รถล่าสุด
Toyota bZ4X ใหม่ รถไฟฟ้าญี่ปุ่นที่ไปได้ไกลสุด 600 กม.
3 ปีก่อน Toyota ได้แนะนำรถ BEV รุ่นแรกในประเทศไทย คือ Toyota bZ4X (BZ:Beyond Zero) รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ D-Segment เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่กำลังมองหารถ SUV ขนาดใหญ่
Toyota bZ4X รุ่นแรก Toyota นำเข้ามาจำหน่ายเฉพาะรุ่น AWD ขับเคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์อิสระ 2 ชุด มอเตอร์หน้า 80 กิโลวัตต์ และหลัง 80 กิโลวัตต์ รวมให้กำลังสูงสุด 160 กิโลวัตต์ หรือ 218 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 337 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 71.4 กิโลวัตต์ อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม ภายใน 6.9 วินาที
ราคา 1,836,000 บาท มีสีตัวรถให้เลือกทั้งหมด 6 สี
- เทา Precious Metal Black roof
- เงิน Precious Silver Black roof
- ขาวมุก Platinum White Pearl Black roof
- แดง Emotional Red Black roof
- น้ำเงิน Dark Blue Black roof
- ดำ Black
ภายใน 2 โทนสี
- โทนสีเข้ม Black
- โทนสีอ่อน Natural Chic
ภายใต้มาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า EV3.0 ของรัฐบาลไทย แต่เนื่องจากขีดจำกัดด้านการจัดสรรรถในเวลานั้น โดยขายเพียงแค่ 132 คันเท่านั้น
Toyota bZ4X รุ่นใหม่ 2025 นี้ Toyota จะนำเข้าจากญี่ปุ่นในรูปแบบ CBU และเข้าร่วมมาตรการ EV3.5 ด้วยเป้าหมายยอดขายที่ มากกว่าเดิม ถึง 6,000 คันในช่วงปีแรก
bZ4X รุ่นใหม่นี้ ไม่ได้เป็นเพียงการปรับโฉมผลิตภัณฑ์ในรูปแบบไมเนอร์เชนจ์ แต่ Toyota ยังยกระดับผลิตภัณฑ์อีกขั้น ด้วยดีไซน์การออกแบบให้ดูสะดุดตา ทันสมัย และใช้เวลาในการชาร์จเร็วขึ้น และ
ที่สำคัญ Toyota ได้เพิ่มรุ่นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า เข้ามา ซึ่งสามารถทำระยะการขับขี่ได้ถึง 600 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ภายใต้มาตรฐาน NEDC ซึ่งไกลกว่ารถหลายรุ่นด้วยกัน พละกำลังสูงสุดได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น และติดตั้งระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบมาตรฐานโตโยต้าในทุกรุ่นย่อย
Toyota bZ4X 2025 มีให้เลือก 2 รุ่น ประกอบด้วย รุ่น ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า FWD 73 kWh และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD 73 kWh
ขนาดตัว..ใหญ่
มิติภายนอก (ยาว/กว้าง/สูง) 4,690/1,860/1,650 มม. ความยาวฐานล้อ 2,850 มม. เท่ากับรุ่นเดิม และขนาดตัวพอๆ กับ Honda CR-V
หน้าตาใหม่ทันสมัย
Toyota bZ4X รุ่นใหม่ 2025 ยังคง Hammerhead Design แต่ปรับให้ดูกว้างขวาง และเส้นสายที่มี dynamic ไฟ Daytime Running คาดยาวจากซ้ายไปขวา ไฟหน้า LED ย้ายลงมาอยู่ที่มุมกันชน ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย
Toyota bZ4X รุ่นใหม่ 2025 ซุ้มล้อทำสีดำกึ่งเงา ต่างจากเดิมที่เป็นสีดำด้าน
ไฟท้ายแบบ LED มาพร้อมสปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ท
หลังคา Panoramic Moonroof แบบชิ้นเดียวเต็มบาน ต่างจากรุ่นเดิมที่เป็นแบบ 2 บานแยก
ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วลายใหม่ พร้อมยาง 235/50 R20
จอใหญ่เต็มตา พวงมาลัยแบบสปอร์ท
ภายในกว้างขวาง สะดวกสบาย OPEN & RELAX วัสดุเบาะ แบบหนังสังเคราะห์ / วัสดุตกแต่งพวงมาลัย แบบหนัง ขนาดเล็กทรงสปอร์ม พร้อมแป้นด้านหลังปรับเพิ่ม/ลดความหน่วง Regent ได้ถึง 4 ระดับ ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (ปรับได้ 64 เฉดสี)
