ธุรกิจ
BMW นำยานยนต์มุ่งสู่งานมอเตอร์โชว์
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย หวนคืนสู่งานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ อีกครั้ง กับทัพรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์หลากหลายรุ่น ที่ล้วนตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไปอีกขั้น สอดคล้องกับแนวคิด “ก้าวด้วยกัน ไปด้วยใจ ไปได้ไกล” ของงานในปีนี้ ซึ่งจะจัดขึ้นที่ อิมแพคท์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม-3 เมษายน 2565
สำหรับ BMW โดดเด่นด้วย BMW M440i xDrive Coupe ใหม่ รุ่นทอพตัวแรงของ 4 Series Coupe นำขบวนรถยนต์ใหม่ที่ประกอบไปด้วยสีสันอีกมากมาย สำหรับนักผจญภัยที่ชื่นชอบรถยนต์ตระกูล X ไม่ว่าจะเป็น BMW X4 xDrive20d ในชุดแต่ง M Sport พร้อมด้วยรุ่นใหญ่ที่แรงระดับรถแข่งอย่าง BMW X4 M Competition และ BMW X5 xDrive30d M Sport ที่ผสมผสานเทคโนโลยี Mild Hybrid ขนาด 48 โวลท์ เข้ากับเครื่องยนต์ดีเซลอย่างลงตัว
ส่วน MINI ขนสไตล์ที่แตกต่าง และไม่เหมือนใคร มาให้ได้สัมผัสกันเต็มๆ กับรุ่นพิเศษแบบจำกัดจำนวนถึง 2 รุ่น ได้แก่ MINI Electric Collection Edition รถยนต์ไฟฟ้าที่ขับสนุกสไตล์ MINI พร้อมเติมคาแรคเตอร์ไม่ซ้ำใครด้วยหลังคาไล่เฉดสีแบบ multitone ที่มาในจำนวนจำกัด 40 คัน และ MINI Cooper S Hatch 3 ประตู Brick Lane Edition ที่ออกแบบด้วยแนวคิดจากงานสตรีทอาร์ทขึ้นชื่อบนถนน Brick Lane ของกรุงลอนดอน มาให้ลูกค้าชาวไทยได้เป็นเจ้าของในจำนวนสุดพิเศษ 22 คัน
BMW Motorrad นำแถวโดยมอเตอร์ไซค์ทัวริงทรงพลังอย่าง BMW R 1250 RT ใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนี้ ร่วมด้วยสองล้อคู่ใจสำหรับไบเคอร์ทุกแนว นับตั้งแต่สกูเตอร์สำหรับชีวิตในเมืองอย่าง BMW C 400 GT ไปจนถึงแบกเกอร์ลุคคลาสสิคสำหรับทริพระยะทางไกลอย่าง BMW R 18 B
อเลกซันเดร์ บาราคา ประธาน และซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่เราได้สร้างความสำเร็จมากมายในเซกเมนท์รถยนต์พรีเมียมตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงในปีที่แล้ว ซึ่งเราได้รับคะแนนความพึงพอใจสูงสุดจากลูกค้าในด้านการขายและการบริการ ในปีนี้ เรายังคงสานต่อความมุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจ และความสุนทรีย์ขั้นสูงสุดให้แก่ลูกค้าในทุกขั้นตอน และเรายังยึดมั่นในแนวคิด “Power of Choice” หรือพลังแห่งทางเลือกอยู่เช่นเคย ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ เราได้จัดแสดงรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ที่มีความโดดเด่นอย่างรอบด้าน ตอบสนองได้ในทุกโจทย์การขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์สมรรถนะสูง เร็วแรงเต็มพิกัด ตลอดจนรถยนต์อเนกประสงค์ที่พร้อมลุยในทุกสภาพถนน และพกพาเทคโนโลยีการขับขี่ล้ำสมัยมาอย่างเต็มเปี่ยม หรือแม้แต่รถยนต์ที่ตกแต่งพิเศษในรูปแบบลิมิเทด เอดิชัน
ลูกค้าที่สนใจในข้อเสนอพิเศษมากมายจากงานมอเตอร์โชว์ จะได้พบกับทางเลือก และสิทธิพิเศษอีกมากมายจากทั้ง 3 แบรนด์ โดยเฉพาะกับลูกค้า BMW ที่เลือกจองรถยนต์ภายใต้โปรแกรม Freedom Choice ของ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย พร้อมด้วยของขวัญพิเศษสำหรับแฟนๆ MINI ที่การันตีได้ว่าจะมอบความสนุกได้ในทุกที่ ทุกเวลา ในขณะที่นักบิดสาย BMW Motorrad จะได้ต้อนรับการกลับมาของข้อเสนอทางการเงินสุดเร้าใจจากโปรโมชันพิเศษ “Set Zero”
ไฮไลท์รถยนต์ BMW และ MINI ในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43
BMW M440i xDrive Coupe ใหม่
ราคาจำหน่าย: ราคาโดยประมาณ 5,300,000-5,500,000 บาท
(รอประกาศราคาอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้)
BMW M440i xDrive Coupe ใหม่ เป็นรถสปอร์ทรุ่นทอพของตระกูล 4 Series Coupe ที่ผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ด้านวิศวกรรมจาก BMW M เข้ากับความโฉบเฉี่ยว และสง่างาม จนเกิดเป็นยานยนต์สมรรถนะสูงที่พร้อมมอบที่สุดแห่งความแม่นยำ และเฉียบคมบนท้องถนน
BMW M440i xDrive Coupe ใหม่ ยังคงรักษาทรวดทรงเฉพาะตัวในสไตล์คูเป เช่นเดียวกับ 4 Series รุ่นอื่นๆ โดยส่วนหน้ารถเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แนวตั้งขนาดใหญ่ ซึ่งนอกจากจะเป็นเอกลักษณ์ของรถคูเประดับตำนานจาก BMW แล้ว ยังช่วยตอบโจทย์ด้านการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ พร้อมประกบทั้ง 2 ข้างด้วยไฟหน้าเทคโนโลยี BMW Laserlight ที่ติดตั้งระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติมาด้วย ส่วนหน้าต่างทั้ง 2 ข้าง เสริมความเนี้ยบด้วยกรอบดำวาวสะดุดตาจากชุดแต่ง BMW Individual high-gloss Shadow Line เข้ากับเส้นสายด้านข้างที่สะท้อนถึงสมรรถนะ และความคล่องตัว เช่นเดียวกับอุปกรณ์เสริมสไตล์ M ที่จัดมาให้ครบชุด ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่ง M Aerodynamics สปอยเลอร์แบบ M ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ในแบบ Double-spoke และเบรค M Sport พร้อมคาลิเพอร์สีแดงแบบ high-gloss
