ธุรกิจ
เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิสฯ เจาะลึก Flying Spur Mulliner Hybrid
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Bentley อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พาเจาะลึกอัครยนตรกรรมสปอร์ทซีดานเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ Bentley Flying Spur Mulliner Hybrid อัครยนตรกรรม 4 ประตูตัวทอพ ที่สุดจากค่ายผู้ผลิตยนตรกรรมหรูแห่งเมืองผู้ดี ที่มาพร้อมการตกแต่งภายนอก และภายในแบบเฉพาะตัว อันเป็นเอกลักษณ์ ประณีต และงดงามจาก Bentley Flying Spur Mulliner Hybrid เปิดสั่งจองราคาเริ่มต้น 19 ล้านบาท
Flying Spur Mulliner Hybrid ถูกรังสรรค์ และพัฒนาขึ้นโดย Bentley Mulliner ด้วยการออกแบบ การวางระบบ และการประกอบด้วยช่างฝีมือระดับปรมาจารย์ในสหราชอาณาจักร โดย Flying Spur Mulliner Hybrid เปิดตัวในฐานะอัครยนตรกรรมรุ่นเรือธงของ Bentley ที่พร้อมจะดึงดูดผู้ที่หลงใหลในรายละเอียด ความประณีต และความหรูหราขั้นสุด อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โด่ดเด่นของ Bentley Mulliner พร้อมความสามารถในการลดการปล่อยมลพิษโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพในการขับขี่ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินรุ่น V6 ทวินเทอร์โบชาร์จ ขนาดความจุกระบอกสูบ 2.9 ลิตร กับ มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 100 กิโลวัตต์ มอบพละกำลังสูงสุด 536 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตัน-เมตร และอัตราเร่งที่ตอบสนองอย่างง่ายดาย ควบคู่ไปกับความสามารถในการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 285 กม./ชม.
E-motor มอเตอร์อีเลคทรอนิคส์ เทคโนโลยีล่าสุดติดตั้งอยู่ระหว่างเกียร์อัตโนมัติ และเครื่องยนต์ ผลิตพละกำลังสูงสุด 134 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ด้วยพลังงานจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาด 18.9 กิโลวัตต์ และสามารถชาร์จไฟได้ 100 % ในระยะเวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับแต่ละภูมิภาค) พร้อมอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์แปลงพลังงานที่เก็บไว้จากแบทเตอรีแรงสูง เพื่อจ่ายให้แก่ E-motor หรือเสริมกับอุปกรณ์ประจุไฟฟ้าของรถยนต์ขนาด 12 วัตต์
สำหรับในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจะสามารถลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารได้กว่า 50 % เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาป ผู้โดยสารจึงสัมผัสได้ถึงความเป็นส่วนตัว และความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร
โดยเมื่อเทียบกับอัครยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์รุ่น Bentayga Hybrid รุ่น Flying Spur Mulliner Hybrid สามารถผลิตพละกำลังเพิ่มขึ้นกว่า 80 แรงม้า และถือเป็นอัครยนตรกรรมสปอร์ทซีดานที่ได้รับการรับรองว่ามีประสิทธิภาพในการประหยัดเชื้อเพลิง และมีอัตราการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำที่สุดในปัจจุบัน โดยมีค่าเฉลี่ยการปล่อย CO2 เพียง 75 กรัม/กม. เท่านั้น ในขณะที่ Bentayga Hybrid มีค่าเฉลี่ยการปล่อย CO2 อยู่ที่ 78 กรัม/กม.
