ธุรกิจ
Air Captif รุกขยายโครงสร้างพองลม
Air Captif บริษัทสตาร์ทอัพในเครือ Michelin ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพองลมที่มีน้ำหนักเบา (Ultralight, Inflatable Structures) รุกดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์เพื่อการเติบโตในอนาคต โดยล่าสุดได้เผยนวัตกรรมภายใต้ความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ Dassault ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกของโลก พร้อมทั้งประกาศใช้โรงงาน Michelin ณ เมืองบูร์ฌ ในเขตแซงต์-ดูชาร์ เป็นศูนย์ผลิตนวัตกรรมทางเทคโนโลยีดังกล่าวในเชิงอุตสาหกรรม ในโอกาสนี้ยังได้ระบุเป้าหมายที่จะขยายกิจกรรมการดำเนินงานในพื้นที่ปฏิบัติงานดังกล่าวเป็น 2 เท่า ตั้งแต่ปี 2566 ตลอดจนจัดสรรงบจ้างงานบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้น
นวัตกรรมระดับปฏิวัติวงการภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Michelin และ Dassault Aviation ช่วยให้กระบวนการทดสอบเพื่อยื่นขอเอกสารรับรองต่างๆ สำหรับเครื่องบินในตระกูล Falcon 6X เป็นไปได้รวดเร็วขึ้น
ก่อนจะนำออกใช้งาน เครื่องบินดังกล่าวต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้นหลากหลายรูปแบบเพื่อยื่นขอเอกสารรับรอง หนึ่งในนั้น คือ การทดสอบความทนทานต่อการถูกฟ้าผ่าของห้องโดยสารเครื่องบิน การทดสอบนี้ซึ่งเรียกว่า High Intensity Radiated Field (HIRF) เป็นการทดสอบภาคบังคับสำหรับเครื่องบินเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานทางแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Standards) ที่กำหนดโดยองค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (European Union Aviation Safety Agency: EASA) ในการทดสอบเพื่อยื่นขอเอกสารรับรองสำหรับเครื่องบิน Falcon 6X นั้น Dassault ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพความทนทานของระบบรองรับภาวะวิกฤต (คำสั่ง และการคำนวณด้านการบิน) ต่อการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Interference) ตามปกติกระบวนการทดสอบแบบมาตรฐาน (Classic Trial) สำหรับเครื่องบิน Falcon 6X จะต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์ แต่เทคโนโลยีระดับปฏิวัติวงการที่พัฒนาขึ้นโดย Air Captif ช่วยลดระยะเวลาดังกล่าวลงเหลือเพียง 3 วัน ส่งผลให้ต้นทุนลดลงอย่างมากตามไปด้วย
นวัตกรรมนี้ประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ Faraday Cage [1] แบบพองลมขนาดใหญ่สูง 8 ม. ครอบคลุมพื้นที่ 900 ตรม., อุปกรณ์หมุนแบบกลที่พองลมได้ (Inflatable Mechanical Mixer) ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านข้างลำตัวเครื่องบินเพื่อกระจายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และระบบฉนวนแบบพองลม (Inflatable Coaxial Insulation) ที่เป็นเสมือนการต่อสายดินเพื่อรองรับการถูกฟ้าผ่า
เทคโนโลยี Air Captif เอื้อประโยชน์หลายประการ ด้วยโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบามากเป็นพิเศษ สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย และติดตั้งในโรงเก็บเครื่องบินได้สะดวก ส่งผลให้ต้นทุน และระยะเวลาในการทดสอบลดลงอย่างมาก โดยการติดตั้งได้รวดเร็วยังถือเป็นข้อดีที่สำคัญอย่างยิ่งอีกด้วย
ตามปกติการสร้าง Faraday Cage แบบดั้งเดิมแต่ละชุดจะใช้เวลาราว 2 ปี แต่นวัตกรรมใหม่นี้ทำให้สามารถติดตั้งเพื่อใช้งานได้ภายในวันเดียวเท่านั้น
โซลูชันจาก Air Captif จะพร้อมผลิตในเชิงอุตสาหกรรมได้เร็วๆ นี้ ณ โรงงาน Michelin ที่เมืองบูร์ฌ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางประเทศฝรั่งเศส