ในด้านสมรรถนะ BMW M440i xDrive Coupe ใหม่ มอบพลังแบบเต็มพิกัดจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งพละกำลังสูงสุดถึง 285 กิโลวัตต์/387 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,900-5,000 รตน. เครื่องยนต์นี้ทำงานควบคู่กับระบบเกียร์ 8 จังหวะ แบบ Steptronic Sport เพื่อให้ตัวรถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุดที่ 250 กม./ชม. ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ BMW xDrive ก็ทำงานผสานกับช่วงล่างระบบ Adaptive M เฟืองท้ายแบบ M Sport และระบบบังคับเลี้ยวแบบแปรผันตามการหมุนของพวงมาลัย (Variable Sport Steering) เพื่อให้ BMW M440i xDrive Coupe ใหม่ ตอบสนองกับทุกการควบคุมอย่างรวดเร็ว ฉับไว มอบความคล่องตัว และแม่นยำสูงสุด ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับทุกเส้นทาง
ความมุ่งมั่นของ BMW ที่จะมอบที่สุดแห่งประสบการณ์การขับขี่ ยังสะท้อนออกมาผ่านการออกแบบห้องโดยสารของ BMW M440i xDrive Coupe ใหม่ ที่มุ่งให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่เป็นหลัก พร้อมมอบบรรยากาศความแรงในสไตล์ M ในทุกอณู ด้วยพวงมาลัยหนัง และเข็มขัดนิรภัยแบบ M พร้อมตกแต่งพื้นผิวภายในแบบ Aluminium Tetragon ตัดกับเพดานหลังคาภายในแบบ BMW Individual สีดำ anthracite ได้อย่างลงตัว ส่วนแผงคอนโซลด้านหน้า เต็มตากับแผงหน้าปัดแบบดิจิทอลขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอ Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว ที่เปิดให้ใช้งานทุกคุณสมบัติสุดล้ำจากระบบ BMW Live Cockpit Professional และ BMW ConnectedDrive ได้อย่างเต็มความสามารถ รวมถึงฟังค์ชันการใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟน และความบันเทิงจากระบบเสียงแบบเซอร์ราวน์ด Harman Kardon นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเพ่งสมาธิไปที่ท้องถนนได้แบบไม่ต้องละสายตา ด้วยระบบ BMW Head-Up Display รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีพื้นที่การแสดงข้อมูลใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 70 %
BMW M440i xDrive Coupe ใหม่ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยอีกมากมาย ทั้งระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus), ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) และระบบควบคุุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังค์ชัน Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go) รวมถึงระบบกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) ที่ล้วนมอบความมั่นใจ และอุ่นใจบนท้องถนน ส่วนฟังค์ชันอย่างระบบปลดลอคประตููอัจฉริยะ (Comfort Access) และฝากระโปรงท้ายแบบอัตโนมัติ ก็ช่วยให้ทุกการเดินทางเริ่มต้นขึ้นได้อย่างสะดวกสบายที่สุด
BMW M440i xDrive Coupe ใหม่ จะเริ่มเปิดจองภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีให้เลือก 4 สีด้วยกัน ได้แก่ สีแดง Aventurin Red (ภายในบุหนัง Vernasca สีดำ พร้อมแต่งตะเข็บสีดำ), สีดำ Black Sapphire, สีเทา M Brooklyn Grey และสีขาว Mineral White (ภายในบุหนัง Vernasca สีดำ พร้อมแต่งตะเข็บสีแดง Tacora Red)
BMW X4 xDrive20d M Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: 4,099,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW X4 รถยนต์ที่นิยามความเป็น Sport Activity Coupe กลับมาอีกครั้งกับความสดใหม่ในรุ่น X4 xDrive20d M Sport ใหม่ ที่เสริมความเฉียบของรุ่นก่อนหน้าด้วยคุณสมบัติ และการตกแต่งแบบรอบด้าน
BMWX4 xDrive20d M Sport มาพร้อมกับโฉมใหม่ที่เตะตากว่าเคย นับจากกระจังหน้าไตคู่สไตล์ M ด้านหน้า จับคู่กับไฟหน้าแบบ Adaptive LED และชุดแต่ง BMW Individual High-Gloss Shadow Line ที่เติมความเข้มด้วยกรอบ และซี่กระจังหน้าสีดำ ส่วนท้ายรถก็เท่สไตล์สปอร์ทไม่แพ้กัน กับไฟท้าย LED ทรง 3 มิติที่เข้าคู่กับกันชนดีไซจ์นใหม่ และปากท่อไอเสียทรงกว้าง ส่วนล้อแมกอัลลอยใหม่สไตล์ M ขนาด 20 นิ้ว แบบ Double-spoke ก็ยกระดับความดุดันแข็งแกร่งของ BMW X4 xDrive20d M Sport ใหม่ แมทช์กันกับความมั่นใจบนท้องถนนจากช่วงล่างแบบ Adaptive พร้อมระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus)
ส่วนภายในห้องโดยสาร ให้ความรู้สึกโปร่งสบายในทุกการเดินทางด้วยหลังคาซันรูฟ โดยไม่คลายบรรยากาศความสปอร์ท กับพื้นผิวที่ตกแต่งดีไซจ์น M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมเบาะนั่งแบบสปอร์ท และระบบ BMW Head-Up Display ขณะที่ระบบ BMW Live Cockpit Professional ก็พร้อมมอบความสะดวกสบายในการใช้งานระบบต่างๆ ขณะเดินทาง
BMW X4 xDrive20d M Sport ใหม่ ยังคงเปี่ยมสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo เช่นเคย ให้พละกำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์/190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รตน. ทำงานผสานกับระบบเกียร์ Steptronic 8 จังหวะ พร้อมส่งให้ตัวรถทะยานสู่ 100 กม./ชม. ได้ใน 8.0 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 213 กม./ชม.
