Toyota (โตโยตา) เริ่มทำตลาดรถกระบะขนาดคอมแพคทในทวีปอเมริกาเหนือ ตั้งแต่ช่วง 1980 ถึง 1990 ต่อมาบริษัทตัดสินใจนำเสนอรถบรรทุกขนาดฟูลล์ไซส์ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก และดีเลอร์ Toyota ในอเมริกาเหนือ ก็เรียกร้องรถบรรทุกจาก Toyota ขนาดฟูลล์ไซส์มานานแล้วToyota เปิดตัว T100 (ที 100) กระบะฟูลล์ไซส์รุ่นแรก ออกวางจำหน่ายในปี 1992 แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์หลายประการ อย่างแรกตัวรถมีขนาดเล็กเกินไป ที่จะดึงดูดผู้ซื้อที่ชื่นชอบรถบรรทุกขนาดใหญ่ อย่างที่ 2 ห้องโดยสารมีขนาดเล็กเกินไป และข้อที่ 3 ซึ่งสำคัญที่สุด คือ การไม่มีเครื่องยนต์ V8 โดยเครื่องยนต์ที่มีอยู่เพียงเครื่องยนต์เดียว คือ 3.0 ลิตร V6 ซึ่งประจำการในรถบรรทุกขนาดคอมแพคท์เช่นเดียวกัน ดังนั้นในเดือนพฤษภาคม 1999 Toyota จึงเปิดตัว Tundra XK30/XK40 (ตุนดรา เอกซ์เค 30/เอกซ์เค 40) รถกระบะขนาดฟูลล์ไซส์ที่ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา เจเนอเรชันแรกออกมา และตามต่อด้วยเจเนอเรชันที่ 2 (XK50)ในปี 2007 โดยรุ่นนี้ ถูกลากขายยาวนานถึง 14 ปี จนเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2021 ที่ผ่านมา Toyota Motor ตัดสินใจเปิดตัวรถกระบะ Tundra ที่มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่มากมาย และมีพละกำลังมากขึ้น ท้าชนกับเจ้าตลาดอย่าง Ford F-150 (ฟอร์ด เอฟ-150) ที่มียอดจำหน่ายสูงสุด และ Chevrolet Silverado (เชฟโรเลต์ ซิลเวอราโด), GMC Sierra (จีเอมซี สิเอร์รา), Nissan Titan (นิสสัน ไททัน), Ram 1500 (แรม 1500) ซึ่งแทนที่จะ เป็นเครื่องยนต์ V8 บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นได้ลดจำนวนลูกสูบเหลือ 6 สูบ แบบตัววี พ่วงเทอร์โบคู่ ขนาด 3.5 ลิตร มี 2 รุ่นให้เลือก รวมถึงรุ่นไฮบริดที่สามารถผลิตกำลังสูงสุด 437 แรงม้า มากกว่ารุ่น ปัจจุบันถึง 56 แรงม้า และแรงบิดเพิ่มขึ้นถึง 45 % Toyota Tundra มีให้เลือกทั้งแบบมีแคบ (Double Cab) ซึ่งมีด้านท้ายกระบะขนาด 6.5 และ 8.1 ฟุต และแบบตัวถังเป็น 4 ประตู CrewMax (มีห้องผู้โดยสารตอนหลังที่ใหญ่กว่า) มาพร้อมด้านท้ายกระบะขนาด 5.5 และ 6.5 ฟุต Toyota Tundra มีขนาดใหญ่โตขึ้นในทุกมิติ ปรับดีไซจ์นให้ดุดันขึ้น กระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟหน้า LED พร้อมไฟ DRL แบบ T-Shaped แนวนอน กันชนหน้าสีทูโทนดำ ไฟตัดหมอกหน้า LED ในชุดกันชน ไฟท้าย LED แนวตั้ง รับกับฝาท้าย และกันชนหลัง กระบะหลังมีไฟส่องสว่าง และช่องจ่ายกระแสไฟขนาด 120 โวลท์ พแลทฟอร์มใหม่ TNGA-F ที่ใช้ร่วมกับ Toyota Land Cruiser (โตโยตา แลนด์ ครูเซอร์) ใหม่ มีโครงหลักที่กว้างขึ้นกว่ารุ่นเดิม ออกแบบมาสำหรับรถใช้พลังงานไฟฟ้าในอนาคต เหล็กที่ใช้มีความแข็งแรงสูง ใช้อลูมิเนียมในบางส่วนเพื่อลดน้ำหนัก ทำให้เบาลงถึง 20 % ในขณะที่ซับเฟรมครอสส์ มีขนาดมากกว่า 2 เท่า เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง และได้เพิ่มชิ้นส่วนเพิ่มความแข็งแรง สำหรับชุดบังคับเลี้ยว ทำให้การควบคุมพวงมาลัยในเส้นทางทุรกันดารทำได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น งานออกแบบห้องโดยสาร จะเป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมด ภายในหรูบึกบีนด้วยคอนโซลหน้าขนาดใหญ่พร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ 14 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay Android Auto มาตรวัดดิจิทอลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว และจอแสดงข้อมูล MID 4.1 นิ้ว พร้อมชุดเครื่องเสียงจาก JBL พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน 4 ก้าน ทรงสปอร์ท และหลังคากระจก Panoramic ขุมพลังใหม่ด้วยการยกมาจาก Toyota Land Cruiser 300 ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ i-Force เทอร์โบคู่ 3.5 ลิตร V6 ให้พละกำลัง 394 แรงม้า ที่ 5,200 รตน. แรงบิด 66.2 กก.