อเลกซันเดร์ บาราคา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เผยว่า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่อนาคตมาโดยตลอดในทุกระดับ และสำหรับปี 2563 ที่ผ่านมา วิสัยทัศน์นี้ก็ได้นำพาเราฟันฝ่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากมายมาได้ ไม่ว่าจะด้วยการมอบประสบการณ์ดิจิทอลที่ครบครันมากขึ้น หรือความมุ่งมั่นที่จะเติมเต็มทุกความต้องการในโลกยานยนต์สำหรับทั้งปัจจุบัน และอนาคตด้วยทางเลือกที่หลากหลายจากแนวคิด Power of Choice”
สำหรับปี 2564 นี้ BMW (บีเอมดับเบิลยู) ยังคงรุดหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อยอดความสำเร็จในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์พรีเมียมด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เร้าใจ และสะดุดตายิ่งกว่าเดิม ทั้งยังเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าอย่างทั่วถึงทุกความต้องการ นับตั้งแต่ที่สุดของความหรูหรา และความสง่างามในสไตล์สปอร์ท ไปจนถึงความตื่นตาตื่นใจจากสนามแข่ง และความเพลิดเพลินจากการดื่มด่ำบรรยากาศของทุกการเดินทาง
นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าต่อไป เพื่อสานต่อนวัตกรรมมากมายที่เกิดขึ้นจากการปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ให้ครอบคลุมหลากหลายความสนใจของกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเริ่มต้นจากโครงการ BMW Motorrad Tour Experience เพื่อนำเหล่าไบเคอร์ออกสัมผัสความสวยงามจากเหนือจรดใต้ของประเทศไทยในมุมมองใหม่ๆ ตลอดทั้งปีนี้
อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ กับความสำเร็จครั้งสำคัญของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยในปี 2563 ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สามารถขยายส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมขึ้นมาที่ 51.2 % ด้วยยอดการส่งมอบรถยนต์ BMW และ Mini (มีนี) รวมถึง 12,426 คัน ทำให้บริษัทก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งในเซกเมนท์ดังกล่าวได้สำเร็จ นอกจากนี้ ส่วนแบ่งตลาดพรีเมียมที่เติบโตขึ้นถึง 7.3 % ยังนับเป็นสถิติอัตราการเติบโตสูงสุดในเครือข่ายของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลกอีกด้วย ทั้งนี้ ยอดการส่งมอบรถยนต์ของทั้ง 2 แบรนด์นับว่าเป็นผลงานที่แข็งแกร่งกว่าภาพรวมของตลาดรถยนต์นั่ง ซึ่งมียอดขายลดลงถึง 31 % ส่วนทาง Bmw Motorrad (บีเอมดับเบิลยู มอเตอร์ราด) ยังคงรักษาระดับยอดการส่งมอบไว้ได้ที่ 1,224 คัน ท่ามกลางความท้าทายครั้งประวัติศาสตร์นี้
“สถานะผู้นำในเซกเมนท์พรีเมียมของเรา ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลกล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความรวดเร็วของเราในการปรับตัวรับมือเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย และความมุ่งมั่นทุ่มเทของเหล่าพันธมิตรในเครือข่ายผู้จำหน่ายของเรา เพื่อตอบสนองต่อทั้งความต้องการของลูกค้า และปัจจัยความเปลี่ยนแปลงจากภายนอก”
“เมื่อชีวิตประจำวันในหลายด้านต้องหยุดชะงักลงชั่วขณะ เราจึงขยายการทำตลาดผ่านช่องทางดิจิทอลให้กว้างขวางขึ้นจากปีก่อนๆ โดยรวมไปถึงการสร้างประสบการณ์ดิจิทอลใน 2 งานใหญ่ประจำปี ทั้ง บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 และมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 37 ควบคู่ไปกับการจัดแสดงรถยนต์หน้างานจริง และข้อเสนอที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมายเช่นเคย ส่วนงาน BMW Xpo ของเราก็ได้ปรับรูปแบบให้ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้นด้วยการจัดงานในหลายสถานที่ทั่วกรุงเทพฯ”
การขับเคลื่อนนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลกยังคงเดินหน้าต่อไป เช่นเดียวกับในประเทศไทยด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่าง Mini Cooper SE (มีนี คูเพอร์ เอสอี)ในปีที่ผ่านมาพร้อมด้วยรถยนต์ PHEV อีก 4 รุ่นในตระกูล 3 Series (ซีรีส์ 3) 7 Series (ซีรีส์ 7) X3 (เอกซ์ 3) และ X5 (เอกซ์ 5) ขณะที่เครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ Charge Now ก็มีจำนวนหัวจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 111 หัวจ่ายใน 67 จุดบริการทั่วประเทศ
