ทดสอบ
พิสูจน์ความแกร่ง Next-Gen Ranger Raptor ในออสเตรเลีย ที่สุดของรถกระบะ
autoinfo.co.th เดินทางลัดฟ้าไปร่วมทดสอบ Next-Gen Ford Ranger Raptor ที่เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย เพื่อพิสูจน์สมรรถนะกระบะพันธุ์แกร่ง ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ตั้งแต่เคยมีมา
การทดสอบ Next-Gen Ranger Raptor ครั้งนี้ จัดขึ้นที่เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย โดยทดสอบกันในอาณาเขตของไร่องุ่นเซอร์โรเมต์ (Sirromet Winery) ที่โอบล้อมไปด้วยทัศนียภาพของป่าไม้บนอ่าวโมเรตัน ณ ใจกลางของควีนส์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ บนเนื้อที่กว่า 560 เอเคอร์ และยังเป็นแหล่งที่สามารถเห็นวัลลาบีจำนวนมาก วิ่งเล่นกันในพื้นที่ของไร่องุ่นอีกด้วย
กิจกรรมเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า โดยได้รับเกียรติจาก เดฟ เบิร์น (Dave Burn) หัวหน้าวิศวกรโครงการวิศวกรรม และการปรับแต่งยานยนต์พิเศษ ของทีม Ford Performance ที่ดูแลการพัฒนารถ Ford Ranger Raptor ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และประจำการอยู่ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย มาเล่าให้เราฟังถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Next-Gen Ford Ranger Raptor
Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันที่ 2 นี้ ได้รับการพัฒนาโดยทีมออกแบบจากประเทศออสเตรเลีย ที่มี Ford Performance DNA เป็นตัวขับเคลื่อนในด้านสมรรถนะ จากเทคโนโลยีที่ชาญฉลาด และฮาร์ดแวร์แห่งอนาคต ทำให้ Next-Gen Ranger Raptor นับเป็นรถกระบะที่สมบูรณ์แบบที่สุด เท่าที่เคยมีมา
Next-Gen Ranger Raptor ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดุดัน สมกับสมรรถนะที่ได้รับการยกระดับไปอีกระดับ ตั้งแต่ซุ้มล้อที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มความกว้างของรถ สิ่งที่สะดุดตา คือ การดีไซจ์นไฟหน้ารูปตัว C ซึ่งมาจาก DNA C-clamp ของรถบรรทุก Ford ตัวอักษร F-O-R-D ตัวหนาบนกระจังหน้า และกันชนที่เป็นอิสระจากกระจังหน้า
ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Day-time running lights) แบบ LED ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่องสว่างขึ้นอีกระดับ โดดเด่นด้วยไฟเลี้ยวแบบไดนามิค ไฟสูงแบบตัดแสง และการปรับระดับแสงแบบอัตโนมัติ เพื่อให้แสงสว่างที่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ รวมถึงผู้สัญจรที่ขับสวนทางมา
ล้อแมกของ Ranger Raptor รุ่นใหม่นี้ใน Australian Spec มีให้เลือก 2 ลาย (ในประเทศไทยมีลายเดียว) โดยทุกลายมีขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยาง All Terrain ยี่ห้อ BFGoodrich รุ่น KO2 ให้ความเท่ และดุดัน
มีช่องลมที่โป่งแก้มบังโคลน นอกจากความเท่แล้ว ยังมีประโยชน์ด้านอากาศพลศาสตร์ เช่นเดียวกับบันไดข้างดีไซจ์นใหม่ ทำจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง ช่วยเสริมรูปลักษณ์ และฟังค์ชันการใช้งาน
ด้านหลังใช้ไฟท้ายแบบ LED กลมกลืนกับไฟหน้า กันชนหลังสีเทาเข้มมีบันไดเหยียบเพื่อขึ้นกระบะท้าย และชุดลากในตัว ที่ติดตั้งในตำแหน่งสูงเพื่อเพิ่มมุมจาก โดย Australian Spec มีระบบ Trailering Control พร้อมสวิทช์ (+/-) ควบคุมแรงเบรคมาให้, ระบบ BLIS with Trailer Tow Function (ระบบเตือนมุมอับสายตา ที่เพิ่มไปถึงทเรเลอร์ท้ายด้วย) โดยทุกคันติดตั้งคาน และชุดต่อทเรเลอร์ด้านท้าย และปลั๊กต่อไฟ และระบบเบรคเป็นมาตรฐาน
