ธุรกิจ
MG โชว์ศักยภาพสุดยิ่งใหญ่ ในงาน Shanghai Auto Show 2023
เซี่ยงไฮ้ (ประเทศจีน)-บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์ MG ในประเทศไทย อวดยนตรกรรมที่มาพร้อมนวัตกรรมระดับโลกในงาน Shanghai Auto Show 2023 กับ 3 ไฮไลท์ เริ่มตั้งแต่การเผยโฉมรูปลักษณ์จริงของ MG Cyberster โรดสเตอร์ไฟฟ้าเปิดประทุน 2 ที่นั่ง ที่โดดเด่นด้วยดีไซจ์นสุดล้ำ และประตูแบบปีกนก ที่จ่อเตรียมผลิตเพื่อจำหน่ายทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย เปิดตำนานบทใหม่อย่าง MG7 สปอร์ทซีดานหรูระดับ Flagship เจ้าของสถิติ Guinness World Record จากบททดสอบสุดทรหดบนเส้นทางสายลาซาในทิเบตที่ระดับความสูง 5,978.17 ม. และอีวีรุ่นฮิท อย่าง MG4 Electric ที่สามารถพิชิตรางวัลคุณภาพระดับโลก
MG Cyberster รถโรดสเตอร์ไฟฟ้าเปิดประทุน 2 ที่นั่ง หลังนั่งแท่นการเป็นรถ Global EV อีกรุ่นของ MG ที่สะกดทุกสายตาด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเรียบหรูแต่ทรงพลัง มาพร้อมหลังคาซอฟท์ทอพที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ประ ตูแบบปีกนก นับเป็นสถาปัตยกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบใหม่ของ MG ที่จะมาฉีกกฎการสร้างสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าให้ล้ำสมัยไปอีกขั้น
สำหรับโรดสเตอร์ไฟฟ้ารุ่นนี้ บริเวณกระจังหน้า และแผงกันชนหน้า ได้รับการออกแบบด้วยดีไซจ์น "Wind Hunter" ในขณะที่รูปลักษณ์ของไฟหน้าถูกออกแบบให้ดูมีขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างความโดดเด่นให้แก่ MG Cyber ster เป็นอย่างยิ่ง และอีกองค์ประกอบด้านการออกแบบที่น่าสนใจ คือ เส้นด้านข้างของตัวรถบริเวณใต้กรอบกระจกที่มีดีไซจ์นแบบ “Leopard Jump Shoulder Line” มุ่งเน้นให้เห็นรูปร่างอันแข็งแกร่ง และทรวดทรงที่งด งามสะท้อนถึงความแข็งแกร่ง และช่วยให้รถมีศูนย์ถ่วงต่ำ ด้านท้ายของ MG Cyberster ถูกออกแบบในสไตล์ Kammback Design โดยท้ายจะมีลักษณะลาดตัดสั้น และส่วนโค้งด้านหลังตัวรถที่ยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายหางเป็ด (Duck Tail) ช่วยให้ด้านหลังของรถดูโดดเด่น ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ มีกำหนดเปิดโฉมคันจริงและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในปี 2566
MG7 สปอร์ทซีดานระดับเรือธงผู้สร้างตำนานบทใหม่ทุบสถิติโลก
MG7 มาเยือนอย่างเป็นทางการ หลังสร้างตำนานบทใหม่กับการเป็นสปอร์ทซีดานสุดหรู ที่ลุยเส้นทางสุดทรหดจนได้รับการบันทึกสถิติโลกอย่าง Guinness World Record เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา บนเส้นทางจากมณฑล Xinjiang ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีน มุ่งหน้าสู่ทิเบต ดินแดนที่ราบสูงที่สูงที่สุดในโลกจนได้รับฉายาว่า “หลังคาโลก” ซึ่ง MG7 สามารถไปถึงระดับความสูง 5,978.17 ม. ซึ่งเป็นระดับความสูงที่สูงที่สุด ที่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงเคยไปถึง ถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ด้วยสมรรถนะเหนือระดับของ MG7
สำหรับ MG7 ถือเป็นโมเดลที่โดดเด่นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการดีไซจ์นตัวถังแบบ Fastback ท้ายสั้นมีหลังคาที่ลาดลงด้านหลังกึ่งรถคูเป เส้นสายรอบคันชัด เฉียบคม ช่วยเสริมภาพลักษณ์สายพันธุ์สปอร์ท มาพร้อมบานประตูแบบไร้กรอบเฉกเช่นรถซูเพอร์คาร์ สปอยเลอร์หลังแบบ 3 ก้านควบคุมด้วยไฟฟ้าสามารถยกขึ้นลงได้ ช่วยเสริมประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น มาพร้อมห้องโดยสารสุดพรีเมียมที่ให้ความสุนทรีตลอดการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นหลังคาซันรูฟแบบเต็มบาน เบาะดีไซจ์นสปอร์ทหุ้มหนังคุณภาพสูง หน้าจอแสดงผลแบบ Dual Widescreen Cockpit ที่ดูล้ำสมัย เติมเต็มอรรถรสด้วยระบบเสียงรอบทิศจากลำโพง Bose Premium Audio System และเทคโนโลยี Zebra Venus 2.0 Intelligent System เป็นต้น ทั้งนี้ MG7 มีด้วยกัน 2 รุ่นย่อย คือ รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ และรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สมรรถนะสูง พร้อมเกียร์ Dual Clutch แบบ 7 จังหวะ ให้กำลังสูงสุด 188 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 30.6 กก.