“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานปี 2563 เผยยอดสินเชื่อคงค้างรวมมีมูลค่า 428,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 2.4 % จากปีที่ผ่านมา พร้อมรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ 1 ใน 4 ของตลาดรวมสินเชื่อยานยนต์ ตั้งเป้าพอร์ทสินเชื่อปี 2564 เติบโต 5 % ด้วยยอดสินเชื่อคงค้างรวม 448,000 ล้านบาท
กฤติยา ศรีสนิท ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้ตลาดสินเชื่อยานยนต์โดยรวมจะได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจในปี 2563 ส่งผลให้มูลค่าสินเชื่อใหม่ของตลาดลดลง 18 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ผลการดำเนินงานของ กรุงศรี ออโต้ ยังคงเติบโตได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ ด้วยยอดสินเชื่อคงค้างรวมเติบโต 2.4 % คิดเป็นมูลค่า 428,000 ล้านบาท รวมทั้งยังสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 4 ของตลาดสินเชื่อยานยนต์ ซึ่งครอบคลุมทั้งสินเชื่อรถยนต์ใหม่ รถยนต์มือสอง รถจักรยานยนต์ และสินเชื่อเพื่อคนมีรถ คาร์ ฟอร์ แคช ควบคู่กับการรักษาคุณภาพของพอร์ทสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง”
ตลอดทั้งปี 2563 กรุงศรี ออโต้ บรรลุภารกิจสำคัญในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านมาตรการพักชำระหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศเพื่อนำเสนอโซลูชันสินเชื่อยานยนต์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ยังได้เดินหน้าผลักดันโมเดลธุรกิจใหม่ "Krungsri Auto Ecosystem' ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัว GO Application by Krungsri Auto ซึ่งปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 550,000 ครั้ง และถือเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงฐานผู้ใช้รถที่ครอบคลุมขึ้น รวมถึงเปิดโอกาสทางธุรกิจในหลากมิติ นอกจากนี้ยังยกระดับศักยภาพพนักงาน และมาตรฐานการให้บริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างรอบด้านยิ่งขึ้น
“กรุงศรี ออโต้ มองว่าตลาดรถยนต์ใหม่ในปี 2564 จะปรับตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมียอดจำหน่ายที่ 810,000 คัน ทั้งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าผ่านนวัตกรรมดิจิทอล (Digital Customer Experience) และการพัฒนา “Krungsri Auto Ecosystem” ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น เราเชื่อมั่นว่าจะรักษาการเติบโตในปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมียอดสินเชื่อคงค้างรวมที่ 448,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 5 % รวมถึงรักษาอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไม่เกิน 2 %”