เตรียมรถให้พร้อมก่อน และหลังเดินทางช่วงสงกรานต์

ผู้ขับขี่รถยนต์ ควรเชคสภาพรถยนต์ของตนเองก่อนออกเดินทางไกล เพื่อความปลอดภัย ความราบรื่นในการเดินทาง จะได้ปลอดภัย ไม่ต้องประสบกับปัญหารถเสียระหว่างทาง โดยเฉพาะหากต้องเดินทางไกล ไปต่างจัง หวัด ในช่วงสงกรานต์ ในวันหยุดยาว ก่อนเดินทางควรเตรียมรถให้พร้อมก่อน และหลังเดินทาง เพื่อความปลอดภัย และได้เที่ยวพักผ่อนอย่างสนุกสนาน สบายใจ สำหรับท่านที่มีรถส่วนตัว การเตรียมความพร้อมให้รถจึงมีความจำเป็น เพื่อรับมือกับระยะทาง, สภาพอากาศ, สภาพถนน และปริมาณรถที่อาจจะหนาแน่น ก็เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัย ในขั้นต้นควรนำรถเข้ารับบริการตรวจเชคสภาพรถยนต์เบื้องต้น ณ ศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ อย่าลืมอุปกรณ์ที่ควรมีติดรถไว้ทุกครั้งที่ขับรถระยะไกล ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าไว้เติมหม้อน้ำ, ไฟฉาย, กล่องเครื่องมือ, ล้ออะไหล่, สายลากจูง, สายพ่วงแบทเตอรี รวมถึงคู่มือประกันภัย และเอกสารสำคัญไว้ในกรณีฉุกเฉิน และอาจจะพ่วงขนมคบเคี้ยวเอาไว้สำหรับเวลาง่วงก็ดีเลย หรือถ้าใครไม่สะดวกไปตรวจสภาพรถก่อนเดินทางที่ศูนย์บริการ ก็สามารถสังเกตตัวรถของท่านได้ด้วยตัวเอง เช่น ก้มดูใต้ท้องรถหารอยรั่ว, หยด หรือซึมจากชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ และอาจจะเปิดกระโปรงรถเพื่อส่องดูคราบน้ำ รวมถึงระบบน้ำ และของเหลวต่างๆ ตั้งแต่ระดับน้ำในถังพักหม้อน้ำ, น้ำฉีดกระจก ไปจนถึงน้ำมันเบรค หรือคลัทช์, น้ำมันเครื่องยนต์ ว่าขาดหรือไม่ และน้ำกลั่นแบทเตอรีว่าพร่องลง หรือขาดมากกว่าครึ่ง ถ้ามีส่วนใดขาดไปก็รีบเติมให้ได้ระดับปกติ ตามมาด้วยช่วงล่าง ที่ควรจะต้องตรวจสอบในเบื้องต้นกันด้วย เช่น ชอคอับ, ลูกหมาก, คันชักคันส่ง ไปจนถึงเพลาขับเคลื่อนว่าอยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการเดินทางหรือไม่ เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว ก็จะทำให้เสียเว ลา และเสียอารมณ์กันไปอีก อีกส่วนก็คือ ระบบเบรค และเบรคมือ ก็ควรเชคให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยเนื้อผ้าเบรคควรมีปริมาณความหนาเกินกว่า 3 มม. และจานเบรคต้องไม่มีรอยแตกร้าว ระบบเบรคมือต้องใช้การได้ปกติอีกด้วย ส่วนนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ตรวจดูสภาพยางรถยนต์ว่า ดอกยาง และลมยางอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ เชคความลึกร่องดอกยาง และตรวจดูว่ายางรถมีรอยเจาะ ยางแตกลายงา ยางบวม ดอกยางหมดหรือไม่ ซึ่งร่องดอกยางควรมีความลึกไม่น้อยกว่า 1.6  มม. หากเข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่งก็ควรพิจารณาเปลี่ยนยางใหม่ หรือถ้าบางท่านหนีความแออัดในช่วงกลางวัน เป็นการเดินทางในช่วงกลางคืน ก็ควรเชคระบบไฟส่องสว่างด้วยว่าสามารถใช้ได้ครบทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า, ไฟเบรค, ไฟเลี้ยว, ไฟหรี่ และไฟส่องป้ายทะเบียน เพื่อความปลอดภัย