BMW X4 xDrive20d M Sport ใหม่ พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้วใน 5 สี 5 สไตล์ ได้แก่ สีขาว Alpine White, สีดำ Black Sapphire, สีเทา Brooklyn Grey (ภายในแต่งด้วยตะเข็บสีแดง Tacora Red), สีน้ำเงิน Phytonic Blue และสีแดง Piemont Red (ภายในแต่งด้วยตะเข็บสีดำ)
BMW X4 M Competition ใหม่
ราคาจำหน่าย: 8,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
สำหรับนักขับที่มองหาความแรงที่เหนือกว่าไปอีกขั้น รับรองได้ว่าจะต้องประทับใจไปกับที่สุดแห่งสมรรถนะจาก BMW X4 M Competition ใหม่ ที่เติมพลังให้เหนือกว่า X4 M รุ่นเดิม ด้วยชุดแต่ง Competition เสริมให้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ M TwinPower Turbo ขนาด 3.0 ลิตร มอบความแรงได้ถึง 375 กิโลวัตต์/510 แรงม้า ขณะที่การเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ก็ทำได้ในเวลาเพียง 4.0 วินาทีเท่านั้น ประสิทธิภาพเต็มพิกัดของ BMW X4 M Competition ใหม่นี้ เป็นผลพวงจากการผนึกรวมนวัตกรรมที่อยู่เบื้องหลังความแรงสไตล์รถแข่งของ BMW M3 และ M4 เช่น เพลาข้อเหวี่ยงน้ำหนักเบาที่ช่วยส่งแรงบิด และพละกำลังรอบเครื่องยนต์ได้ดียิ่งขึ้น และระบบทำความเย็นเครื่องยนต์ที่ผ่านการทดสอบบนสนามแข่งมาแล้ว
ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ M xDrive ช่วยให้ BMW X4 M Competition ใหม่ มีความคล่องตัวสูง ผสมผสานข้อได้เปรียบจากการส่งพลังลงสู่ทั้ง 4 ล้อ ที่ช่วยให้รถเกาะถนนมากขึ้น เข้ากับความสนุก และคล่องตัวในแบบรถขับเคลื่อนล้อหลัง โดย M xDrive จะทำงานร่วมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control) เพื่อส่งแรงบิดไปยังเพลาหน้าเฉพาะในกรณีที่ได้ส่งกำลังเต็มพิกัดไปที่ล้อหลัง ผ่านระบบเกียร์ 8 จังหวะ แบบ M Steptronic พร้อมเทคโนโลยี Drivelogic ขณะที่ระบบเบรคประสิทธิภาพสูง BMW M Compound Brake ก็ชะลอ และหยุดรถได้อย่างมั่นใจ พร้อมเติมมาดเข้มด้วยคาลิเพอร์สีดำขลับ
รูปลักษณ์ของ BMW X4 M Competition ใหม่ เปี่ยมด้วยความสปอร์ทไม่ต่างจากสมรรถนะของตัวรถ ด้วยรูปทรงที่ได้แรงบันดาลใจจากรถสปอร์ทคูเป กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ที่เสริมด้วยชุดแต่ง BMW Individual High-Gloss Shadow Line with Extended Contents ส่วนไฟหน้า LED มาในทรงที่แบนราบกว่ารุ่นเดิม พร้อมเติมความเข้มด้วยโคมไฟหน้าตกแต่งสีดำแบบ BMW M Light Shadow Line ขณะที่ด้านท้ายรถก็โดดเด่นด้วยการออกแบบช่องทรงสี่เหลี่ยมคางหมูบริเวณป้ายทะเบียนที่กันชนท้าย พร้อมด้วยท่อไอเสีย 4 ท่อ 2 คู่ ในสีดำโครเมียม ติดตั้งประกบอยู่ทั้ง 2 ข้างของดิฟฟิวเซอร์ สอดรับกับความดุดันในโทนสีดำที่ล้อแมก 21 นิ้ว แบบ M light alloy ในดีไซจ์น Double-spoke แบบสลับสี
BMW X4 M Competition ใหม่ คงความสปอร์ทภายในห้องโดยสารด้วยเบาะหนังสปอร์ทแบบ M เข็มขัดนิรภัยแบบ M และพื้นผิวภายในที่ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมหลังคากระจก Panorama นอกจากฟังค์ชันมากมายในระบบ BMW Live Cockpit Professional แล้ว X4 M Competition รุ่นนี้ยังมีระบบช่วยการขับขี่ Driving Assistant รุ่น Professional ติดตั้งมาให้ มอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่าผ่านระบบควบคุุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังค์ชัน Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go) นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเข้าถึงฟังค์ชันบางอย่างของตัวรถได้จากระยะไกล ผ่านกุญแจ BMW Display Key
BMW X5 xDrive30d M Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: 4,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW X5 xDrive30d M Sport ใหม่ รถยนต์ในตระกูล Sports Activity Vehicle รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ยังคงขึ้นชื่อในด้านสไตล์การขับขี่ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะปราดเปรียวที่เหนือชั้น พร้อมด้วยประโยชน์ใช้สอยรอบด้านในทุกช่วงเวลา แต่ยังยกระดับทั้งสมรรถนะ ความประหยัด และความแม่นยำบนท้องถนนให้เหนือกว่าที่เคย
BMW X5 xDrive30d M Sport ใหม่ นับเป็นครั้งแรกที่ BMW X5 ในประเทศไทย มาพร้อมเทคโนโลยี mild hybrid ด้วยการเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าแรงดัน 48 โวลท์ เสริมพละกำลังขึ้นมาอีก 8 กิโลวัตต์/11 แรงม้า ในขณะสตาร์ทรถ และเร่งความเร็ว ส่วนตัวเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ก็แรงกว่าเดิมด้วยพลังสูงสุดที่ 210 กิโลวัตต์/286 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รตน. จึงทำให้การเร่งจาก 0-100 กม./ชม. รวดเร็วขึ้น เหลือเวลาเพียง 6.1 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 235 กม./ชม.
นอกจากสมรรถนะที่สูงขึ้นแล้ว BMW X5 xDrive30d M Sport ใหม่ ยังยกระดับให้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่าที่เคยด้วยการใช้ AdBlue สารพิเศษที่ช่วยลดปริมาณไนโตรเจนออกไซด์ในไอเสีย โดยทำปฏิกิริยาเคมีเพื่อแตกสารดังกล่าวให้กลายเป็นไนโตรเจน และน้ำ ซึ่งล้วนไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม
BMW X5 xDrive30d M Sport ใหม่ มาในมาดขรึมสง่างามยิ่งกว่าเดิม ด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics พร้อมด้วย M High-Gloss Shadow Line และ M Roof Rails High-Gloss Shadow Line ส่วนห้องโดยสารที่กว้างขวางก็เสริมกลิ่นอายความสปอร์ทด้วยพื้นผิวที่แต่งสไตล์ M ด้วยลาย Aluminium Tetragon เพดานภายในสีดำ anthracite แบบ M และพวงมาลัยหนัง M Sport ขณะที่ในด้านความสะดวกสบายก็ครบครันสำหรับทุกระยะทาง ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน หลังคาซันรูฟ และระบบเสียงเซอร์ราวน์ดจาก Harman Kardon
BMW X5 xDrive30d M Sport ใหม่ มีให้เลือกทั้งสีเทา Arctic Grey Brilliant Effect, สีน้ำเงิน Phytonic Blue (ภายในบุหนัง Vernasca สีดำ แบบ perforated), สีดำ Black Sapphire และสีขาว Mineral White (ภายในบุหนัง Vernasca สีน้ำตาล แบบ perforated)
Mini Electric Collection Edition ใหม่ พร้อมหลังคา Multitone Roof
ราคาจำหน่าย: 2,459,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา MSI Standard)
หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวสู่สายตาแฟนๆ MINI ในไทยไปเมื่อไม่นานมานี้ MINI Electric Collection Edition ใหม่ ได้ออกมาโลดแล่นให้แฟน MINI ได้ยลโฉม และตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของกันอย่างต่อเนื่อง ในงานมอเตอร์โชว์ โดยในประเทศไทย มีรุ่นพิเศษนี้จำหน่ายเพียงแค่ 40 คันเท่านั้น
Mini Electric Collection Edition แต่ละคันล้วนมีเอกลักษณ์ที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริง ด้วยโทนสีหลากเฉดของ Multitone Roof ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นจากเทคนิคการพ่นสีแบบใหม่ของ MINI ที่โรงงานในออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ โดยในกระบวนการนี้ จะเริ่มลงสีหลังคาด้วยสีฟ้าอ่อน Pearly Blue เป็นสีแรก ต่อด้วยสีน้ำเงินเข้ม San Marino Blue ด้านหน้า และสีดำ Jet Black ที่ด้านหลัง ทำให้เกิดการไล่สีที่สวยสะดุดตา นอกจากนี้ การไล่โทนสีในแต่ละคันอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยจากขั้นตอนการลงสีในกระบวนการผลิต จึงเป็นที่มาของเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำใครในแต่ละคันของ MINI รุ่นพิเศษนี้นั่นเอง
ด้านการขับขี่ MINI Electric Collection Edition ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับสนุกที่แฟนๆ MINI ต่างให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นตลอดมา ด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้าที่ปราศจากมลภาวะ ส่งกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 7.3 วินาที ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และความปลอดภัยก็จัดมาอย่างรอบด้าน ให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารได้ดื่มด่ำไปกับทุกการเดินทางอย่างมีสไตล์ด้วยลูกเล่นพิเศษอย่างวิทยุ MINI Visual Boost ผิวภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งแบบ MINI Yours ชุดลำโพง 12 ตัวจาก Harman Kardon และอื่น ๆ
MINI Electric Collection Edition รุ่นจำนวนจำกัด 40 คัน พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ โดยมีให้เลือกในสีน้ำเงิน Island Blue และสีเทา Rooftop Grey
MINI Cooper S Hatch 3 ประตู Brick Lane Edition ใหม่
ราคาจำหน่าย: 2,899,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา MSI Standard)
เท่ไม่เหมือนใครไปอีกขั้นกับโฉมใหม่สไตล์สตรีทของ MINI รุ่นพิเศษตัวล่าสุดกับ MINI Cooper S Hatch 3 ประตู Brick Lane Edition ใหม่ ที่ได้แนวคิดในการออกแบบมาจากผลงานสตรีทอาร์ทบนถนน Brick Lane ของลอนดอน โดย MINI รุ่นพิเศษนี้มีจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 22 คันเท่านั้น
สำหรับ Brick Lane Edition นี้ ได้นำ MINI Cooper S Hatch 3 ประตู รุ่นมาตรฐาน มาแต่งแต้มลวดลายแบบสตรีทรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นแถบลายบนฝากระโปรงหน้า และด้านข้างตัวรถ ที่ได้ไอเดียมาจากอาคารอิฐที่เรียงรายกันอยู่บนถนน Brick Lane ของจริง ตัดกับหลังคาสีน้ำเงินเข้ม San Marino Blue และสปอยเลอร์สีดำได้อย่างพอดี แถบลายที่ว่านี้ยังถูกนำไปเป็นส่วนประกอบของดีไซจ์นในจุดอื่นอีกหลายแห่ง นับตั้งแต่ป้ายชื่อรุ่นด้านข้างและบันไดรถ ที่สลักคำว่า “Brick Lane” ชัดเจน ลายอักษร “B” บนเสาซี พื้นผิวภายในห้องโดยสารที่แต่งด้วยสีดำ Piano Black และอุปกรณ์เสริมเฉพาะตัวอย่างแผ่นยางปูพื้น และกุญแจรถ
แน่นอนว่า MINI Cooper S Hatch 3 ประตู Brick Lane Edition ใหม่ ยังขับสนุก และคล่องแคล่วบนท้องถนนเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่ส่งพละกำลังได้สูงสุด 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า ทำเวลา 0-100 กม./ชม. ได้ที่ 6.7 วินาที และด้วยระบบเกียร์ 7 จังหวะ Steptronic แบบคลัทช์คู่ ช่วงล่างแบบ Adaptive และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มากมาย จึงรับรองได้ว่า MINI รุ่นพิเศษคันนี้เป็นตัวแรงครบรส ทั้งในด้านความเร็ว และสไตล์
แฟนๆ MINI สามารถเลือกเป็นเจ้าของ MINI Cooper S Hatch 3 ประตู Brick Lane Edition ใหม่ ทั้ง 22 คันได้แล้ววันนี้ โดยมีสีขาว White Silver และสีเทา Moonwalk Grey ให้เลือก
ไฮไลท์มอเตอร์ไซค์จาก BMW Motorrad ในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43
BMW R 1250 RT ใหม่
ราคาจำหน่าย: 1,310,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
สำหรับสี Triple Black และสี Racing Blue Metallic
1,420,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
สำหรับ Option 719 Mineral White Metallic
BMW R 1250 RT ใหม่ สี Triple Black
BMW R 1250 RT ใหม่ สี Racing Blue Metallic
BMW R 1250 RT ใหม่ มอเตอร์ไซค์ทัวริงที่มาพร้อมสมรรถนะเครื่องยนต์ทรงพลัง ผสานเข้ากับความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกลไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมสร้างประสบการณ์สุดประทับใจให้แก่เหล่าไบเคอร์บนทุกเส้นทาง มาพร้อมเครื่องยนต์บอกเซอร์อันเป็นเอกลักษณ์ระดับตำนานของ BMW Motorrad สั่งจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอีเลคทรอนิคส์ พร้อมระบบฟอกไอเสียแบบ closed-loop ชนิด 3 ทาง จึงพร้อมส่งแรงบิดเต็มกำลัง ขณะที่เทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผันใหม่ BMW ShiftCam ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องยนต์ ก็ยังเสริมความแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบเหนือชั้น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
BMW R 1250 RT ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บอกเซอร์ 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ และของเหลว ขนาด 1,254 ซีซี ที่ได้รับการยกระดับให้สามารถส่งพละกำลัง และแรงบิดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถโลดแล่นได้อย่างราบรื่นแม้ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ส่งกำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า ที่ 7,750 รตน. และแรงบิดสูงสุด 143 นิวตัน-เมตร ที่ 6,250 รตน. เครื่องยนต์บอกเซอร์รุ่นใหม่นี้ยังโดดเด่นด้วยระบบไอเสียที่สามารถปล่อยมลพิษน้อยลง และประหยัดเชื้อเพลิง เติมเต็มสมรรถนะเครื่องยนต์ด้วยเทคโนโลยี BMW ShiftCam ที่เสริมความสมดุลของเพลาลูกเบี้ยว และจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ เพลาลูกเบี้ยวยังเปลี่ยนมาขับเคลื่อนด้วยห่วงโซ่ฟันแทนโซ่ส่งกำลังแบบเดิม ส่วนระบบหัวฉีดคู่ และระบบไอเสียใหม่ ผ่านการรับรองมาตรฐานยูโร 5 ที่เน้นประหยัดเชื้อเพลิง และลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศ
BMW Motorrad R 1250 RT มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลายสำหรับความต้องการที่แตกต่างของนักบิด โดยมาพร้อมโหมดใหม่ล่าสุด “Eco” ที่ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าที่เคย รวมถึงโหมด Rain, Road และ Riding Modes Pro ที่เพิ่มโหมดการขับขี่แบบพโร คือ Dynamic, Dynamic Pro และระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (Hill Start Control Pro) เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วย ระบบ Dynamic Traction Control และ Full Integral ABS Pro ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับระบบ Dynamic Brake Control (DBC) ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) และระบบช่วงล่างที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า หรือ Dynamic ESA นอกจากนี้ BMW R 1250 RT ใหม่ ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยระบบ Dynamic Cruise Control (DCC) ร่วมกับ Active Cruise Control (ACC) ที่ช่วยควบคุมความเร็วคงที่ และยังสามารถรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าได้อัตโนมัติ
BMW R 1250 RT ใหม่ สี Option 719 Mineral white metallic
ดีไซจ์นของ BMW R 1250 RT ใหม่ ยังคงเน้นองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์ทัวริง โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Adaptive ปรับทิศทางตามองศาเลี้ยว ระบบความบันเทิงล้ำสมัยด้วยหน้าจอ TFT แบบสีขนาด 10.25 นิ้ว แสดงผลระบบนำทางได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และช่องวางโทรศัพท์ที่สามารถป้องกันละอองน้ำ มีพัดลมระบายความร้อนในตัว และช่องเสียบ USB ผู้ขับขี่ยังสามารถเพลิดเพลินกับทุกการเดินทางด้วยระบบเสียง Audio System 2.0 มอบความบันเทิงที่เต็มอรรถรสยิ่งขึ้น
BMW R 1250 RT ใหม่ มาให้เลือกใน 3 สี 3 สไตล์ ได้แก่ สีดำ Triple Black สีน้ำเงิน Racing Blue Metallic และสีขาว Option 719 ผสานตัวถังในสีสุดพิเศษ Mineral white metallic ที่เพิ่มความเงางามด้วยสีขาวเมทัลลิคตัดกับล้อในสี White Aluminium แบบด้าน คาลิเพอร์เบรคสีทอง และองค์ประกอบสีดำอื่นๆ ได้อย่างลงตัว มาพร้อมอุปกรณ์แต่งในแบบฉบับ Option 719 ได้แก่ ฝาครอบเครื่องยนต์พรีเมียม เสริมความโดดเด่นในสีเงิน เบาะนั่งมาในสีน้ำตาล เติมลูกเล่นด้วยลวดลาย และการบุตะเข็บอย่างประณีต สะท้อนถึงความหรูหราคลาสสิกของชุดแต่ง Option 719
BMWC 400 GT
ราคาจำหน่าย: 419,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
สำหรับสี Alpine White
429,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
สำหรับสี Blackstorm Metallic
BMW C 400 GT สี Alpine White
BMW C 400 GT สี Blackstorm Metallic
BMW C 400 GT เป็นสกูเตอร์ขนาดกลางที่พร้อมเป็นสองล้อคู่ใจของไบเคอร์ในทุกโอกาส ด้วยสมรรถนะ และดีไซจ์นที่โดดเด่นครบครัน ยกจิตวิญญาณของมอเตอร์ไซค์ทัวริงมาจุดประกายให้นักบิดไทยได้ตื่นเต้น และเพลิดเพลินไปกับการโลดแล่นบนท้องถนน
BMW C 400 GT ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1 สูบ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งพละกำลังสูงสุดที่ 25 กิโลวัตต์/34 แรงม้า ที่ 7,500 รตน. และแรงบิดสูงสุด 35 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รตน. เครื่องยนต์นี้ทำงานประสานกับระบบเกียร์ CVT และระบบกันสะเทือนล้อหลังที่ผสานนวัตกรรมใหม่เพื่อลดการสั่นสะเทือน และเสริมความสบายระหว่างการขับขี่ และด้วยการรับรองมาตรฐานมลภาวะระดับ EU 5 BMW C 400 GT จึงเป็นสกูเตอร์คู่ใจที่พร้อมสนุกไปด้วยกันในทุกจังหวะการขับขี่
เพื่อยกระดับความคล่องแคล่วของ BMW C 400 GT เครื่องยนต์ชุดนี้จึงทำงานควบคู่กับระบบ E-gas หรือคันเร่งระบบไฟฟ้า พร้อมวาล์วระบบไฟฟ้า และระบบควบคุมเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงในหลากหลายองค์ประกอบ นับตั้งแต่ระบบไอเสียที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ไปจนถึงการปรับแต่งระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ในเกียร์ว่าง ยังช่วยให้สกูเตอร์รุ่นใหม่นี้ตอบสนองฉับไวในทุกจังหวะ และการเดินเครื่องที่ราบรื่น นุ่มนวลยิ่งขึ้นขณะใช้เกียร์ว่าง ขณะที่ชุดสปริงใหม่ในระบบคลัทช์แบบแรงเหวี่ยงก็ช่วยให้ตัวเครื่องทำงานได้นิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคที่โดดเด่นใน BMW C 400 GT ใหม่ คือ การเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ระบบ Automatic Stability Control (ASC) ซึ่งสามารถปรับการตั้งค่าตัวเองได้แบบอัตโนมัติเมื่อจำเป็น เช่น ในกรณีที่เปลี่ยนยาง นอกจากนี้ ระบบ ASC ใหม่นี้ยังออกแบบมาให้ทำงานด้วยระดับแรงเสียดทานที่ต่ำกว่าในรุ่นเดิม จึงทำให้รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงการตอบสนองที่ฉับไวขึ้น ขับขี่สบายยิ่งขึ้น ส่วนระบบเบรคก็มาพร้อมกับคาลิเพอร์ใหม่ที่ช่วยให้ระบบดิสค์เบรคคู่ที่ล้อหน้าทำงานได้แม่นยำมากขึ้น สัมผัสได้ถึงจังหวะออกแรงเบรคอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และปรับการเคลื่อนตัวของลูกสูบดิสค์เบรคให้ดียิ่งขึ้น