แผนพัฒนาในอนาคตของ Air Captif ซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ ณ เมือง Trappes ประเทศฝรั่งเศสครอบคลุมการขยายโรงงานที่เมืองบูร์ฌ พร้อมเริ่มดำเนินการผลิตเชิงอุตสาหกรรมในช่วงต้นปี 2567 การเลือกใช้โรงงานที่เมือง บูร์ฌซึ่งอยู่ระหว่างจัดงานฉลองครบรอบ 70 ปี ในฐานะเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานบุกเบิกด้านอุตสาหกรรมการบินของ Michelin จะส่งผลให้ Air Captif ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากระบบนิเวศด้านอากาศยาน และยุทธปัจจัยเพื่อการป้องกันประเทศของภูมิภาค ตลอดจนมีบทบาทในการเสริมสร้างประสบการณ์ทางอุตสาหกรรมของกลุ่ม Michelin ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเมืองบูร์ฌยังเหมาะแก่การทำงาน และผสานความร่วมมือ เนื่องจากตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมือง Trappes ซึ่งเป็นฐานประจำการของทีมเจ้าหน้าที่เทคนิค และเมือง Clermont-Ferrand ซึ่งเป็นฐานดำเนินงานของฝ่ายวิจัย และพัฒนาของ Michelin
ทั้งนี้ ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างอากาศยาน (Aeronautic Construction) ประกอบกับประสบการณ์ในภาคอุตสาหกรรมการแพทย์ และธุรกิจวางแผนจัดงานอีเวนท์ ทำให้ Air Captif สามารถนำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมหลากหลายแง่มุมอย่างรอบด้าน
เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต Air Captif จะมุ่งเดินหน้าขยายศักยภาพการผลิตเป็น 2 เท่า ตั้งแต่ปี 2566 พร้อมทั้งจ้างงานบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้น
ภายใต้แผนขยายธุรกิจ Air Captif ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อเพิ่มอัตราการหมุนเวียนผลิตภัณฑ์ (Turnover) เป็น 2 เท่า ตั้งแต่ปี 2566 พร้อมทั้งเร่งจ้างงานบุคลากรที่มีทักษะความชำนาญพิเศษเพิ่มอีกราว 30 คน ในพื้นที่ดำเนินงานเขต Yvelines ของฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของกรุงปารีส
การขยายกิจกรรมการดำเนินงานของ Air Captif แสดงให้เห็นว่า Michelin พร้อมเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้แก่แรงงานที่มีทักษะขั้นสูง โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาจ้างพนักงานเพื่อทำงานในโรงงานซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Trappes และรองรับการขยายฐานดำเนินงานไปยังเมือง Elancourt ในเดือนมกราคม 2566 ทั้งนี้ ด้วยลักษณะงานที่ละเอียดซับซ้อนทำให้จำเป็นต้องอาศัยบุคลากรที่มีทักษะขั้นสูง และมีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นพิเศษในด้านต่างๆ อาทิ การซีลตะเข็บทางอุตสาหกรรม (Industrial Seaming), การควบคุมการทำงานของเครื่องจักร (Machine Operation), การตัด และเชื่อมพลาสติค (Plastic Cutting & Welding) เป็นต้น
Air Captif ซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ ณ เมือง Trappes ประเทศฝรั่งเศส มาตั้งแต่ปี 2560 ได้สร้างงานให้แก่ท้องถิ่นกว่า 50 ตำแหน่ง โดยในปี 2563 Air Captif เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลฝรั่งเศสเพื่อให้การสนับ สนุนภายใต้โครงการเปิดตัวมิติใหม่ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ และอากาศยาน (Relaunch Plan for The Aeronautic and Automobile Industries) การสนับสนุนดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ สามารถนำกิจกรรมการดำเนินงานเชิงอุตสาหกรรมบางประเภทที่เคยทำสัญญาให้ประเทศจีนรับช่วงไปดำเนินการ (Sub-Contract) กลับมาดำเนินการในประเทศฝรั่งเศสได้
Maude Portigliatti ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารกลุ่ม Michelin เปิดเผยว่า การขยายตัวในการดำเนินงานของ Air Captif เป็นผลมาจากความสามารถขององค์กรในการคิดค้นนวัตกรรม และการผนึกพันธมิตรกับ Dassault ก็เป็นกลยุทธ์ที่ดีประการหนึ่ง นอกจากนี้ ในด้านโซลูชันทางเทคนิค Air Captif ยังตอกย้ำให้เห็นถึงความรู้ความชำนาญของ Michelin ในการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาใช้ประโยชน์ ตลอดจนความมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของกลุ่ม Michelin ในธุรกิจอื่นนอกเหนือจากยางรถยนต์
[1] Faraday Cage คือ โครงสร้างจากเส้นใยโลหะยืดหยุ่นซึ่งมีคุณสมบัตินำไฟฟ้าเพื่อใช้ป้องกัน หรือลดความเสียหายที่เกิดจากฟ้าฝ่าให้แก่เครื่องบิน
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/428426