X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
เรื่องน่ารู้
17 Oct 2022
พ่วงแบทเตอรีอย่างถูกวิธี ใครๆ ก็ทำได้
ปัญหา
"แบทเตอรีหมด"
ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนใช้รถ ที่มักประสบพบเจอกันเป็นประจำ เนื่องจากแบทเตอรีส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยประมาณ 2-3 ปี เมื่อใกล้ถึง หรือเลยระยะนี้ไปแล้ว ย่อมร้อนๆ หนาวๆ กันเป็นธรรมดา การแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดเมื่อแบทเตอรีหมด คือ การ
"พ่วงแบท
" หรือ
"จัมพ์แบท
" ซึ่งเป็นวิธีที่ดูเหมือนง่าย แต่ถ้าไม่เข้าใจอาจเกิดปัญหาตามมาได้
ทำไมต้องพ่วงแบทเตอรีอย่างถูกวิธี ?
แบทเตอรีรถยนต์ ประกอบไปด้วย ขั้วบวก และขั้วลบ สิ่งที่เราต้องระวังที่สุด คือ อย่าให้ทั้ง 2 ขั้วมาแตะกัน เพราะจะทำให้เกิดประกายไฟ อาจเป็นต้นเหตุของอันตรายอื่นๆ ตามมาได้ ดังนั้น การพ่วงแบทเตอรีที่ถูกต้อง จึงต้องมีวิธีการพ่วงตามลำดับขั้นเสมอ จุดสำคัญที่ต้องเน้นมีอยู่ 2 จุด คือ "จุดเริ่ม" ที่ต้องเริ่มต่อสายพ่วงสีแดง กับขั้วบวกของแบทเตอรีที่หมดก่อนทุกครั้ง เนื่องจากหากปลายสายพ่วงสีแดงอีกด้าน ไปสัมผัสกับส่วนที่เป็นโลหะโดยบังเอิญเข้า ก็จะไม่ทำให้เกิดประกายไฟ หรืออาจเกิดขึ้นได้ แต่ประกายไฟก็จะน้อยมาก ขั้นตอนที่เหลือก็คือ การต่อแบทเตอรีให้ครบวงจร อีกจุด คือ "จุดจบ" การที่ไม่ต่อแบทเตอรีขั้วลบสายสีดำ ที่เป็นเส้นสุดท้ายเข้ากับแบทเตอรีที่ไม่มีประจุไฟโดยตรง เนื่องจากเราไม่ต้องการให้ประกายไฟที่อาจเกิดขึ้น กระเด็นเข้าไปในแบทเตอรี ซึ่งอาจทำให้แบทเตอรีเกิดการระเบิดได้ แบทเตอรีรถยนต์นั้นมีสายกราวน์ดซึ่งต่อเข้ากับตัวถังรถอยู่แล้ว ดังนั้นการต่อสายพ่วงแบทเตอรีเส้นสุดท้ายเข้ากับตัวถังรถ จึงเหมือนกับการต่อสายกราวน์ดเข้าแบทเตอรีอย่างไม่ผิดเพื้ยน
อุปกรณ์
1.
สายพ่วงแบทเตอรีขั้วบวก (สายสีแดง)
2.
สายพ่วงแบทเตอรีขั้วลบ (สายสีดำ)
ขั้นตอนการพ่วงแบทเตอรี
1.
นำรถคันที่ไฟเต็มมาจอดให้หน้ารถเข้าหากัน แล้วติดเครื่องยนต์ค้างไว้
2.
นำสายพ่วงสีแดง ต่อพ่วงกับขั้วบวก (+) ของรถคันที่แบทเตอรีหมด
3.
แล้วนำปลายสายสีแดงอีกด้าน ต่อเข้ากับขั้วบวก (+) ของแบทเตอรีที่ไฟเต็ม
4.
นำสายพ่วงสีดำ ต่อพ่วงกับขั้วลบ (-) ของแบทเตอรีที่ไฟเต็ม
5.
จากนั้นนำปลายสายสีดำ ต่อพ่วงกับกราวน์ดของรถ (ชิ้นส่วนตัวถังรถ)
6.
สตาร์ทเครื่องยนต์ที่แบทเตอรีหมด ถ้าทำถูกต้องเครื่องยนต์จะติด
7.
ขั้นตอนการถอด ต้องถอดขั้วลบ (สายกราวน์ดสีดำบนตัวถังรถที่แบทเตอรีหมด) ออกก่อน เพื่อเป็นการตัดวงจร
8.
ถอดปลายสายสีดำอีกด้านหนึ่งที่เป็นขั้วลบ ของรถที่มีประจุไฟเต็มออก
9.
ถอดสายสีแดงที่เป็นขั้วบวก ในรถที่มีประจุไฟเต็มออก
10.
หลังจากนั้นถอดสายขั้วบวก ของรถที่แบทเตอรีหมดออก เป็นอันเสร็จ
เกร็ดควรรู้ ?
