กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนพายุโซนร้อน "เตี้ยนหมู่" ที่มีศูนย์กลางที่ประเทศเวียดนาม กำลังมุ่งเข้าสู่ประเทศไทยทางภาคอีสาน ทำให้ทั่วทุกภาคฝนตกหนัก เราในฐานะผู้ใช้รถใช้ถนน คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเจอกับสภาพถนนที่เปียกลื่น ทัศนวิสัยการมองเห็นต่ำ บางเส้นทางอาจต้องลุยน้ำ (ลึก) ส่งผลให้ระยะเบรคแย่อีกด้วย "Autoinfo Online" มีคำแนะนำ ขณะขับฝ่าพายุฝนมาฝากขับให้ช้าลง การขับรถเร็วเกินไปขณะฝนตกหนัก มักมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้สูง โดยเฉพาะช่วงฝนตกใหม่ๆ ฝุ่นละอองบนถนนจะถูกน้ำฝนชะล้างกลายเป็นโคลนลื่น แม้ยาง และเบรคจะดีเพียงใด ก็เอาไม่อยู่หากขับด้วยความเร็วสูง ดังนั้น การลดความเร็วลง นอกจากทำให้ยางกับพื้นถนน ยึดเกาะกันได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้เรามองเห็นสภาพถนน แอ่งน้ำ และรถรอบๆ ตัวได้ดีขึ้นอีกด้วย ปัดน้ำฝนให้แรงไว้ก่อน ระบบปัดน้ำฝนมีหน้าที่ "รีดน้ำ" ออกจากกระจกหน้ารถ ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นทัศนวิสัยด้านหน้ารถได้ชัดยิ่งขึ้นขณะฝนตก และมักมีระดับความแรงให้เราเลือกใช้ 2 ระดับ เพื่อให้สัมพันธ์กับปริมาณน้ำฝน และความเร็วรถ หากเจอฝนตกหนัก แนะนำให้เปิดระบบปัดน้ำฝนให้แรงสุดไว้ก่อนเสมอ เพื่อเพิ่มการมองเห็นให้ดียิ่งขึ้น และควรมองให้ไกลเข้าไว้ หากฝนเริ่มซาลง และเราเริ่มเห็นทาง ค่อยปรับลดความแรงลง และต้องตรวจเชคใบปัดน้ำฝนให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ เว้นระยะห่างให้มากขึ้น การเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้นกว่าเดิม เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เกิดความปลอดภัยขณะฝนตกหนัก เพราะน้ำบนพื้นถนน จะทำให้ประสิทธิภาพการเบรคลดลง เวลาเบรคจะมีระยะทางที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การเว้นระยะห่างจากรถคันหน้า จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ในการขับรถขณะฝนตก เปิดไฟรถเพื่อให้รถคันอื่นเห็น ขณะฝนตกหนัก แน่นอนว่าทัศนวิสัยในการมองเห็นจะไม่ชัดเจน เราควร "เปิดไฟหน้ารถ" ทุกครั้ง หากตกหนักจนมองไม่เห็น เราอาจเปิดไฟตัดหมอกหน้า หรือหลังด้วยก็ได้ เพื่อให้รถคันอื่นมองเห็นรถของเราได้ชัดขึ้น แต่ไม่ควรเปิดไฟสูง เพราะแสงไฟจะส่องเข้าตาผู้ขับรถคันอื่น ทำให้ตาพร่ามัว อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ หลีกเลี่ยงการแซง ในสถานการณ์ที่ฝนตกหนักจนทัศนวิสัยแย่ เราควรหลีกเลี่ยงการแซงรถคันอื่น แต่หากจำเป็นต้องแซงรถที่ช้ากว่า ควรตัดสินใจ และประเมินสถานการณ์ให้ดี เพราะการแซงในขณะที่ทัศนวิสัยเลวร้าย เป็นที่มาของอุบัติเหตุ ห้ามเปิดไฟฉุกเฉินวิ่ง ห้ามเปิดไฟฉุกเฉิน หรือไฟผ่าหมากวิ่ง ขณะฝนตกหนักเป็นอันขาด เพราะนอกจากจะทำให้ผู้อื่นตาลายแล้ว ยังทำให้ผู้ที่ขับตามมาสับสน เพราะแยกแยะไม่ออกว่ารถคันหน้ากำลังจอด หรือกำลังวิ่งอยู่ ซึ่งอันตรายมากๆ ไฟชนิดนี้มีไว้เพื่อเปิดใช้ในกรณี “จอดฉุกเฉิน” เท่านั้น