Flying Spur Mulliner Hybrid ได้แสดงให้เห็นว่าระบบไฮบริดไม่ได้ลดทอนความหรูหรา หรือสมรรถนะของเครื่องยนต์แต่ประการใด แต่ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายใน และมอเตอร์ไฟฟ้า จึงทำให้สัมผัสได้ถึงความเงียบสงบในทุกรูปแบบของการขับขี่ และตัวรถยังได้รับการออกแบบให้เป็นอัครยนตรกรรมที่เหมาะสำหรับทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ห้องโดยสารที่หรูหราแบบร่วมสมัยได้ยกระดับการผสมผสานองค์ประกอบหลักจากดีเอนเอของ Bentley เข้ากับเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และงานฝีมือที่ดีที่สุดของโลก ประกอบกับรายละเอียดที่พิถีพิถัน พื้นผิวแกะสลัก และลวดลายเส้นสายอันร่วมสมัยที่จะทำให้ผู้ครอบครองสัมผัสได้ถึงประสบการณ์สุดพิเศษไปตลอดเส้นทาง
การออกแบบภายนอกของ Flying Spur Mulliner Hybrid ที่ถูกบรรจงรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต ประกอบด้วย ตัวเลือกเฉดสี Mulliner ที่มีให้เลือกสรรกว่า 16 เฉดสีมาตรฐาน ล้ออัลลอยแบบ Mulliner ขนาด 22 นิ้ว อันเป็นเอกลักษณ์ในเฉดสีเทาเคลือบเงา มาพร้อมตัวยึดโลโกรูปตัว "B" กึ่งกลางล้อจาก Mulliner เพื่อให้โลโกรูปตัว "B" ตั้งตรงตลอดเวลาขณะรถเคลื่อนที่ กระจังหน้าออกแบบด้วยลวดลายเพชรแบบ 2 ชั้น (Double Diamond) และกระจังหน้าด้านล่างแบบโครเมียมที่เข้ากันได้อย่างลงตัวกับช่องระบายอากาศด้านข้างที่ตกแต่งด้วยลวดลายเพชรแบบ 2 ชั้น และตัวอักษร "Mulliner" พร้อมฝาครอบกระจกข้างเฉดสีเงินซาติน โดยมี Bentley Flying "B" Mascot สัญลักษณ์ของ Bentley ที่มีเฉพาะรุ่น Flying Spur เท่านั้น ติดตั้งบริเวณด้านหน้าของฝากระโปรง และสามารถเรืองแสง พร้อมคุณสมบัติควบคุมการขึ้น/ลงจากภายในห้องโดยสารด้วยระบบอีเลคทรอนิคส์ พร้อมเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยการตกแต่งฝาครอบปิดถังน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยโลโกรูปตัว "B"
สำหรับภายในห้องโดยสารของ Flying Spur Mulliner Hybrid ได้ถูกรังสรรค์ด้วยอักษร "Mulliner" แบบเรืองแสงบริเวณกาบประตู และไฟต้อนรับแบบ LED ส่องสว่างลงด้านล่างเมื่อเปิดประตูห้องโดยสาร พร้อมการนำเสนอการผสมผสานของ 3 เฉดสี แบบสั่งทำพิเศษถึง 8 แบบจาก Mulliner และคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยไม้วีเนียร์แบบ Grand Black สลักด้วยตัวอักษร Mulliner พร้อมสัมผัส Mood Lighting Specification ระบบไฟที่มอบหลากหลายเฉดสีภายในห้องโดยสาร ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เพื่อเพิ่มบรรยากาศความสุนทรีย์ภายในห้องโดยสาร พร้อมการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยการเดินเส้นสีที่เน้นความเข้มของลายเส้น และการปักอักษร Mulliner อันเป็นเอกลักษณ์บนเบาะโดยสาร
Mulliner Driving Specification ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยนำการเย็บลวดลายแบบเพชรซ้อนเพชร (Diamond-in-Diamond) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ระยะเวลากว่า 18 เดือนในการพัฒนา โดยเพชรแต่ละเม็ดจะประกอบด้วยกว่า 712 ฝีเข็ม มาใช้ในการตกแต่งบนเบาะโดยสาร และการตกแต่งด้วยการใช้หนังแบบ 3 มิติที่บริเวณประตูห้องโดยสารทั้ง 4 ประตู โดยลายเส้นของเบาะโดยสารแบบตัดกันจะเข้ากันได้ดีกับการเน้นลายเส้นที่ล้อมรอบห้องโดยสารจากบริเวณคอนโซลกลาง รอบแผงหน้าปัด และบริเวณประตูห้องโดยสาร ซึ่งจะทำให้สัญลักษณ์ Bentley B แบบโครเมียม บริเวณประตูห้องโดยสารโดดเด่นยิ่งขึ้น
งานฝีมือแบบร่วมสมัย และความหรูหราที่สะกดทุกสายตา ผสมผสานกับเทคนิคพิเศษรังสรรค์ลวดลายเสมือนเพชรบนคอนโซลกลาง และคอนโซลหลัง ส่วนบริเวณตรงกลางแดชบอร์ดข้างช่องแอร์ตกแต่งด้วยนาฬิกา Breitling for Mulliner แบบแอนาลอกหน้าปัดสีเงินสุดเอกซ์คลูซีฟที่จะมีตกแต่งเฉพาะรุ่น Flying Spur Mulliner Hybrid เท่านั้น
อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของ Flying Spur Mulliner Hybrid ยังคงเป็นแผงหน้าปัดแบบ LED พร้อมกราฟิค Mulliner แบบใหม่ที่มีสไตล์เฉพาะตัว ผนวกเข้ากับหน้าจอ Infotainment แบบหมุนได้ 3 ด้าน อย่าง Bentley Rotating Display อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งประกอบด้วย แผงลายไม้วีเนียร์แบบเรียบหรู หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบอเนกประสงค์ และมาตรวัดแบบแอนาลอก 3 ช่องสุดคลาสสิค ที่แสดงผลของอุณหภูมิ เข็มทิศ และนาฬิกา มาพร้อมกับคันเร่งแบบสปอร์ท พวงมาลัยแบบดูโอโทน 3 ก้านสไตล์สปอร์ทแบบปรับอุณหภูมิได้ และซันรูฟแบบพาโนรามา ช่วยเพิ่มบรรยากาศความหรูหราภายในห้องโดยสาร
Flying Spur Mulliner Hybrid ยังมอบความสะดวกสบายพร้อมความหรูหราภายในห้องโดยสารด้านหลังด้วยโต๊ะไม้วีเนียร์แบบพับจาก Mulliner ที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ติดตั้งบริเวณด้านหลังของเบาะโดยสารคู่หน้า โดยสามารถกางออกได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว และสามารถปรับระดับด้วยตัวเอง เพื่อเผยให้เห็นพื้นผิวที่ตกแต่งด้วยหนังแท้ พร้อมช่องสำหรับวางปากกา โดยผู้โดยสารสามารถกดปุ่มค้างไว้เพื่อให้โต๊ะกลับสู่ตำแหน่งเดิมได้อย่างสวยงาม
สำหรับเทคโนโลยีภายในห้องโดยสาร Flying Spur Mulliner Hybrid มอบการเชื่อมต่อสู่โลกแห่งดิจิทอลในทุกมิติด้วย Apple CarPlay พร้อมควบคุมระบบความบันเทิงด้านหลังด้วยรีโมทคอนทโรลแบบสัมผัส ที่จะช่วยให้ผู้โดยสารสัมผัสได้ถึงสุนทรียภาพภายในห้องโดยสารจากชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bentley Standard Audio System ขนาด 650 วัตต์ เครื่องขยายเสียง 11 ช่อง 10 ลำโพง พร้อมระบบช่วยเหลือในการขับขี่แบบ Touring และ City Specification
สำหรับออพชันเด่นของ Flying Spur Mulliner Hybrid คือ ระบบความบันเทิงสำหรับห้องโดยสารด้านหลังรูปแบบใหม่ มอบสุดยอดประสบการณ์ความบันเทิงด้วยหน้าจอแบบสัมผัสความละเอียดสูง 1,920x1,080 พิกเซล ขนาด 10.1 นิ้ว จำนวน 2 จอ ติดตั้งบริเวณด้านหลังของเบาะโดยสารคู่หน้า ทำงานร่วมกับระบบเครื่องเสียง Naim for Bentley ระดับไฮเอนด์ ขนาด 2,200 วัตต์ ซึ่งถือเป็นแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำระดับโลก และถือเป็น Bentley’s Global Audio Partner ที่ได้มอบสุดยอดระบบความบันเทิงภายในห้องโดยสารของอัครยนตรกรรม Bentley โดยสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนตัวด้วยเทคโนโลยีบลูทูธ เพื่อเชื่อมคุณเข้าสู่โลกแห่งความบันเทิงตลอดการเดินทาง
ผู้ครอบครอง Flying Spur Mulliner Hybrid จะได้รับซองใส่กุญแจหนัง พร้อมกล่องกุญแจ Mulliner ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเข้ากับห้องโดยสารด้วยตัวเลือก 3 เฉดสีให้เลือกสรร โดยกุญแจทั้ง 2 ดอกจะถูกจัดเตรียมไว้ในกล่องอย่างสวยงาม
เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิสฯ มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดในการครอบครอง Bentley Flying Spur Mulliner Hybrid ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 19 ล้านบาท พร้อมการรับประกันแบทเตอรีไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันจากโรงงานผู้ผลิตฯ พร้อมตัวเลือกสำหรับแผนต่อระยะเวลาการรับประกันจากโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี และผู้ช่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชม. นาน 3 ปีเต็ม
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/421043