การออกแบบภายในยังคงสื่อถึงพลัง และความดุดันของการเป็นตัวลุยสมรรถนะสูง เช่นเดียวกับการออกแบบตัวถังภายนอก ห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด เบาะนั่งแบบสปอร์ทที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินขับไล่ ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง มอบทั้งความสบาย และกระชับ แม้รถวิ่งด้วยความเร็วบนทางโค้ง
การตกแต่งรายละเอียดด้วยสีส้มบนแผงหน้าปัด การตัดขอบชิ้นส่วนหลักๆ ในห้องโดยสาร รวมถึงบนเบาะที่นั่งแบบสปอร์ท ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นอีกเมื่อเปิดไฟส่องสว่างสีอำพัน ดูอบอุ่น และเพิ่มความหรูหราให้แก่ห้องโดยสาร พวงมาลัยหนังเกรดพรีเมียมจับกระชับมือ พร้อมแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย หรือ On-Centre Mark และแป้นแพดเดิล ชิฟท์เคลือบแมกนีเซียม
ห้องโดยสารของ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ ทำงานด้วยระบบดิจิทอลทั้งหมด ด้วยแผงหน้าปัดความชัดเจนสูงขนาด 12.4 นิ้ว และหน้าจอแบบสัมผัสตรงกลางขนาด 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อ และระบบความบันเทิงผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ระบบเสียง Bang & Olufsen 8 ตำแหน่ง ที่จะมอบประสบการณ์เสียงเหนือระดับ ระหว่างการขับขี่
Dave Burn กล่าวอีกว่า "เรามุ่งเน้นสร้างสรรค์ด้านสมรรถนะอย่างแท้จริง ทำให้ Ranger Raptor รุ่นใหม่ สามารถวิ่งด้วยความเร็วที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงใหม่ๆ นับเป็น Ford Tough Ranger ที่แข็งแกร่งที่สุด เท่าที่เราเคยสร้างมา"
หลังจากที่ได้สัมผัส สิ่งที่ผมประทับใจที่สุด คือ การเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์รุ่นใหม่ แบบเบนซิน V6 Twin Turbo EcoBoost ความจุ 3.0 ลิตร ซึ่งให้กำลังสูงสุดถึง 392 แรงม้า ที่ 5,650 รตน. โดยมีแรงบิดที่มหาศาลถึง 583 นิวตัน-เมตร ที่ 3,500 รตน. แถมมีการปรับแต่งจาก Ford Performance จึงให้กำลัง และแรงบิดที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ดีเซล Bi-Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ในปัจจุบัน อย่างชัดเจน
เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร วี 6 สูบ EcoBoost ใช้เสื้อสูบกราไฟท์ที่มีขนาดกะทัดรัด เมื่อเทียบกับเสื้อสูบเหล็กหล่อทั่วไปจะมีความแข็งแรงมากกว่าถึง 75 % และทนทานกว่าถึง 75 % โดยทีม Ford Performance ได้ออกแบบเพื่อให้เครื่องยนต์ตอบสนองกับการเร่งความเร็วได้อย่างฉับไว และมีระบบป้องกันการ lag ของเทอร์โบ ช่วยให้สามารถเร่งแซงได้ทุกความเร็วตามต้องการ
สถานี Off Road
หลังจากฟังบรรยายเสร็จ การทดสอบก็เริ่มขึ้น โดยแบ่งการทดสอบออกเป็น 3 รูปแบบ คือ Off Road, On Road และ Hi Speed ผมเลือกสถานี Off Road เป็นที่แรก เพื่อจะได้ปรับความรู้สึกให้คุ้นชินกับ Next-Gen Ranger Raptor จากช้า ไปเร็ว
การทดสอบ Ranger Raptor นี้เป็นการวิ่งในพื้นที่ของไร่องุ่นเซอร์โรเมต์ ที่สวยงาม ลัดเลาะไปตามไหล่เขาบนเนื้อที่กว่า 560 เอเคอร์ สภาพเส้นทางที่วิ่งไปมีทั้งขึ้น/ลงเนินชัน ลงน้ำ ผ่านร่องลึก และทุ่งหญ้าสวันนา ต้องยอมรับว่า Next-Gen Ranger Raptor ผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างสบาย
นับเป็นครั้งแรกที่ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบการขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ แบบตลอดเวลา โดยใช้ระบบเกียร์ไฟฟ้าใหม่ที่ปรับได้ 2 ระดับ และยังมาพร้อมระบบควบคุมเฟืองท้ายคู่หน้า และหลัง แบบ Locking Differentials ครั้งแรก เป็นอะไรที่ตอบโจทย์สายลุยสุดๆ
เราขับรถไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอสถานีเนินสลับซ้าย/ขวา ผมประทับใจกับระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ทางลุย (Trail Control) ที่ทำหน้าที่รักษาความเร็วให้คงที่อัตโนมัติ สำหรับการขับขี่ทางลุย ผมเลือกลอคความเร็วไว้ที่ 4 กม./ชม. รถจะควบคุมการเร่งความเร็ว และการเบรคให้อัตโนมัติ ผู้ขับเพียงจดจ่อกับการบังคับควบคุมพวงมาลัยเท่านั้นพอ