ด้านการผลิต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถต้านทานแรงกดดันจากสภาพตลาดรถยนต์โดยรวม รวมถึงสถานการณ์ที่พลิกผันในห่วงโซ่อุปทานของชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยยอดการประกอบรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ BMW รวมกว่า 32,052 คัน เพิ่มขึ้น 0.3 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็นยอดการประกอบรถยนต์ BMW 23,177 คัน ลดลง 10 % และยอดประกอบมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad ที่ 8,875 คัน เพิ่มขึ้น 43 % ในปี 2563 ที่ผ่านมา ในด้านการส่งออกนั้น มีการส่งออกรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ BMW รวม 23,143 คัน เพิ่มขึ้นถึง 24 % โดยแบ่งเป็นรถยนต์ BMW กว่า 15,079 คันเพิ่มขึ้น 3 % และมีการส่งออกมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad กว่า 8,064 คัน เพิ่มขึ้นถึง 97 % นับเป็นสถิติการส่งออกที่สูงที่สุดสำหรับทั้งรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ BMW ในปีที่ผ่านมา
ส่วนปีนี้ รุกตลาดต่อเนื่อง เปิดตัว BMW X7 XDrive30D M Sport (บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 7 เอกซ์ดไรฟ 30 ดี เอม สปอร์ท) ใหม่ รุ่นประกอบในประเทศ ทำให้โรงงานประกอบยานยนต์ของ BMW จังหวัดระยอง สามารถประกอบรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ BMW ในประเทศได้ถึง 17 รุ่น โดยรวมถึงรถยนต์พลั๊กอินไฮบริด 5 รุ่น และมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad อีก 9 รุ่น
ทางด้าน บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยสถิติใหม่ในหลายด้านตลอดปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะฉลองครบรอบ 20 ปีของบริษัทในปี 2564 นี้ โดยยอดสินเชื่อใหม่กว่า 16,770 ล้านบาทในปี 2563 นับเป็นสถิติสูงสุดของบริษัท แม้จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจาก COVID-19 ด้วยเหตุนี้ ยอดสินเชื่อรวมในพอร์ตของบริษัทจึงทะยานสู่หลัก 50,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติใหม่อีกเช่นกัน ส่วนโปรแกรมทางการเงินอย่าง Freedom Choice ที่มอบทางเลือก และอิสรภาพสูงสุดให้กับลูกค้า มีจำนวนสัญญาเช่าซื้อเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ประสบการณ์ และข้อเสนอในช่องทางดิจิทอลของ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ได้ขยายตัว และเพิ่มความหลากหลายขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในรูปแบบของบริการค้นหารถยนต์ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่สุด (Preference Finder) การสัมผัส BMW 2 Series (บีเอมกับเบิลยู ซีรีส์ 2) และ 3 Series แบบเสมือนจริงผ่านระบบ Augmented Reality และการร่วมนำเสนอบริการผ่านช่องทางออนไลน์ในงาน Motor Show และ Motor Expo กับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย
ส่วนรถไฮไลท์ของ BMW, Mini และ BMW Motorrad ประกอบด้วยBMW X7 XDrive30D M Sport ใหม่ (รุ่นประกอบในประเทศ) ราคาจำหน่าย: 5,999,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW 330L M Sport (บีเอมดับเบิลยู 330 แอล เอม สปอร์ท) ราคา 2,899,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW R18 Classic First Edition (บีเอมดับเบิลยู อาร์ 18 คลาสสิค เฟิร์สต์ เอดิชัน) ราคา 1,250,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
Mini Cooper S Countryman Entry (มีนี คูเพอร์ เอส คันทรีแมน เอนทรี) ใหม่ รารา 1,999,000 บาท และ Mini Cooper S Countryman Hightrim (มีนี คูเพอร์ เอส คันทรีแมนไฮทริม) ใหม่ ราคา 2,529,000 บาท, Mini Cooper Works GP Inspired Edition (มีนี คูเพอร์ เวิร์คส จีพี อินสไปร์ เอดิชัน) (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW Motorrad R18 Classic First Edition (บีเอมดับเบิลยู มอเตอร์ราด อาร์ 18 คลาสสิค เฟิร์สต์ เอดิชัน)ใหม่ ราคา 1,250,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
อเลกซันเดร์ บาราคา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
กฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำยวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร
บียอร์น แอนทอนส์สัน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย