รถล่าสุด
Nissan Kicks e-POWER 2022 แรงขึ้น แบทเตอรีใหญ่ หน้าใหม่ โคตรหล่อ ในราคาเริ่มต้น 7.59 แสนบาท !
Nissan ประเทศไทย เปิดตัว Nissan Kicks e-POWER ใหม่ รุ่นปี 2022 รถยนต์ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีขนาดเล็ก ที่มาพร้อมเทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ เจเนอเรชัน 2 (2nd Generation e-POWER) ที่ผู้ขับจะได้สัมผัสเทคโนโลยีการขับขี่ที่สนุกสนาน เหมือนขับรถยนต์ไฟฟ้า 100 % โดยไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถ และไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จไฟฟ้าสู่แบทเตอรีจากภายนอก ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Nissan Kicks e-POWER ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้อย่างดี
เพิ่ม 3 จุดเด่น Nissan Kicks e-POWER 2022 ใหม่
1. ปรับปรุงเทคโนโลยี e-POWER เจเนอเรชันที่ 2 (2nd Generation e-POWER)
มาพร้อมแบทเตอรีขนาด 2.06 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) (จากเดิมขนาด 1.57 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh)) ส่งผลให้มีพละกำลัง และแรงบิดสูงต่อเนื่อง ให้อัตราเร่งที่ดีขึ้นกว่าเดิมในทุกย่านความเร็ว มอเตอร์ไฟฟ้าเดินเงียบขึ้น และมาพร้อมเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ "อี-เพดดัล สเตป" (e-Pedal step) ที่ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ขับสามารถเร่ง หรือชะลอความเร็ว ได้เพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียวเท่านั้น ให้ความนุ่มนวลของการขับขี่ที่มากขึ้นกว่าเดิม
เทคโนโลยี e-POWER ในเจเนอเรชันที่ 2 นี้ Nissan ยังคงใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนรถ และใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.2 ลิตร ทำหน้าที่เสมือนเครื่องผลิตไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้ากำลังสูง ส่งเข้าแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ และยังใช้รถยนต์ได้เหมือนในชีวิตประจำวัน สิ่งที่แตกต่าง คือ ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก หรือการหาสถานีชาร์จเหมือนรถยนต์ไฟฟ้า 100 % แต่ยังได้ประสบการณ์ในด้านพละกำลัง และสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องแคล่ว ว่องไว เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า
ภายใต้ระบบ e-POWER เจเนอเรชันที่ 2 Nissan ได้ปรับปรุง และรวมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ไว้เป็นยูนิทเดียวกัน ทำให้ส่วนของ Inverter มีขนาดเล็กลงถึง 40 % และมีน้ำหนักลดลง 30 % และยังเพิ่มความจุแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (Lithium-ion battery) มากขึ้นเป็น 2.06 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) (จากเดิมขนาด 1.57 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh)) ทำให้เครื่องยนต์มีการทำงานเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าน้อยครั้งลง ลดแรงสั่นสะเทือน และเสียงรบกวนจากการสตาร์ทของเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น
เครื่องยนต์สันดาปภายในของระบบ e-POWER ได้ถูกกำหนดให้มีการทำงานในรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมที่สุดในการผลิตกระแสไฟฟ้า ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดีขึ้น โดยยังคงใช้เครื่องยนต์ HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบแถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ต่อพ่วงไปยังส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่สำคัญๆ อาทิ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ที่ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) มีแรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร (Nm) และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาด 2.06 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) มีจำนวน 4 โมดูล 96 เซลล์ ช่วงให้เร่งความเร็วได้ราบรื่น ให้ความเงียบ และการประหยัดน้ำมันที่มีประสิทธิภาพ ด้วยอัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ยถึง 23.8 กม./ลิตร (ตัวเลขการขับขี่ในเมือง 26.3 กม./ลิตร)
ปรับปรุงโหมดการขับขี่ และโหมดขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
Normal mode
เป็นโหมดการขับขี่แบบทั่วไป ที่ให้อัตราเร่งความเร็ว รวมถึงการใช้งานเหมือนขับขี่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆ ไป มีโหมด D สำหรับการขับขี่ปกติ และ B เป็นโหมดสำหรับเพิ่มแรงหน่วงขณะลดความเร็ว ลดการใช้ผ้าเบรค และสร้างกระแสไฟฟ้ากลับคืนได้มากขึ้น
Sport mode
เป็นโหมดสำหรับเพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อน ตอบสนองอัตราเร่งได้ฉับไวขึ้น รวมถึงการหน่วงในการชะลอความเร็ว
ECO mode
เป็นโหมดที่เน้นการออกตัวที่นุ่มนวล ปรับการทำงานของระบบ e-POWER ให้ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองลง ทำให้เครื่องยนต์ และพลังงานไฟฟ้า มีประสิทธิภาพสูงสุด
EV mode
โหมดที่ปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบทเตอรี โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงาน จนกระทั่งพลังงานในแบทเตอรีอยู่ในระดับต่ำ เป็นโหมดที่สัมผัสได้ถึงความเงียบ
ปรับปรุงระบบคันเร่งอัจฉริยะ พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น e-Pedal Step
เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเร่ง และลดความเร็วเพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียวเท่านั้น ทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ Sport Mode และ ECO Mode (ทั้งตำแหน่ง D และ B) เมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าจากคันเร่ง รถจะชะลอความเร็วลงอย่างนุ่มนวล โดยความเร็วจะลดลงต่ำสุด 5 กม./ชม. (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุก และความลาดชันของทางที่ขับขี่) ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น เช่น การกะระยะห่างระหว่างรถคันหน้า การชะลอเมื่อลงเขา หรือ เมื่อเจอลูกระนาดในเขตชุมชน และยังช่วยให้ผู้ขับขี่มีความสนุก มั่นใจมากขึ้นด้วยการชะลอความเร็วอย่างนุ่มนวลขณะทำการเข้าโค้ง นอกจากนี้ ขณะที่ e-Pedal Step ทำงาน เครื่องจะสามารถชาร์จไฟกลับเข้าแบทเตอรีขณะลดความเร็ว เมื่อมีการยก หรือถอนเท้าออกจากคันเร่ง
2. เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ "Autech" เป็นครั้งแรกใน Nissan Kicks e-POWER 2022 ใหม่
Nissan ได้เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ "Autech" เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยรุ่น Autech ถือเป็นรุ่นสูงสุดในรุ่น ที่ขายในประเทศญี่ปุ่น ที่ดูเท่ สปอร์ท หรู ถูกใจคนรุ่นใหม่ กับดีไซจ์นภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยว ตกแต่งด้วยสีทูโทน หลังคาสีดำ มาพร้อมชุดแต่งสีเงินเมทัลลิครอบคัน และภายในห้องโดยสารที่ยกระดับความหรูหราด้วยคอนโซลกลาง และคันเกียร์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ในโทนสีดำ พร้อมเพิ่มวัสดุบุนุ่ม ที่จุดสัมผัสต่างๆ และเสริมการตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Autech
Nissan Kicks e-POWER เป็นรถยนต์รุ่นแรกในประเทศไทย ที่มีรุ่นพิเศษ Autech Version โดย Autech Japan, Inc) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Nissan Motor ที่มีชื่อเสียงในด้านงานออกแบบสไตล์สปอร์ทพรีเมียม ด้วยความใส่ใจในรายละเอียด และการคัดเลือกวัสดุที่นำมาใช้ตกแต่งรถยนต์ Nissan และ Autech ทำงานร่วมกับฐานการผลิต Nissan ในประเทศต่างๆ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศ ทำให้การออกแบบรถยนต์ Nissan รุ่น Autech มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นที่ถูกใจของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ด้านการออกแบบภายนอก ยังคงรูปลักษณ์ความสปอร์ท เท่ หรู สไตล์พรีเมียมทูโทน ของรุ่น Autech ด้วยสีหลังคาดำเงา และการออกแบบแนวเส้นหลังคาแบบทรงลอยตัว (Floating Roof Line) เสริมให้รูปลักษณ์ภายนอกมีพลัง และความแกร่ง เติมความสปอร์ทพรีเมียมด้วยกระจังหน้าแบบ V-Motion พร้อมไฟหน้า และไฟตัดหมอกแบบ LED วัสดุตกแต่งไฟตัดหมอกคู่หน้ารับกับสเกิร์ทหน้าใหม่ สีเงินเมทัลลิค ทำให้ดูโฉบเฉี่ยว
เช่นเดียวกับด้านข้าง ที่มาพร้อมสเกิร์ทข้างใหม่ สีเงินเมทัลลิค กระจกมองข้างสีเงินเมทัลลิคพร้อมไฟเลี้ยว LED และล้ออัลลอยดีไซจ์นใหม่ สีดำเงา ขนาด 17 นิ้ว เพิ่มความทันสมัยมากยิ่งขึ้น สำหรับด้านท้ายมาพร้อมไฟท้ายแบบ LED ทรงบูเมอแรง และวัสดุตกแต่งประตูท้ายใหม่ (New Rear Finisher Panel) กันชนหลังตกแต่งด้วยสเกิร์ทหลังใหม่สีเงินเมทัลลิค
ภายในห้องโดยสาร ออกแบบด้วยโทนสีดำ ตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน สอดคล้องกับคอนโซลหน้า ขณะที่คอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ เดินด้ายสีน้ำเงินที่ตัดกันอย่างลงตัว เสริมด้วยวัสดุสีดำเงา เพียโน บแลค ช่วยเพิ่มอารมณ์สปอร์ท สำหรับ Nissan Kicks e-POWER ใหม่ ทุกรุ่นมาพร้อมพวงมาลัยหุ้มด้วยหนังแท้ และคอนโซลกลางใหม่
ที่ถูกออกแบบให้พอดีกับการตอบรับทางสรีรศาสตร์ เพื่อประสบการณ์การขับขี่สุดพรีเมียม ทำให้ดูโดดเด่นสะดุดตา พร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT อัจฉริยะ ขนาด 7 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบ และเพิ่มฟังค์ชันการแสดงสถานะไฟเบรคระหว่างใช้ระบบ e-Pedal Step
หัวเกียร์ดีไซจ์นใหม่ทันสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เพียโน บแลค พร้อมไฟตกแต่งที่ขอบ ทำให้มองเห็นชัดเจน สะดวกสบาย ง่ายต่อการใช้งาน นอกจากนี้ ยังเพิ่มวัสดุบุนุ่มภายในถึง 3 จุด คือ ที่เท้าแขนตรงคอนโซลกลาง ขอบเบาะนั่ง และช่องเก็บของด้านหน้า ให้ผู้ขับขี่พักแขนได้อย่างสบาย ลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ทางไกล หรือเมื่อรถติด
และเพิ่มขนาดพื้นที่วางแก้วน้ำตอนหน้า 2 ตำแหน่ง ที่สามารถปรับระดับ และขนาด เพื่อรองรับแก้วทรงสูงที่มีขนาดใหญ่ และแก้วกาแฟร้อนทรงเตี้ยได้เป็นอย่างดี
3. เพิ่ม 2 เทคโนโลยีความปลอดภัย และความสบายใหม่ ใน Nissan Kicks e-POWER 2022 ใหม่
เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงรอบคัน 360° Safety Shield ใน Nissan Kicks e-POWER ใหม่ ยังคงครบครัน โดยได้เพิ่ม 2 เทคโนโลยีใหม่ ดังนี้
1. เทคโนโลยีแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ Lane Departure Warning (LDW)
ใน Nissan Kicks e-POWER ใหม่ เพิ่มเทคโนโลยี LDW เข้ามาเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาแนวการเดินรถในช่องทาง และจะแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ เมื่อขับขี่ในระดับความเร็วสูงกว่า 70 กม./ชม.
2. ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist-HBA)
ที่จะปรับระดับการส่องสว่างของไฟหน้า พร้อมตรวจจับ และตอบสนองความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของรถที่วิ่งสวนทางแบบอัตโนมัติ
เทคโนโลยี Nissan 360° Safety Shield ยังคงครบครัน อาทิ เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control-ICC)
เทคโนโลยีนี้ควบคุมความเร็วที่สั่งการได้อัตโนมัติ และช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ เมื่อรถคันหน้าลดความเร็วลง ระบบจะรักษาระยะห่างระหว่างกับรถคันหน้าตามที่ตั้งค่าไว้ได้เองโดยอัตโนมัติ จนถึงระดับรถหยุดนิ่งภายใน 2 วินาที และเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว ระบบจะปรับความเร็วขึ้นเองโดยอัตโนมัติกลับไปสู่ความเร็วที่ผู้ขับได้ตั้งไว้ และสามารถตั้งค่าระยะห่างจากรถคันหน้าได้ถึง 3 ระดับ
เทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning-IFCW)
เทคโนโลยีจะส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด หากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า
เทคโนโลยีช่วยเบรคฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking-IEB)
ระบบจะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ โดยจะช่วยวิเคราะห์ระยะห่าง และความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อช่วยชะลอความเร็ว และหยุดรถเพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดจากอุบัติเหตุ
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning-BSW)
เทคโนโลยีเตือนอัจฉริยะนี้ จะทำให้ทุกการขับขี่ของคุณมั่นใจยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อเปลี่ยนช่องทางการขับขี่ ทันทีที่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบจะส่งเสียงพร้อมไฟกะพริบเตือนให้รู้ล่วงหน้าว่าขณะนั้น มีรถคันอื่นอยู่ในช่องทางขับขี่ด้านข้าง ในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่มองไม่เห็น
เทคโนโลยีเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert-RCTA)
ขณะเข้าเกียร์ถอยหลัง หากระบบตรวจพบรถที่กำลังเคลื่อนเข้ามาทางด้านหลังทั้งซ้าย และขวา จะส่งสัญญาณเตือนพร้อมไฟกะพริบเตือนในด้านเดียวกันกับที่มีรถเคลื่อนที่เข้ามา
เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor-AVM) และเทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection-MOD)
เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน กล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอระบบสัมผัส 8 นิ้ว ซึ่งช่วยให้การจอดรถง่าย และปลอดภัยขึ้น และยังทำงานร่วมกับเทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection (MOD) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคล หรือวัตถุที่จับการเคลื่อนไหวได้
เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror-IRVM)
กระจกมองหลังของ Nissan Kicks e-POWER ใหม่ มีหน้าจอ LCD ที่แสดงภาพจากกล้องด้านหลังตัวรถ โดยภาพบนจอจะช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นทัศนวิสัยด้านหลังได้ในมุมที่กว้างขึ้น ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนระหว่างจอแสดงภาพจากกล้อง หรือจากกระจกได้ เพื่อช่วยให้เห็นสภาพการจราจรด้านหลังได้อย่างชัดเจนที่สุด เทคโนโลยี IRVM นี้ช่วยเสริมความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการขับขี่ในกรณีที่มีการบรรทุกสัมภาระ หรือมีผู้โดยสารนั่งด้านหลัง
เทคโนโลยีช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist-HSA)
เมื่อขับรถขึ้นบนทางลาดชัน ระบบจะช่วยป้องกันไม่ไห้ตัวรถไหลลงขณะออกตัว เมื่อยกเท้าออกจากแป้นเบรค ระบบจะสั่งให้เบรคทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเหยียบคันเร่ง และออกตัวอย่างนุ่มนวล
Nissan Kicks e-POWER ใหม่ ยังประกอบด้วย ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่
เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control-VDC)
เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ ควบคุมการชะลอความเร็ว รวมถึงการตอบสนองของกำลังเครื่องยนต์ ช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัวของรถขณะหักหลบกะทันหัน ให้ความมั่นใจ ตอบสนองทุกการขับขี่อย่างฉับไว ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสถานการณ์คับขัน
เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Intelligent Trace Control-ITC)
ระบบจะช่วยตรวจสอบ และแก้ไขการบังคับเลี้ยว หรือการเร่ง ซึ่งจะช่วยปรับ และควบคุม และเบรคล้อทั้ง 4 ให้เป็นไปตามพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ที่ง่ายต่อการควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง โดยระบบจะประเมินจากพฤติกรรมการขับขี่ ทั้งการบังคับพวงมาลัย การเบรค และการเร่งความเร็ว
6 ถุงลมนิรภัย SRS
ถุงลมนิรภัย 6 จุด ประกอบด้วย ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านหน้าฝั่งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร, ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้างฝั่งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร และถุงลมเสริมความปลอดภัยม่านด้านข้างซ้าย และขวา เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งในทุกรุ่นของ Nissan Kicks e-POWER ใหม่
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts)
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าสามารถปรับระดับได้ตามขนาดร่างกายของผู้โดยสารแต่ละคน เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า ELR แบบ 3 จุด ELR และสามารถดึงกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติ เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลัง ELR แบบ 3 จุด 3 ตำแหน่งที่นั่ง เสริมความปลอดภัยด้วยจุดยึดเบาะที่นั่งเด็กแบบ ISOFIX เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารที่เป็นเด็ก
ระบบเบรค ABS, EBD และ BA
ระบบเบรคป้องกันล้อลอค (Anti-lock Braking System-ABS) ระบบกระจายแรงเบรค (Electric Brake Force Distribution System-EBD) ระบบเสริมแรงเบรค (Brake Assist-BA) ระบบเบรคไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบหยุดรถอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) และไฟเบรคดวงที่ 3 พร้อมไฟ LED สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
NissanConnect ระบบอินโฟเทนเมนท์สนองไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ทันสมัย
- สำหรับรุ่น V, VL และ Autech ระบบอินโฟเทนเมนท์ NissanConnect สามารถรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto และ Apple CarPlay เพื่อใช้งานแอพพลิเคชันในมือถือผ่านจอเครื่องเสียงรถยนต์ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว (สำหรับรุ่น V ขึ้นไป) และระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ AUX-in พร้อมระบบนำทาง (Navigation System) ผ่าน Google Map และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition) พร้อมกับลำโพงคุณภาพสูง 6 ตำแหน่ง เพื่อความเพลิดเพลินในทุกการเดินทาง
- ในรุ่น E เป็นระบบเครื่องเสียงมาตรฐาน วิทยุ AM/FM พร้อมการเชื่อมต่อบลูทูธ USB และ AUX-in และลำโพงคุณภาพสูง 4 ตำแหน่ง
ความสะดวกสบาย และอรรถประโยชน์
Nissan Kicks e-POWER ใหม่ ยังให้ความสะดวกสบาย และการใช้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร โดยมาพร้อมอุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ดังนี้
- พวงมาลัยสปอร์ทหุ้มด้วยหนังแท้แบบมัลทิฟังค์ชัน ทรง D-Shape ปรับสูง-ต่ำได้ สามารถควบคุมระบบการทำงานของเครื่องเสียง และระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส
- กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key I-Key) พร้อมทั้งระบบ Immobilizer
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button)
- เบาะนั่งด้านคนขับสามารถปรับระดับเพื่อความเหมาะสมกับขนาดร่างกาย ขณะที่ด้านหลังที่นั่งมีช่องเก็บของอเนกประสงค์
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ให้ความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง
- กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ
- ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้า และหลัง 4 ตำแหน่ง และกล่องเก็บของด้านหน้า
- ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร และไฟห้องสัมภาระด้านท้าย
- ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง และระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
นอกจากนี้ ยังเข้าใจในไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่รักการเดินทาง Nissan Kicks e-POWER 2022 ใหม่ จึงปรับที่วางแก้วเครื่องดื่มใหม่ ให้สามารถรองรับแก้วเครื่องดื่มทุกขนาด ทุกรูปแบบที่มีอยู่ในตลาด หยิบจับได้ง่าย ไม่หกเลอะเทอะ และที่เก็บสัมภาระด้านหลังรถกว้างขวางมากขึ้น จุดสัมภาระได้ถึง 423 ลิตร หรือสามารถบรรทุกกระเป๋าเดินทางใหญ่ 30 นิ้ว 2 ใบ ได้สบายๆ รวมถึงสามารถปรับเปลี่ยนการวางสัมภาระได้หลายรูปแบบ ที่นั่งตอนหลังสามารถพับแยกแบบ 60:40 และพับราบ เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างลงตัว
นอกจากนี้ Nissan Kicks e-POWER 2022 ใหม่ ยังคงความปลอดภัย และความแข็งแกร่ง บนพื้นฐานโครงสร้างตัวถัง Zone body Concept อันเป็นมาตรฐานของ Nissan ด้วยโครงสร้างตัวถังรถที่ถูกสร้างให้สามารถดูดซับพลังงาน รับแรงกระแทก โดยมีขนาดตัวถังในรุ่นมาตรฐาน ยาว 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. และสูง 1,610 มม. ระยะฐานล้อ 2,615 มม. รัศมีวงเลี้ยว 5.1 ม. มาพร้อมพวงมาลัยระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า ทำให้รถมีความคล่องตัวในทุกสภาพเส้นทาง
Nissan Kicks e-POWER 2022 ใหม่ มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แก่
Autech ราคา 949,000 บาท
VL ราคา 899,000 บาท
V ราคา 829,000 บาท
E ราคา 759,000 บาท
โดยมี 7 สีภายนอก ได้แก่
สีน้ำเงินไนท์บลู (Night Blue)
สีเทากันเมทัลลิค (Gun Metallic)
สีขาวสตอร์มไวท์ (Storm White)
สีดำบแลคสตาร์ (Black Star)
สีแดงเรเดียนท์เรด (Radiant Red)
สีส้มโมนาร์ช (Monarch Orange)
และสีเงินบริลเลียนท์ซิลเวอร์ (Brilliant Silver)
นอกจากนี้ ยังนำเสนอสีทูโทน ที่เป็นทางเลือกใหม่ ให้ความรู้สึกหรูหรามากขึ้น ด้วยหลังคาแบบลอยตัวสีดำ โดดเด่นสะกดทุกสายตา ซึ่งมีให้เลือกเฉพาะในรุ่น VL และรุ่น Autech โดยในรุ่น VL มีสีภายนอกแบบทูโทน 4 สี ได้แก่ สีส้มโมนาร์ช สีแดงเรเดียนท์เรด สีเทากันเมทัลลิค และสีขาวสตอร์มไวท์ ขณะที่รุ่น Autech มี 4 สีภายนอก โดยเป็นสีทูโทน ที่มาพร้อมหลังคาสีดำ 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงินไนท์บลู สีเทากันเมทัลลิค สีขาวสตอร์มไวท์ และสีโมโนโทน สีดำ บแลคสตาร์
ABOUT THE AUTHOR
วิธวินท์ ไตรพิศ
ดูคุณพ่อจนขับรถได้ตั้งแต่ 8 ขวบ หลงใหลยานยนต์ จนได้วุฒิ Automotive Engineering ติดตัว ปัจจุบันเป็น บก.นักเขียน นักทดสอบรถ และ Instructor ที่พร้อมถ่ายทอดความรู้ แบบไม่มีกั๊ก !
คอลัมน์ Online : รถล่าสุด (บก. ออนไลน์)