท้าย Differential Controls ทำให้สามารถลุยฝ่าเนินทราย และสภาพพื้นที่ได้ทุกรูปแบบ มาพร้อมระบบความปลอดภัย Adaptive Cruise Control และ Rear Pre-Collision Monitor, Rear Traffic Monitor, Clear Exit Monitor, Emergency Braking, Lane Keep Assist, Traffic Sign Recognition, Driver Condition Monitor เป็นต้น พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้เปลี่ยนวิธีการให้บริการลูกค้าให้มีความสะดวกมากขึ้น และเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยระบบการสั่งซื้อผ่าน Online Car Configurator การออกแบบ-เลือกอุปกรณ์รถยนต์ตามความต้องการ ด้วยโปรแกรมภาพจำลองเสมือนจริงผ่านทางออนไลน์ ที่สามารถแสดงราคาทุกออพชันให้ลูกค้าเลือกได้อย่างชัดเจน ส่วนในด้านการบริการหลังการขาย ลูกค้าสามารถทำการนัดหมายเข้ารับบริการผ่าน Online Booking Service โดยพบกับการนำเสนอสินค้า และบริการทางออนไลน์ของเรา เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้าได้ที่เวบไซท์ www.landrover.co.th All-New Land Rover Defender ราคาเริ่มต้น 6,000,000 บาท สำหรับ Land Rover Defender รุ่น 3 ประตู (รุ่น 90) และราคาเริ่มต้น 6,400,000 บาท สำหรับ Land Rover Defender รุ่น 5 ประตู (รุ่น 110) และสามารถสัมผัสสมรรถนะของ Land Rover defender ได้ ที่สนาม Spirit ทดสอบขับ 4x4 ภายในงาน Motor Expo 2020 ตั้งแต่วันนี้-13 ธันวาคม 2020