ส่วนช่องเก็บสัมภาระนี้อยู่ในบริเวณใต้เบาะนั่ง ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ให้นั่งสบายกว่าที่เคย โดยนอกจากช่องต่อไฟแบบ 12 โวลท์แล้ว ช่องเก็บของด้านหน้ายังมาพร้อมกับช่องเสียบสายชาร์จ USB อีกด้วย (ช่องเก็บสัมภาระขนาด 31 ลิตร ซึ่งสามารถขยายได้ถึง 45 ลิตร หากติดตั้ง Flexcase)
BMW R 18 B
ราคาจำหน่าย: 1,500,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
BMW R 18 B ผสมผสานทั้งความหรูหรา และความมีสไตล์ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมด้วยพลังเต็มเปี่ยมจากเครื่องยนต์ "บิกบอกเซอร์" ที่ใจกลางแชสซีส์สุดคลาสสิค ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของ BMW Motorrad
ในฐานะมอเตอร์ไซค์แบกเกอร์เต็มตัว BMW R 18 B มีรูปลักษณ์ที่ทั้งเรียบง่าย ปราดเปรียว และขาดไม่ได้กับกระเป๋าสัมภาระข้างรถ ที่ออกแบบมาให้เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับฝาครอบไฟหน้า ส่วนประกอบเพื่อการใช้งานและดีไซจ์นต่างๆ เช่น โครงสร้างเหล็กกล้า 2 ชั้น ถังน้ำมันทรงหยดน้ำขนาด 24 ลิตร เพลาแบบเปิดเปลือย พร้อมลูกเล่นการทำสีแบบลายเส้นคู่ ล้วนสะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมอเตอร์ไซค์แบบทัวริง และครูเซอร์ยอดนิยม และด้วยระบบสวิงอาร์มคู่ขนาบข้าง และคานรับน้ำหนักแบบยื่น โครงสร้างตัวรถอันแข็งแกร่งจากมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานอย่าง BMW R 5 จึงถูกถ่ายทอดสู่ยุคปัจจุบันได้อย่างดีเยี่ยม
หัวใจหลักของ BMW R 18 B คือ เครื่องยนต์บอกเซอร์ 2 สูบ ที่เรียกว่า "บิกบอกเซอร์” ซึ่งนับเป็นเครื่องยนต์แบบ 2 สูบวางเรียง ที่มีสมรรถนะสูงสุดในรถมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตออกจำหน่ายในตลาดทั่วไป ด้วยความจุ 1,802 ซีซี ส่งพละกำลังสูงสุด 67 กิโลวัตต์ (91 แรงม้า) ที่ 4,750 รตน. ส่งแรงบิด 158 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000 รตน. พร้อมพลังขับเคลื่อน และเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มเร้าใจ
ด้านแชสซีส์ของ BMW R 18 B เป็นโครงสร้างเหล็กกล้า 2 ชั้น พร้อมแกนหลักชิ้นส่วนขึ้นรูปจากแผ่นเหล็ก ทั้งยังโดดเด่นด้วยมาตรฐานการผลิตคุณภาพสูง และความประณีตในรายละเอียดต่างๆ ขณะที่ระบบช่วงล่างแบบเทเลสโกปิค ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มที่ติดตั้งโดยตรงบนคานรับน้ำหนักแบบยื่นที่สามารถปรับตั้งค่าความหนืด และการยุบตัวของสปริงได้ เพื่อให้ควบคุมล้อที่หล่อด้วยวัสดุอัลลอยน้ำหนักเบาชั้นเลิศได้อย่างแม่นยำ พร้อมมอบการขับขี่ที่นุ่มสบาย คานรับน้ำหนักด้านหลังสามารถปรับตั้งค่าความหนืดได้ และมีระบบชดเชยโหลดอัตโนมัติเพื่อตอบสนองการขับขี่ที่เหนือระดับ ส่วนระบบเบรค มาในรูปแบบดิสค์เบรคคู่ที่ล้อหน้า และดิสค์เบรคเดี่ยวที่ล้อหลัง ทำงานร่วมกับคาลิเพอร์เบรคแบบตายตัว 4 ลูกสูบ และระบบเบรคเอบีเอสของ BMW Motorrrad
BMW R 18 B ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานอย่างครบครัน เช่น ระบบควบคุมการขับขี่แบบอีเลคทรอนิคส์ DCC (Dynamic Cruise Control) และระบบควบคุมการขับขี่แบบ Active Cruise Control (ACC) พร้อมด้วยมาตรวัดแบบแอนาลอก หน้าปัดทรงกลม 4 ช่อง และจอสีแสดงผลแบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว พิมพ์ตัวอักษร "BERLIN BUILT" เสริมความคลาสสิคให้ BMW R 18 B ได้อย่างลงตัว จอสีแสดงผลแบบ TFT ยังสามารถอ่านได้ง่าย และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน BMW Connected App เสริมความสะดวกในการใช้งาน และแสดงข้อมูลการขับขี่อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ตัวรถยังมาพร้อมกับระบบเครื่องเสียง Marshall Gold Series Stage 1 ซึ่งประกอบด้วยลำโพง 2 ตัว และซับวูเฟอร์ 2 ตัว