นอกจากนี้ ยังมีโหมดขับขี่ทางสมบุกสมบัน ตั้งแต่ "โหมดหิน" เพิ่มการยึดเกาะ และการทรงตัวบนพื้นผิวที่ลื่นไถลได้ดีขึ้น "โหมดทราย" สำหรับใช้ขับบนพื้นทราย หรือหิมะ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลัง และการเปลี่ยนเกียร์ "โหมดโคลน" เพิ่มศักยภาพในการยึดเกาะขณะออกตัว และรักษาการทรงตัวของรถ
นอกจากนี้ Ranger Raptor ใหม่ ยังติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถที่มีขนาดใหญ่เกือบ 2 เท่าของขนาดปกติ ที่ทำด้วยเหล็กที่มีความหนาถึง 2.3 มม. เมื่อประกอบเข้ากับแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์ และชุดเกียร์ จึงช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญ อาทิ หม้อน้ำ ระบบบังคับเลี้ยว คานด้านหน้า อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองได้อย่างดีทีเดียว ทำให้ผู้ขับลดความกังวลไปได้เยอะ
นอกจากนี้ ยังมีตะขอลากจูงคู่หน้า และหลัง จึงพร้อมลุยในเส้นทางสมบุกสมบันทุกสถานการณ์ เราสามารถเลือกใช้ตะขอใดตะขอหนึ่งเป็นจุดยึดสายลากจูงได้ ในกรณีที่ตะขออีกด้านเข้าถึงได้ยาก ขณะเดียวกันก็เพิ่มความสมดุลด้วยการใช้สายลากจูง 2 เส้น เพื่อดึงรถขึ้นจากหลุมทรายลึก หรือหล่มโคลน
สถานี On Road
การทดสอบต่อไปเป็นสถานี On Road โดยจะออกไปวิ่งบนถนนหลวง ระยะทางไป/กลับประมาณ 80 กม. รอบๆ เมืองบริสเบน พร้อมชมทัศนียภาพของควีนส์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ เส้นทางที่วิ่งไปเป็นถนนรอบๆ เมือง มีโค้งกว้าง และแคบ พร้อมทางขึ้น/ลงเขาชันสลับกันไป
การที่หันไปใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร วี 6 สูบ EcoBoost ทำให้ขับสนุก และเร้าใจขึ้นเยอะ และเครื่องยนต์ตัวนี้ ก็ได้ใช้เสื้อสูบกราไฟท์ที่มีขนาดกะทัดรัด เมื่อเทียบกับเสื้อสูบเหล็กหล่อทั่วไปจะมีความแข็งแรงมากกว่าถึง 75 % และทนทานกว่าถึง 75 % โดยทีม Ford Performance ได้ออกแบบเพื่อให้เครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ฉับไว และมีระบบป้องกันการ lag ของเทอร์โบ ช่วยให้สามารถเร่งแซงได้ทุกความเร็วตามต้องการ แต่น่าเสียดายนิดหน่อยที่บนถนนของออสเตรเลีย เขาจำกัดความเร็วเป็นช่วงๆ ซึ่งสูงสุดไม่เกิน 80 กม./ชม. จึงไม่สามารถรีดกำลังได้สักเท่าไร
การขับแบบ On Road นี้ ผมทดลองใช้โหมดการขับขี่ทางเรียบ ตั้งแต่ "โหมดปกติ" ที่ออกแบบมาเพื่อความสบาย ประหยัดเชื้อเพลิง และขับขี่สะดวก "โหมดสปอร์ท" เน้นการตอบสนองไวขึ้น สำหรับการขับขี่บนถนนอย่างสนุกสนาน และ "โหมดทางลื่น" ในช่วงที่มีน้ำขัง เป็นระบบทำให้มั่นใจในการขับขี่บนถนนลื่น หรือพื้นถนนที่ไม่สม่ำเสมอมากขึ้น
สถานี Hi Speed
สถานี Hi Speed เป็นสถานีสุดท้ายที่เราจะลองกัน ถือเป็นไฮไลท์ที่มันที่สุดในครั้งนี้ การทดสอบ Instructor จะให้เราทดลองขับ Ford Ranger Raptor ตัวเก่าก่อน ซึ่งยังเป็นขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ให้กำลัง 213 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตัน-เมตร ที่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ โดยให้ขับก่อนหนึ่งรอบสนาม
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาขับ Next-Gen Ranger Raptor ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ ที่ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ เช่นเดียวกัน แต่เกียร์แต่ละจังหวะ ได้รับการปรับตั้งค่าเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ทำให้ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ ขับสนุก และมันกว่าอย่างชัดเจน โดยใช้โหมด Baja II ตลอดสถานี