และไม่ควรใช้ไฟอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของจากโรงงานผู้ผลิต หรือที่นอกเหนือจากกฎหมายกำหนด อีกส่วนที่สำคัญ คือ ใบปัดน้ำฝน เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้กับสภาวะอากาศ อาจเกิดฝนตก หรือหมอก ดังนั้นใบปัดน้ำฝนก็มีความสำคัญ ควรอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ปัดได้สะอาด มองเห็นได้ชัดเจน ไม่มีเสียงดังขณะใช้งานเพราะนอกจากจะทำความสะอาดได้ไม่เต็มที่แล้ว ยังอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระจกได้อีกด้วย นอจากรถจะพร้อมแล้ว คนก็ต้องพร้อมไม่แพ้กัน เริ่มจากต้องได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอก่อนเดินทาง และขับรถด้วยอย่างมีสติไม่ประมาท เพราะช่วงวันหยุดเทศกาลมักมีปริมาณรถมาก อาจจะเกิดการแทรก, เบียด, ปาด ขึ้นได้ ประกอบกับความไม่คุ้นเคยเส้นทาง อาจเกิดการตัดสินใจกะทันหัน จึงควรใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกว่าปกติ และที่สำคัญต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง และทุกตำแหน่งที่นั่งของผู้โดยสารในรถ เพราะอุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ไม่ว่าจะเดินทางใกล้ หรือไกล ควรคาดทุกครั้ง การปรับท่านั่งขับไม่ควรไกล หรือชิดพวงมาลัยมากเกินไป โดยมีวิธีง่ายๆ คือ ให้ยืดแขนวางบนพวงมาลัยโดยส่วนข้อมือต้องวางบนพวงมาลัยได้พอดี หลังจากนั้นก็ปรับเบาะให้ได้ระยะตามที่วัดไว้ ซึ่งข้อศอกจะต้องงอประ มาณ 50-60 องศา ไม่ตึง หรืองอมากไป จะช่วยให้การขับรถเป็นไปอย่างสะดวก และคล่องตัว การนั่งชิดพวงมาลัยมากเกินไปอาจก่อให้เกิดอันตรายจากระบบถุงลมนิรภัยทำงานเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ควรรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า เพื่อให้มีระยะเบรคที่ปลอดภัย เมื่อรถคันด้านหน้าเกิดเบรค หรือเปลี่ยนช่องทางอย่างกะทันหัน รวมถึงควรรักษาความเร็วตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด อีกทั้งควรศึกษาเทคนิคการขับขี่ที่ไม่คุ้นเคย เช่น เทคนิคการขับรถขึ้น/ลงเขา เพราะมีบางคนที่ยังไม่รู้ ใช้เกียร์ D ขึ้น/ลงเขาอยู่ ที่สำคัญที่สุด เมาไม่ขับ-ง่วงไม่ขับ การเตรียมอาหารการกินก็เป็นสิ่งจำเป็น จะได้ไม่ต้องแวะซื้อขนมทานระหว่างทางบ่อยๆ อีกทั้งควรจัดเวลาจอดทานอาหารให้เหลื่อมกับคนอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดในร้านอาหาร สุดท้ายของการเดินทาง หลังจากกลับมากันแล้ว เราก็ควรที่จะต้องมาดูแลรถด้วยเหมือนกัน เพราะรถต้องเจอกับอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขี้นก, ยางไม้, สิ่งสกปรกทั้งหลายที่อาจจะทำให้สีรถเสียหาย ระหว่างเดินทางอาจจะมีการล้างคราบต่างๆ ออกโดยเร็ว วิธีง่ายๆ คือ การใช้น้ำยาล้างรถโดยเฉพาะ หรืออาจจะขัดเคลือบสี ที่สำคัญสำหรับท่านที่ล้างรถเองไม่ควรฉีดน้ำแรงดันสูงทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์ เพราะด้วยแรงดันสูงอาจทำให้น้ำซึมเข้าไปในอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ได้