อุ่นใจขึ้น และสนุกกว่าในทุกเส้นทาง กับข้อเสนอพิเศษในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43
ข้อเสนอพิเศษสำหรับ BMW
ลูกค้าที่เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ BMW รุ่นที่ร่วมรายการ* ผ่านโปรแกรม Freedom Choice ของ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย และมีกำหนดส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 30 เมษายน 2565 จะได้อุ่นใจไปกับประกันชั้นหนึ่ง BMW Protect สูงสุด 3 ปี พร้อมเงื่อนไขพิเศษกับเงินดาวน์ 0 %
ส่วนลูกค้าที่เลือกออกผจญภัยไปกับรถยนต์ BMW ในตระกูล X (รวมถึง BMW iX และ iX3) โดยมีกำหนดส่งมอบรถยนต์ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน 2565 จะได้รับสมาร์ทวอทช์ Garmin Venu 2S ไปเติมเต็มความสนุกในการเดินทาง ขณะที่ลูกค้าที่เลือกจองรถยนต์ BMW X1 พร้อมแพคเกจ BMW Service Inclusive (BSI) 5 ปี ในช่วงเวลาเดียวกัน จะได้รับการขยายเวลาเป็น 10 ปีทันที พร้อมรับอีกต่อกับประกันชั้นหนึ่ง BMW Protect สำหรับลูกค้าที่เลือกใช้บริการของ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย
สำหรับที่สุดของความหรูหราบนท้องถนนอย่าง BMW 7 Series ก็มาพร้อมกับข้อเสนอ “7 Wonders of 7 Series” เพื่อให้ลูกค้าที่เลือกจองรถผ่านโปรแกรม Freedom Choice ได้รับสิทธิพิเศษดังนี้:
อัตราดอกเบี้ยพิเศษ พร้อมผ่อนรายเดือน 40,999 บาท
ประกันชั้นหนึ่ง BMW Protect 3 ปีเต็ม
แพคเกจ BSI Ultimate 5 ปี
บัตรน้ำมัน มูลค่า 20,000 บาท
บริการ Roadside Assistance 5 ปีเต็ม
การันตีมูลค่าในอนาคต (Guaranteed Future Value; GFV)
4 ทางเลือกเมื่อสิ้นสุดสัญญา (4Rs): Return, Renew, Retain และ Refinance
* รุ่นที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ BMW 2 Series, 3 Series, 3 Series Gran Sedan, 5 Series, 7 Series, X3, X5 (ยกเว้นรุ่นปี 2022) และ X7 (ยกเว้นรุ่น X7 xDrive40d M Sport)
ข้อเสนอพิเศษสำหรับ MINI
ทางด้าน MINI ลูกค้าที่เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ MINI ใหม่** ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ผ่านโปรแกรม Freedom Choice ของ มินิ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย และมีกำหนดส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 30 เมษายน 2565 จะได้รับของขวัญพิเศษสุด พโรเจคเตอร์ขนาดพกพา The Freestyle จาก Samsung มูลค่า 34,990 บาท เพื่อนำความบันเทิงที่โปรดปรานไปสนุกด้วยกันได้ทุกที่
ส่วนลูกค้าที่เลือกจอง MINI Cooper S Countryman Hightrim และมีกำหนดส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 30 เมษายน 2565 จะได้รับประกันชั้นหนึ่ง MINI Protect นาน 2 ปีเต็ม ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าของ MINI จะมาพร้อมกับประกันชั้นหนึ่ง MINI Protect นาน 1 ปี แพคเกจบริการ MINI Service Inclusive 4 ปี และแถมฟรีแท่นชาร์จ MINI Electric Wallbox อีกด้วย
สำหรับรถยนต์ MINI รุ่นอื่นๆ ที่เข้าร่วมรายการ จะมอบแพคเกจบริการ MSI ที่ขยายเวลาจาก 5 ปี เป็น 10 ปี/100,000 กม. พร้อมด้วยประกันชั้นหนึ่ง MINI Protect นาน 1 ปี
** ยกเว้น MINI Cooper S Countryman Entry, MINI Cooper S Hatch 3 ประตู Brick Lane Edition, MINI John Cooper Works Anniversary Edition และ MINI Cooper S Convertible Sidewalk Edition
ข้อเสนอพิเศษสำหรับ BMW Motorrrad
ทางด้าน BMW Motorrrad นำความเร้าใจของโปรโมชัน “Set Zero” กลับมาอีกครั้งตลอดเดือนมีนาคม ให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์ชั้นยอดได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0 % นานสูงสุด 5 ปี*** พร้อมฟรีประกันชั้นหนึ่งสำหรับลูกค้าที่เลือกโลดแล่นไปกับ BMW C 400 GT, R nineT Pure และ R 18
*** รุ่นที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ BMW F 850 GS, F 900 R, F 900 XR, S 1000 R, S 1000 XR, S 1000 RR, R 1250 GS และ R 1250 GS Adventure
ABOUT THE AUTHOR
นุสรา เงินเจริญ
บรรณาธิการข่าวธุรกิจและสังคม รักการอ่าน ขอบงานเขียน ชอบพบปะผู้คน ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารในวงการยานยนต์ไทย ท่องเที่ยว เป็นประสบการณ์ที่ดี พร้อมได้ เปิดโลก ได้พัฒนาตัวในแวดวงสื่อสารมวลชน
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตคอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)