หน้าที่ของแบทเตอรี
แบทเตอรีทำหน้าที่หลายอย่าง อย่างแรก สะสมพลังงานไฟฟ้าไว้สำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์ หน้าที่ต่อมา คือ จ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่อุปกรณ์ต่างๆ (แทนไดชาร์จของรถ) ตอนที่เครื่องยนต์ไม่ทำงาน เช่น เปิดฟังเพลง หรือวิทยุ เป็นต้น หน้าที่ลำดับต่อมา คือ เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำรอง เมื่อใดที่เราใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างพร้อมกัน จนกระแสไฟที่ใช้เกินกว่ากระแสไฟที่ไดชาร์จผลิตได้ เช่น รถติดเป็นเวลานานตอนกลางคืนแล้วฝนตก ทำให้ต้องใช้ทั้งไฟหน้า/หลัง เครื่องปรับอากาศ ที่ปัดน้ำฝน เครื่องเสียง โดยที่เครื่องยนต์หมุนแค่รอบเดินเบาเท่านั้น หน้าที่สุดท้าย คือ จ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์บางอย่างที่ต้องทำงานแม้จะดับเครื่องแล้ว เช่น ระบบกันขโมย ระบบลอคประตูไฟฟ้า หน่วยความจำวิทยุ เป็นต้น
ชนิดของแบทเตอรี
ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เป็นแบบตะกั่ว-น้ำกรด (Lead-Acid Battery) หรือที่เรียกว่า "แบบเปียก" นั่นเอง แบทเตอรีแบบนี้เก็บ และคายพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างตะกั่ว และน้ำกรด ขณะทำปฏิกิริยาจะเกิดความดันภายในตัวแบทเตอรี เลยต้องมีรูระบายไอระเหยของน้ำกรดไว้ จึงทำให้ต้องหมั่นเติมน้ำกลั่นอยู่เรื่อยๆ ปัจจุบันมีการผลิตแบทเตอรีแบบเปียกรุ่นใหม่ ที่เป็นระบบหมุนวนไอระเหยจากน้ำกรด (Maintenance Free) หรือระบบปิดนั่นเอง แบบนี้จะไม่มีรูเติมน้ำกลั่น ไอที่ถูกดันออกจะมีช่องวนกลับไปที่เดิม จึงทำให้ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น แบทเตอรีแบบเปียกนี้มีอายุการใช้งานประมาณ 2-3 ปี แล้วแต่การใช้งาน แบทเตอรีอีกชนิดหนึ่ง คือ "แบบแห้ง" มักนิยมใช้ในเมืองหนาว ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น แต่มีราคาสูงมากเมื่อเทียบกับแบบเปียก
รักษาแบทเตอรี ให้อยู่ได้นาน
อายุของแบทเตอรีนั้น สามารถอยู่ได้ถึง 3-4 ปี ถ้าเราดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพปกติตลอดเวลา วิธีที่ง่ายที่สุด คือ ตรวจดูระดับน้ำให้อยู่ในระดับ Max หรือขีดบนสุดอยู่เสมอๆ ถ้ามองไม่เห็น ให้หมุนเปิดเกลียวด้านบนดู โดยต้องให้น้ำกรดท่วมแผ่นธาตุตะกั่วขึ้นไปประมาณ 1 เซนติเมตร และต้องใช้น้ำกลั่นเท่านั้นในการเติม แบทเตอรีอายุยิ่งนานยิ่งกินน้ำกลั่น ฉะนั้นควรตรวจระดับน้ำกรดในแบทเตอรีทุกสัปดาห์ ไม่ควรใช้ขั้วลบของแบทเตอรีเป็นกราวน์ด (Ground) จากการต่ออุปกรณ์เสริมต่างๆ ควรใช้วิธีการต่อสายกราวน์ดจากตัวถังรถจะดีที่สุด ถ้าใช้ขั้วลบของแบทเตอรีเป็นกราวน์ดมากเกินไป จะส่งผลเสียต่อแบทเตอรี ทำให้อายุการใช้งานสั้นลง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
พ่วงแบทเตอรี ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย
หากสนใจรถไฟฟ้า EV สามารถเข้าไปดู
หัวชาร์จรถ EV มีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร ?
อ่านต่อ
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
ภาพโดย : ฝ่ายภาพ
คอลัมน์ Online : เรื่องน่ารู้
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/online/425798
แชร์บทความ
คำค้นหา
พ่วงแบต
จั๊มแบต
แบตหมด
แบตเตอรี่หมด
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ เกี่ยวกับ
พ่วงแบต
เรื่องน่ารู้
8 Nov 2022
พ่วงแบทเตอรีอย่างถูกวิธี ใครๆ ก็ทำได้
เรื่องรถ...เรื่องง่าย
18 Jun 2020
พ่วงแบทเตอรี ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย
บทความแนะนำ คอลัมน์
เรื่องน่ารู้
เรื่องน่ารู้
25 Apr 2024
มีลุ้น ! "ลดค่าทางด่วน" เหลือไม่เกิน 50 บาท เริ่ม สค. นี้
เรื่องน่ารู้
15 Apr 2024
อัพเดทกฎหมาย เมาแล้วขับ" 2567 มีโทษอย่างไรบ้าง ?
เรื่องน่ารู้
14 Apr 2024
ขับทางไกลต้องรู้ ! สัญลักษณ์บนหน้าปัดรถ บอกอะไรเรา
เรื่องน่ารู้
10 Apr 2024
เปิดไฮไลท์ สงกรานต์ 2567 เย็นทั่วหล้า
เรื่องน่ารู้
9 Apr 2024
เชคเลย "สงกรานต์ 2567" ทางด่วนฟรี เส้นทางไหน วันไหนบ้าง
เรื่องน่ารู้
2 Apr 2024
อยากรู้ต้องลอง ! บททดสอบสายลุยตัวจริง
เรื่องน่ารู้
29 Mar 2024
ทีม Mitsubishi Ralliart เตรียมทวงบัลลังก์แชมพ์ สู้ศึก AXCR 2024
ดูต่อในคอลัมน์ เรื่องน่ารู้