-ม. (649 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000-3,600 รตน. เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ Hybrid V6 3.5 ลิตร i-Force MAX ให้กำลังมากถึง 437 แรงม้า ที่ 5,200 รตน. แรงบิดสูงสุด 80.6 กก.-ม. (790 นิวตันเมตร) ที่ 2,400 รตน. ที่ถูกเสริมกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมแบทเตอรี Nickel-Metal Hydride (Ni-MH) ทั้ง 2 รุ่น จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถลากจูงสิ่งของที่มีน้ำหนักรวมสูงสุดถึง 5.44 ตัน เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 17.6 % โดยมีโหมดการขับขี่ Tow/Haul Modes โดยที่การขับขี่นี้ ตัวรถจะเน้นไปที่การสร้างแรงบิดสูงในรอบที่ต่ำ ซึ่งออกแบบมาสำหรับลากพ่วงบ้านเคลื่อนที่ เรือ ขนาดใหญ่ได้อย่างสบาย ปลอดภัยด้วยระบบนิรภัยใหม่อย่าง Straight Path Assist ที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ขับขี่ ช่วยในการคำนวณระยะห่างระหว่างตัวรถ และสิ่งของที่ตัวรถกำลังลากอยู่ ให้อยู่ในแนวเดียวกัน เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยมีส่วนควบคุมย่อยเกี่ยวกับการเบรค และระบบ Blind Spot Monitor ซึ่งคำนึงถึงความยาวของสิ่งของที่พ่วงอยู่ด้านหลังอีกด้วย Toyota Tundra ช่วงล่างด้านหน้าเป็นดับเบิลวิชโบน แบบใหม่ ส่วนด้านหลังเป็นมัลทิลิงค์ และคอยล์สปริง พร้อมมีออพชัน ช่วงล่างถุงลมให้เลือก ที่สามารถปรับระดับสูง/ต่ำ ช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่ และยังคงความเสถียรในการยึดเกาะ การควบคุมรถที่ดีเลิศ ระบบช่วยการขับขี่บนเส้นทางทุรกันดาร Advanced Off-Road Technology ระบบ Multi-Terrain Select (MTS) ที่สามารถเลือกให้เหมาะกับสภาพเส้นทาง หิน โคลน และทราย และระบบ Crawl Control เป็นระบบควบคุมความเร็วสำหรับเส้นทางทุรกันดาร เพื่อให้คนขับมีสมาธิในการขับขี่ โดยไม่ต้องมาพะวงกับคันเร่งเพื่อควบคุมความเร็วรถยนต์ ระบบ Downhill Assist Control จะจำกัดความเร็วในการขับลงทางชัน ระบบช่วยเหลือผู้ขับ Toyota Safety Sense 2.5 ระบบลดความเร็วโดยอัตโนมัติเมื่อเสี่ยงชน ตรวจจับคนเดินถนน และจักรยานได้ ทั้งยังมีระบบหน่วงพวงมาลัยหลบสิ่งกีดขวาง Toyota Tundra รุ่นล่าสุด เปิดตัวที่สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2021 และจะออกจำหน่ายภายในปลายปีนี้ เบื้องต้นมีให้เลือก 6 รุ่นย่อย ประกอบด้วยรุ่น SR, SR5, Limited, Platinum, 1794 และ TRD Pro ไฮไลท์เด่นอีกอย่างในการเปิดตัว คือ รุ่นตกแต่งพิเศษอย่าง TRD Pro ที่ตกแต่งโลโก TRD ที่ด้านข้างฝากระโปรงหน้า, โลโก TRD Pro ที่ฝากระบะท้าย, แผ่นกันกระแทกห้องเครื่อง, ท่อไอเสีย TRD และล้ออัลลอย 18 นิ้ว หุ้มยาง Falken All-Terrain การออกแบบลวดลายพราง Technical Camo บริเวณกันชนหน้า, ซุ้มล้อ, ขอบฝากระบะท้าย และกันชนท้าย ภายในห้องโดยสารเบาะนั่งถูกหุ้มหนังสีแดง พร้อมกับวัสดุตกแต่งสีแดงที่แผงคอนโซลหน้า แผงประตู, เรือนไมล์จอดิจิทอลขนาด 12.3 นิ้ว, แป้นเหยียบอัลลอย, พวงมาลัย TRD Toyota Tundra TRD Pro ได้รับการอัพเกรดช่วงล่างใหม่ พร้อมสปริงสีแดง ชอคอับ FOX ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 นิ้ว ที่ New Polytetrafluorethylene เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่บนเส้นทางทุรกันดาร ช่วยตัวรถยกตัวขึ้นจากรุ่นมาตรฐาน 1.1 พร้อมเสริมด้วยเหล็กกันโคลง Toyota ไม่ได้เปิดเผยราคาสำหรับ Tundra รุ่นใหม่นี้ ซึ่งคาดว่าราคาคงเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย โดยราคาเริ่มต้นของรถในรุ่นปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 34,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับรุ่นพื้นฐาน ไปจนถึง 50,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับรุ่น TRD PRO