เส้นทาง Hi Speed นั้นประกอบไปด้วย ทางตรงยาว ขึ้นเนิน ลงเนิน โค้งกว้าง โค้งแคบ พื้นผิวเป็นกรวด ดินลูกรัง เนินลอย โคลน และทราย โดยมีไฮไลท์เป็นเนินจัมพ์ ซึ่งบอกเลยว่าครบรสมากๆ ตลอดเส้นทางจะมี Instructor คอยบอกไลน์ และวิธีการขับอยู่ตลอดเวลา หากขับได้ตามที่ Instructor บอก จะมัน และฟินแบบสุดๆ ไปเลย
นอกจากเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร 392 แรงม้า ที่แรง และขับสนุกแล้ว ยังมีระบบท่อไอเสียควบคุมด้วยไฟฟ้า พร้อมโหมดปรับเสียงให้เลือกได้ถึง 4 โหมด (โหมดเงียบ โหมดปกติ โหมดสปอร์ท และโหมด Baja) ผู้ขับจะรับรู้ถึงความดังจากเสียงท่อไอเสียของ Ford Ranger Raptor ใหม่ สร้างความเร้าใจ เร้าอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้การขับขี่ในสถานี Hi Speed มีความสนุก คือ ระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System: ALS) ที่เป็นส่วนหนึ่งของโหมด Baja II ใน Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ โดยระบบนี้จะรักษาการหมุนของเทอร์โบชาร์เจอร์ที่ความเร็วสูงต่อไปถึง 3 วินาที หลังจากผู้ขับขี่ปล่อยคันเร่ง รถจึงคืนความเร็วได้ทันใจขณะเร่งออกจากโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์
องค์ประกอบสำคัญของรถที่ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกจากลูกกระโดด และหลุมบ่อ คือ ระบบกันสะเทือน FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ช่วยลดการสะเทือนตามการเคลื่อนไหวของรถ นับได้ว่าระบบกันสะเทือนนี้ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยใช้ใน Ford Ranger Raptor นอกจากนี้ ยังเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นผสม Teflon ที่ลดการเสียดสีลงได้ถึง 50 % เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้
ขณะที่ส่วนฮาร์ดแวร์ผลิตโดย FOX แต่ทีม Ford Performance คือ ผู้รับหน้าที่ปรับทูน และพัฒนาชอคอับรุ่นนี้ โดยผสมผสานการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในงานด้านวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering หรือ CAE) และการทดสอบรถในสถานการณ์จริง ตั้งแต่การปรับการทำงานของสปริงไปจนถึงการกำหนดความสูง การปรับแต่งวาล์ว และการออกแบบระดับการยืด/หดของชอคอับ เพื่อสร้างความสมดุลที่สมบูรณ์แบบที่สุด มอบทั้งความสะดวกสบาย การควบคุมรถ ความมั่นคง และการยึดเกาะถนนทั้งบนทางเรียบ และเส้นทางสมบุกสมบัน
ระบบป้องกันการหดตัวค้าง (Bottom-Out Control) ของ FOX ที่ได้รับการพิสูจน์จากสนามแข่ง ช่วยสร้างแรงหน่วงสูงสุดในระยะ 25 % สุดท้ายของการหดตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ชอคอับค้าง ในทำนองเดียวกัน ระบบดังกล่าวยังช่วยชะลอการหดตัวของชอคอับด้านหลัง เพื่อไม่ให้รถกระแทกแรงเกินไปขณะเร่งความเร็ว เพิ่มความมั่นคงในการขับขี่มากขึ้น เมื่อระบบกันสะเทือนสร้างแรงหน่วงในปริมาณที่พอเหมาะในทุกการเคลื่อนไหวของรถ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ จึงยึดเกาะพื้นผิวได้ดีทั้งบนถนน และเส้นทางสมบุกสมบัน
Next-Gen Ranger Raptor นับเป็นการสานต่อตำนานรถกระบะประสิทธิภาพสูง ที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี แถมยังสามารถใช้เดินทางท่องเที่ยวระยะทางไกลๆ ในวันหยุดได้เป็นอย่างดี นับเป็นรถกระบะที่สมบูรณ์แบบ ที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในกระบะรุ่นอื่นๆ
ABOUT THE AUTHOR
วิธวินท์ ไตรพิศ
ดูคุณพ่อจนขับรถได้ตั้งแต่ 8 ขวบ หลงใหลยานยนต์ จนได้วุฒิ Automotive Engineering ติดตัว ปัจจุบันเป็น บก.นักเขียน นักทดสอบรถ และ Instructor ที่พร้อมถ่ายทอดความรู้ แบบไม่มีกั๊ก !
ภาพโดย : FORD AUSTRALIAคอลัมน์ Online : ทดสอบ (บก. ออนไลน์)
คำค้นหา