-ม. หรือ 300 นิวตันเมตร ที่ 1,500 รตน. โดยสามารถเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายในระยะเวลาเพียง 6.5 วินาที และระ บบช่วงล่างอัจฉริยะแบบไฟฟ้า พร้อมชุดเฟืองลิมิเทดสลิพที่ควมคุมด้วยไฟฟ้า เสริมความปลอดภัยในการขับขี่และให้ประสบการณ์การขับขี่ที่สบายมากขึ้น ทั้งนี้ MG7 มีอัตราประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 17.8 กม./ลิตร ตามมาตร ฐาน NEDC
MG4 Electric กับเส้นทางความสำเร็จ และได้รับการยกย่องให้เป็นอีวีระดับโลก
ความสำเร็จระดับโลกของ MG4 Electric แฮทช์แบคไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น รถไฟฟ้าที่ขับสนุกที่สุดแห่งยุค รถรุ่นนี้ ถือเป็น Global Model ที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลก จำหน่ายอยู่ใน 30 ประเทศ ทั่วทวีปยุโรป และขยายตลาดต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงประเทศออสเตรเลีย และประเทศไทย นับตั้งแต่ MG4 Electric เปิดตัว และจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายน 2565 สามารถสร้างสถิติใหม่ด้วยตัว เลขยอดขายที่ทะยานสู่ 20,000 คัน ทั่วโลกในเวลาเพียง 1 เดือน เมื่อเดือนมกราคม 2566 MG ส่งมอบ MG4 Electric สู่ตลาดยุโรปไปแล้วกว่า 5,000 คัน และล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยอดขายของ Global Mo del รุ่นนี้ได้สร้างสถิติใหม่อีกครั้ง ด้วยการเป็นรถยนต์ MG รุ่นแรกในตลาดนอกประเทศจีนที่มียอดจัดจำหน่ายเกินกว่า 10,000 คัน
นอกเหนือจากเสียงตอบรับจากผู้บริโภคทั่วโลกแล้ว MG4 Electric ยังได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อมวลชนทั่วโลกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น รางวัล EV Breakthrough of The Year จาก Prestigious Fleet News Awards รางวัล The UK Car of The Year 2023 และรางวัล Best Family Car จาก UKCOTY รางวัล ARIP Business+ Product Innovation Award 2023 รางวัล 2023’s Best Small EV จากนิตยสาร Whatcar! รางวัลรถยนต์คุ้มค่าแห่งปี (Bargain of The Year) จากนิตยสาร และรายการสารคดีรถยนต์ชื่อดังจากอังกฤษ Top Gear ซึ่งได้ให้คะแนนรถรุ่นนี้ถึง 9 คะแนน และให้ความคิดเห็นว่า “นี่อาจจะเป็นรถยนต์รุ่นเดียวที่เราแนะนำให้ท่านเป็นเจ้าของเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ในกลุ่มรถยนต์ประเภทเดียวกัน”
นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลรถยนต์แห่งปี (Car of The Year 2023) จากทีมงาน Driving Electric เวบไซท์แนะนำและรีวิวรถไฟฟ้าชื่อดังจากอังกฤษ อีกทั้งยังสามารถพิชิตใจผู้ติดตามเวบไซท์ดังกล่าวด้วยรางวัลรถยนต์อีวีขวัญใจมหาชน (Reader’s Favorite Electric Car) รางวัลรถยนต์ครอบครัวขนาดเล็กยอดเยี่ยม (Best Small Family Car) จากเวบไซท์ผู้เชี่ยวชาญรถยนต์อีวี “Electrifying” นอกจากนี้ ยังได้รับการยกย่องจากสมาคมผู้สื่อข่าวสายยานยนต์ชาวสกอต (The Association of Scottish Motoring Writers) หรือ ASMW ยกให้ New MG4 Electric เป็นสุดยอดรถยนต์อีวีในราคาต่ำกว่า 40,000 ปอนด์ (หรือ 1.7 ล้านบาท) อีกด้วย และล่าสุดผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก Euro NCAP (European New Car Assessment Programme)
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/448753