ธุรกิจ
เตรียมพร้อมระบบตัดแต้มคะแนนขับรถ
พล. ต. อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ. ตร. จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองกรรมการผู้จัด การใหญ่ ผู้บริหารสายงาน สายงานกำกับกฎเกณฑ์ และกฎหมาย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และพันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันท น์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย พล. ต. ท. ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ. ตร. พล. ต. ท. ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ. ตร. และ พล. ต. ท. วีระ จิรวีระ รอง จตช. และผู้บริหารของ ทั้ง 4 หน่วยงาน ร่วมแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ระบบบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถ หรือระบบตัดแต้ม และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อสร้างระบบดังกล่าว ให้ดำ เนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นมาตรฐานสากล
ระบบบันทึกคะแนนความประพฤติ กำหนดไว้ใน “ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ พศ. 2565” ซึ่งออกตาม พรบ. จราจรทางบก พศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 142/1 โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มกราคม 2566 ซึ่งจะเป็นมาตรการเสริมในการสร้างวินัยการขับขี่เพิ่มเติมจากการออกใบสั่งเพื่อบังคับใช้กฎหมายตามปกติ
ภายใต้สโลแกน “มุ่งเน้นการสร้างวินัยการขับขี่ปลอดภัย ให้โอกาสแก้ไขไม่กระทำผิดซ้ำ สร้างความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย และเป็นมาตรฐานสากล”
พล. ต. อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ. ตร. กล่าวว่า สาระสำคัญของระบบนี้ คือ กำหนดให้ผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่แต่ละราย จะมีคะแนนความประพฤติคนละ 12 คะแนน (ไม่ว่าผู้นั้นจะได้รับใบอนุญาตขับขี่กี่ชนิดก็ตาม) หากทำผิดตามกฎจราจรในข้อหาที่ระบุไว้ จะถูกตัดคะแนนตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กำหนด ดังนี้
การตัดคะแนน
1) กลุ่มความผิดหลักที่เป็นปัจจัยในการเกิดอุบัติเหตุ (20 ฐานความผิด) จะถูกตัดคะแนนเมื่อทำผิดทันที โดยความผิดในกลุ่มนี้แบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่
- ตัด 1 คะแนน เช่น ขับรถเร็วเกินกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ
- ตัด 2 คะแนน เช่น ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร (ฝ่าไฟแดง)
- ตัด 3 คะแนน เช่น ขับรถชนแล้วหนี
- ตัด 4 คะแนน เช่น เมาแล้วขับ ขับรถในขณะเสพยาเสพติด
2) กลุ่มความผิดอื่นๆ ตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก และกฎหมายที่เกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง จำนวน 42 ฐานความผิด ตามบัญ ชีท้ายระเบียบ ความผิดกลุ่มนี้จะถูกตัดคะแนนเฉพาะกรณีไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่งในเวลาที่กำหนดเท่านั้น เช่น ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรในทางจอดในที่ห้ามจอด ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่ขณะขับรถ เป็นต้น
วิธีการตัดคะแนนนั้น จะดำเนินการโดยระบบอีเลคทรอนิคส์ โดยใช้ระบบฐานข้อมูลใบสั่ง PTM ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการบันทึกการทำผิดกฎจราจร และตัดคะแนนในแต่ละครั้ง
การสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่
หากผู้ขับขี่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ หรือห้ามขับรถ (ทุกประภท) เป็นเวลา 90 วัน โดยเจ้าหน้า ที่ตำรวจจะเป็นผู้มีหนังสือแจ้งคำสั่งดังกล่าว และหากฝ่าฝืนไปขับรถในขณะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 156
หากถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นครั้งที่ 3 ภายใน 3 ปี อาจจะถูกสั่งพักใช้มากกว่า 90 วัน และหากยังถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่อีกเป็นครั้งที่ 4 อาจถูกพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
การคืนคะแนน แบ่งเป็นการคืนคะแนนโดยอัตโนมัติ และการคืนคะแนนเมื่อผ่านการอบรมจากกรมการขนส่งทางบก ดังนี้
1) การคืนคะแนนอัตโนมัตินั้น คะแนนที่ถูกตัดไปในแต่ะครั้ง จะได้รับคืนเมื่อครบกำหนด 1 ปี นับแต่วันกระทำผิดครั้งนั้นๆ เว้นแต่เป็นกรณีที่ถูกตัดเหลือ 0 คะแนน จะได้รับคืนเมื่อพ้นกำหนดเวลาการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ โดยได้รับคืนเพียง 8 คะแนน
2) การคืนคะแนนโดยวิธีการเข้ารับการอบรมกับกรมการขนส่งทางบกอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งมี 2 กรณี
- กรณีที่คะแนนเหลือน้อยกว่า 6 คะแนน สามารถขอเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกได้ แต่อบรมได้เพียงปีละ 2 ครั้ง
- กรณีที่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน และต้องการคะแนนกลับคืนมาทั้งหมด 12 คะแนน สามารถขอเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกได้
