เครื่องยนต์ วี 8 สูบใหม่ พละกำลังถึง 671 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 81.6 กก.-ม. ตั้งแต่ 2,750-6,000 รตน. เครื่องยนต์นี้มีกำลังสูงกว่าเครื่อง วี 8 สูบ ของ DB11 ถึง 30 % และแรงกว่าเครื่องยนต์ วี 12 สูบ ความจุ 5.2 ลิตร ทวินเทอร์โบ ของ DB11 AMR ถึง 41 แรงม้า โดย DB12 มีอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 3.5 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 325 กม./ชม.
Aston Martin ได้ปรับแต่งเครื่องยนต์มากมาย ปรับรูปทรงแคมชาฟท์, ปรับอัตราส่วนแรงอัด, เปลี่ยนขนาดเทอร์โบให้ใหญ่ขึ้น และติดตั้งระบบหล่อเย็นเสริมอีก 2 ชุด และ DB12 ยังเป็น DB โมเดลแรกที่ใช้ระบบเฟืองขับหลังควบคุมด้วยไฟฟ้า ที่ปรับจากลอคเต็มที่ไปเปิดสุดได้ ภายในเศษ 1 ส่วน 1,000 วินาที ถ่ายทอดพลังขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติ 8 จังหวะ
ระบบรองรับถูกปรับเปลี่ยนเพื่อรับพลังที่เพิ่มขึ้น ด้วยแดมเพอร์แบบปรับได้ และเหล็กกันโคลงแข็งขึ้น โหมดการขับขี่มีให้เลือก 3 โหมด คือ GT, Sport และ Sport+ จะทำหน้าที่ปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์และระบบรองรับให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ ในโหมดสบายที่สุด จะได้ทั้งความนุ่มนวล และการขับขี่ที่คล่องตัว
รูปทรงของ DB12 ถูกปรับแต่งใหม่ ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ ชุดไฟหน้าแอลอีดีดีไซจ์นใหม่ เหนือกระจังหน้าเป็นป้าย Brand ออกแบบใหม่ ใต้กระจังหน้าเป็นสลิทเตอร์ปรับรูปทรงใหม่ วงล้อมาตรฐานขนาด 21 นิ้ว ด้านในเป็นเบรคแบบจานขนาด 400 มม. ในล้อหน้า และขนาด 360 มม. ที่ล้อหลัง กระจกข้างออกแบบใหม่ และมือเปิดประตู แนบไปกับด้านข้างตัวรถเพื่อไม่รบกวนการไหลเวียนของกระแสลม
ไฮไลท์อยู่ที่ห้องโดยสาร เกจวัด และระบบควบคุมทั้งหมด อยู่ในความควบคุมของคนขับ ภายในหุ้มหนังอัลคันทาราเนื้อดี ติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนท์ใหม่ ภายในห้องโดยสารเป็นผลงานการออกแบบ และพัฒนาโดย Aston Martin พร้อมระบบ Apple Car Play และ Android Auto ระบบนำทางเชื่อมต่อออนไลน์ และระบบแผนที่ 3 มิติ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย และอัพเดทซอฟท์แวร์ผ่าน OTA
Aston Martin DB12 จะส่งมอบได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ส่วนราคายังไม่แจ้ง บทความแนะนำ

