รูปลักษณ์ภายนอกของ BMW XM 50e ใหม่ ยังคงไม่เหมือนใครเช่นเดียวกับรถในตระกูล XM รุ่นก่อนหน้า ด้วยการผสมผสานความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ หรือ Sport Activity Vehicle (SAV) ที่ทรงพลัง สัดส่วนไดนามิกที่แข็งแกร่ง อันเป็นเอกลักษณ์สไตล์ M
XM 50e ใหม่ มีตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร การออกแบบในสไตล์ M ยังช่วยเน้นย้ำถึงความดุดันและความมั่นใจของดีไซน์ เสริมความโดดเด่นด้วยไฟหน้าสองชั้น และกระจังหน้าทรงไตคู่แบบ Iconic Glow ที่มาพร้อมกรอบไฟส่องสว่างล้อมรอบกระจังหน้าทั้งคู่
ภายนอกของตัว Shadow Line เสริมความโดดเด่นด้วยด้วยวัสดุตกแต่งสีดำเงา แถบสีด้านข้างรถแบบ M1
โลโก BMW ที่กระจกหลังและไฟท้าย รวมถึงชิ้นส่วนอื่น ๆ ในสีดำเงา และตกแต่งรายละเอียดสีดำ
XM 50e มาพร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 22 นิ้ว ลาย Double Spoke แบบสลับสี ส่วนรุ่น Shadow Line มาพร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 23 นิ้ว ลาย Star Spoke แบบสลับสี
ภายในของ XM 50e ใหม่ คอนโซลด้านบนยังบุด้วยหนังแบบ BMW Individual ตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์
พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M และเข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ให้ความรู้สึกสปอร์ทและโฉบเฉี่ยวในการขับขี่ ผ้าบุหลังคายังเป็นเสมือนงานประติมากรรม 3 มิติ ลวดลายแบบปริซึมและเมื่อเปิดไฟหลังคาก็จะพบกับหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงบนหลังคาที่ส่องสว่างยามค่ำคืน สะดุดตาและหรูหราไปอีกขั้น นอกจากนี้ ยังมีชุดไฟตกแต่งภายใน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน
ระบบระบายอากาศและฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสําหรับเบาะนั่งตอนหน้าที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในรถยนต์รุ่นนี้ด้วย
หน้าจอ BMW Head-up Display และระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการ BMW Operating System รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น ระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ IconicSounds Electric ให้เสียงขับที่กระตุ้นความตื่นเต้นแม้ในโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ
ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพาของตนกับรถยนต์แบบไร้สายผ่าน Apple CarPlay หรือ Android Auto และ Connected Package Professional ช่วยให้มั่นใจว่าจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและข้อมูลการจราจรอัปเดตล่าสุดเมื่ออยู่บนท้องถนน พร้อมระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon ในขณะที่ XM 50e (Shadow Line) มาพร้อมกับระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond
เบาะนั่งตอนหลังแบบสปอร์ท
XM 50e ใหม่ พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 3.0 ลิตร 6 สูบ เทคโนโลยี M TwinPower Turbo และระบบขับเคลื่อน M Hybrid ซึ่งให้กําลังรวมสูงสุด 476 แรงม้า (350 กิโลวัตต์) ที่ 5,000 - 6,500 รตน. แรงบิด 71.4 กก.-ม. (700 นิวตันเมตร) ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 5.1 วินาที นอกจากนี้ ด้วยปุ่ม M Hybrid ที่วางอยู่บริเวณคอนโซลกลางยังช่วยให้ผู้ขับสามารถเลือกโหมดการขับได้ถึง 3 โหมด ซึ่งรวมถึงโหมด ELECTRIC สำหรับ
การขับขี่ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวให้กำลังสูงสุดที่ 197 แรงม้า (145 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุดที่ 28.6 กก.-ม. (280 นิวตันเมตร) ให้ความเร็วสูงสุดถึง 140 กม./ชม. โดยใช้พลังงานจากลิเธียม-ไอออนแบตเตอรีขนาด 29.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ติดตั้งอยู่ด้านใต้ท้องรถ โดยมีระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้า 101 กม. ตามมาตรฐาน NEDC
เทคโนโลยี M xDrive ส่งกำลังการขับขี่สู่ท้องถนนอย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วงล่าง Adaptive M Suspension Professional ยังให้การควบคุมแบบสปอร์ท ระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Professional พร้อมควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ยังมาพร้อมฟังก์ชัน Stop&Go ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความเร็วของรถในระดับที่ต้องการและคงระยะห่างจากรถคันหน้าเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถยนต์อยู่ในเส้นทางอย่างคงที่ด้วยระบบบังคับพวงมาลัย และเพื่อความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ยังช่วยให้การจอดรถและการบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
XM 50e และ XM 50e (Shadow Line) ใหม่ มาพร้อมสีภายนอกให้ลูกค้าได้เลือกถึง 6 สีได้แก่
Marina Bay Blue Metallic,
Toronto Red Metallic,
Isle of Man Green Metallic,
Sao Paulo Yellow Solid,
Black Sapphire Metallic,
และ Mineral White Metallic และสามารถเลือกสีภายในได้ 2 สี ได้แก่ BMW Individual leather ‘Merino‘ สีดำ หรือ Sakhir Orange
สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ XM 50e และ XM 50e (Shadow Line) ใหม่ ได้ที่ www.bmw.co.th หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ BMW Thailand