เมื่อผ่านการอบรมตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขของกรมการขนส่งทางบก ก็จะได้รับคืนคะแนนตามที่กำหนด
จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจกำกับดูด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ได้เข้ามามีส่วนร่วม ในระบบการคืนคะแนนใบอนุญาตขับขี่ทุกประเภท ได้บูรณการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับประวัติ และการทำผิดตามกฎหมาย ข้อมูลทะเบียนรถ และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแล และการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หลักสูตรในการอบรมประกอบด้วย วิชาความรู้พื้นฐาน เช่น สถานการณ์อุบัติเหตุในปัจจุบัน ปัจจัยที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ วิชากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถใช้ถนน และผลกระทบที่เกิดจากอุ บัติเหตุ รวมถึงวิชาความรู้ตามข้อหาความผิดที่ผู้เข้ารับการอบรมได้กระทำ เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กำหนดแล้ว ต้องเข้ารับการทดสอบ และต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 จึงจะถือว่าผ่านการอบรม และทดสอบ ถ้าไม่ผ่านสามารถแก้ตัวใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในวันเดียวกัน หากยังไม่ผ่านการทดสอบอีกจะออกใบนัดมาทำการทดสอบแก้ตัวใหม่เป็นครั้งที่ 3 ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ เข้ารับการทดสอบครั้งแรกไม่ผ่าน เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ผ่านการอบรม และการทดสอบแล้ว กรมการขน ส่งทางบกจะแจ้งผลการอบรม และการทดสอบ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการคืนคะแนนต่อไป โดยผู้ประสงค์เข้ารับการอบรม และทดสอบเพื่อขอคืนคะแนน สามารถแจ้งความประสงค์พร้อมหลักฐานใบอนุญาตขับขี่ หรือบัตรประจำตัวประชาชน ณ กรมการขนส่งทางบก สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก (อาคาร 8) หรือสำนักงานขนส่งกรุงเทพฯ พื้นที่ 1-4 หรือสำนักงานขนส่งจังหวัด ทุกจังหวัด
พงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ธนาคารกรุงไทยพร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินที่ทันสมัย มาสนับสนุนการดำเนินงานภาครัฐ ตามยุทธศาสตร์ X2G2X โดยธนาคารได้รับความไว้วางใจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการพัฒนาธุรกรรมอีเลคทรอนิคส์ (E-Payment) เชื่อมโยงฐานข้อมูลใบสั่งของสถานีตำรวจทั่วประ เทศ และกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้บริการรับชำระค่าปรับจราจรใบสั่งทุกประเภท ตั้งแต่ปี 2559 พร้อมต่อยอดพัฒนาระบบ Police Ticket Management (PTM) หรือระบบจัดการใบสั่งออนไลน์ครบวงจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพิ่มประสิทธิ ภาพการบริการภาคประชาชน ล่าสุดได้พัฒนาระบบบริการรับชำระค่าปรับผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางการรับชำระค่าปรับผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถทำรายการได้ด้วยตนเอง ตลอด 24 ชม. ผ่านแอพพลิเคชัน “Krungthai Next” และ “เป๋าตัง” โดยไม่มีค่าธรรมเนียม และสามารถชำระค่าปรับใบสั่งผ่านทางเวบไซท์ใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน (E-Ticket) https://ptm. police.go.th/ด้วยบัตรเดบิท และบัตรเครดิท ยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประหยัดเวลาในการเดินทาง พร้อมบริการตรวจสอบแต้มจราจรผ่านระบบออนไลน์
พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า NT ในฐานะรัฐวิสาหกิจผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร และระบบสารสนเทศขนาดใหญ่ ได้เล็งเห็นถึงปัญหา และผลกระทบจากการเกิดอุ บัติเหตุ โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) แถลงข่าว ในการใช้ระบบบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถ พร้อมทั้งเปิดตัวโมบายล์แอพพลิเคชันชื่อว่า "ขับดี"
ช่องทางการตรวจสอบคะแนน
1) เวบไซท์ E-Ticket PTM ซึ่งพัฒนาโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สามารถตรวจสอบใบสั่งค้างชำระ จ่ายค่าปรับ ตรวจสอบคะแนนความประพฤติ และตรวจสอบสถานะใบขับขี่
2) แอพพลิเคชัน ขับดี ซึ่งพัฒนาโดย NT เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสาร และตรวจสอบใบสั่งค้างชำระ และคะแนนความประพฤติ และดำเนินการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่อันเป็นประโยชน์ต่างๆ ที่ทันสมัย
3) แอพพลิเคชัน เป๋าตัง ให้บริการชำระค่าปรับผ่านระบบออนไลน์
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) มีความมุ่งหมายให้ระบบบันทึกคะแนนดังกล่าว เป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างวินัยการขับขี่ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร ป้อง กันอุบัติเหตุ และสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างยั่งยืน ต่อไป
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/432729