ธุรกิจ
Continental ขยายการผลิตโซลูชันหน้าจอแสดงผล

Philipp Von Hirschheydt หัวหน้าฝ่ายธุรกิจสร้างสริมประสบการณ์ผู้ใช้ ของ Continental กล่าวว่า การขยายครั้งนี้ Continental ได้รวบรวมกำลังการผลิต และความสามารถไว้ในตำแหน่งศูนย์กลาง เช่นเดียวกับการโต้ ตอบของผู้โดยสารกับรถที่ผสานจากหน้าจอขนาดเล็ก และแบบแยกส่วนต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นโซลูชันการแสดงผลแบบรวมขนาดใหญ่ ที่มีความกว้างจากฝั่งคนขับตลอดแนวไปยังฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า (Pillar-to-Pillar) ด้วยกลยุทธ์โรงงานขนาดใหญ่นี้ บริษัทเทคโนโลยียังคงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในการผลิตเทคโนโลยีประสบการณ์ผู้ใช้ยานยนต์ และสร้างข้อได้เปรียบที่ยอดเยี่ยมทั้งในด้านเศรษฐกิจ และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตที่ซับซ้อนอย่างมากของโซลูชันจอภาพขนาดใหญ่ เช่น C-Shape, L-Shape หรือ Pillar-to-Pillar Displays ต้องใช้ปริมาณการผลิตแบบรวมเพื่อเพิ่มคุณภาพ และความเร็ว
“สิ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้ลูกค้าภายใต้หลังคารถในตอนนี้ คือ User Experience วิธีที่ผู้โดยสารมีปฏิสัมพันธ์กับรถ เชื่อมต่อ สื่อสาร ผ่อนคลาย ได้รับข้อมูล หรือความบันเทิง กำลังกลายเป็นเกณฑ์สำคัญในการตัดสินใจซื้อ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า เราจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายสู่ระบบดิจิทอล มาตรฐาน และการทำงานอัตโนมัติสูงสุดที่เป็นไปได้ และนั่นคือ สิ่งที่เรากำลังทำกับโรงงานขนาดใหญ่แห่งใหม่ของเราในเมืองทิมิโซอารา โดยได้รวบรวมเอาความสามารถของผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีไว้ในโรงงานแห่งนี้ เพื่อให้เราเป็นผู้นำในการผลิตจอแสดงผลที่ทันสมัย และขับเคลื่อนอนาคตของการเคลื่อนที่
สิ่งอำนวยความสะดวกที่ยั่งยืน เป็นอัตโนมัติยิ่งขึ้น และเชื่อมต่อแบบดิจิทอลสำหรับโซลูชันการสัญจรในอนาคต
โรงงาน Continental Automotive ในเมืองทิมิโซอารา เป็นผู้บุกเบิกในด้านเทคโนโลยีการผลิตที่เชื่อมต่อแบบดิจิทอลมาหลายปี และถือเป็นโรงงานมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการมุ่งเน้นไปที่บุคลากร การกำ หนดมาตรฐาน ระบบอัตโนมัติ และระบบดิจิทอล โรงงานที่ขยายตัวในเมืองทิมิโซอาราครอบคลุมหัวข้อสำคัญทั้งหมดเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ในอนาคต และการพิสูจน์อนาคตของการผลิตจอภาพของบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบอัตโนมัติของงานที่ไม่ซับซ้อน นำไปสู่ความเร็วในการผลิตที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกัน การกำหนดมาตรฐานก็รับประกันคุณภาพที่สูงขึ้น เมื่อรวมกับการมุ่งเน้นไปที่การแปลงเป็นดิจิทอล และบุค ลากร การขยายตัวนี้สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในการผลิตโซลูชันที่มีการแสดงผลซับซ้อน การวางแผน สายงาน VR (Virtual Reality) การจำลอง และการเพิ่มประสิทธิภาพจะช่วยให้ Continental สามารถผลิตโซลูชันการแสดงผลขนาดใหญ่ด้วยความเร็วสูงสุดด้วยคุณภาพสูง และการลงทุนต่ำ AR (Augmented Reality) ใช้สำหรับการบำรุงรักษา และพัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งนำไปสู่การประหยัดต้นทุน และคุณภาพที่สูงขึ้น AI (ปัญ ญาประดิษฐ์) และวิทยาการหุ่นยนต์สนับสนุนพนักงานที่ได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากความจริงที่ว่า Continental ให้ความสำคัญกับการสร้างสถานที่ทำงานที่โดดเด่นในฐานะนายจ้างที่ยั่งยืน และน่าดึงดูดใจ
Thomas Ebenhoch รองประธานฝ่ายปฏิบัติการของธุรกิจ User Experience ของContinental กล่าวว่า ความต้องการโซลูชันการแสดงผลแบบครบวงจรกำลังเติบโตอย่างมาก ด้วยการขยายโรงงานนี้ และกลยุทธ์โรงงานขนาดใหญ่ของเรา เสริมความแข็งแกร่งให้แก่ฐานการผลิตทั่วโลกของเรา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาโซลูชันสำหรับอนาคตดิจิทอล ด้วยการเชื่อมต่อกระบวนการผลิตของเราแบบดิจิทอล ทำให้แนวคิดการผลิตมีความเร็ว และมีคุณภาพสูงสุด ในฐานะที่เป็นภูมิภาคอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม และพนักงานที่มีคุณสมบัติสูง ทิมิโซอารา เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเราในการผลิตอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ไฮ เทคสำหรับยานยนต์
โรงงานชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคส์ในเมืองทิมิโซอารา ผลิตสินค้ามากกว่า 17 ล้านชิ้น/ปี เช่น ชุดควบคุมถุงลมนิรภัย เบรคจอดรถแบบอีเลคทรอนิคส์ ชุดควบคุมสำหรับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ระบบลดแรงสั่นสะเทือน การทรงตัวในแนวดิ่ง ชุดควบคุมพวงมาลัยเพาเวอร์ เช่นเดียวกับโซลูชันหน้าจอ และ Head-Up Displays 