จอแสดงผล ขนาดใหญ่ 14 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto และระบบ T-Connect
ในรุ่น AWD ติดตั้งระบบเสียง JBL และจำนวนลำโพง 9 ตำแหน่ง (8 ตำแหน่ง + Subwoofer 1 ตำแหน่ง) ส่วนรุ่น FWD ติดตั้งลำโพง 6 ตำแหน่ง
จอแสดงผลข้อมูล การขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว
กระจกมอง หลังแบบแบบดิจิทัล (Digital Rear View Mirror)
ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (ปรับได้ 64 เฉดสี)
สวิตช์ควบคุมเกียร์แบบ Shift-by-Wire อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) 2 ตำแหน่ง
ระบบเบรกมือแบบไฟฟ้า (Electric Parking Brake) พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (Auto Brake Hold)
ช่องต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
หน้าต่างไฟฟ้า พร้อมระบบ Jam-protection ทั้ง 4 บาน
ประตูท้ายเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์แบบ Kick Activated
เบาะนั่งคนขับด้านหน้า ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่และกระจกมองข้าง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับได้แบบ 60:40 พร้อมพนักพิงเบาะด้านหลัง ปรับเอนได้ 1 ระดับ สะดวกสบายด้วยที่วางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ
ระบบปรับอากาศแยกอิสระซ้าย/ขวา
ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร nanoe™ ระบบกรองฝุ่น PM2.5
พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถขนาดใหญ่ถึง 452 ลิตร
มอเตอร์คู่ 5.1 วินาที มอเตอร์เดี่ยว 7.4 วินาที
รุ่น AWD ขับ เคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์อิสระ 2 ชุด มอเตอร์หน้า 165 กิโลวัตต์ หรือ 224 แรงม้า และหลัง 80 กิโลวัตต์ รวมให้กำลังสูงสุด 252 กิโลวัตต์ หรือ 343 แรงม้า และ แรงบิดสูงสุด 269/170 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม ภายใน 5.1 วินาที
รุ่น FWD ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า มอเตอร์ อิสระ 1 ชุด มอเตอร์หน้า 165 กิโลวัตต์ หรือ 224 แรงม้า และ แรงบิดสูงสุด 269 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม ภายใน 7.4 วินาที
ทั้งคู่ใช้แบทเตอรีขนาดความจุ 73.1 กิโลวัตต์ (74.7 กิโลวัตต์ ตาม IEC 62660-1)
ประเภทหัวชาร์จ 2 แบบ และกระแสไฟ 2 ระบบ TYPE 2 (AC กระแสสลับ) และ CCS2 (DC กระแสตรง)
รองรับการชาร์จแบบ AC กำลังสูงสุด 22kW ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10- 100% ใน 3.5 ชั่วโมง
และการชาร์จแบบ DC กำลังสูงสุด 150kW ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10-80% ภายใน 28 นาที
bZ4X มาพร้อมกับแพลตฟอร์ม e-TNGA เป็นแพลตฟอร์มที่ พัฒนาขึ้นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะสถาปัตยกรรมที่ออกแบบให้แบตเตอรี่วางอยู่ใต้พื้นรถได้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ แข็งแกร่ง
ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า
เทคโนโลยีระบบส่งกำลัง e-Axle ครั้งแรกของโตโยต้า ส่งแรงขับไปยังเพลารถโดยตรง
มอเตอร์ไฟฟ้าชุดใหม่ ให้กำลังสูงสุด 252 กิโลวัตต์ 343 แรงม้า (AWD) / 165 กิโลวัตต์ 224 แรงม้า (FWD)
ระยะทางวิ่งสูงสุด ที่ประมาณ 570 กม. (AWD) / 600 กม. (FWD) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
ระบบระบายความร้อนแบตเตอรี โดยใช้ระบบหล่อเย็นร่วมกับระบบปรับอากาศ โดยมีวงจรแยกจากกันกับระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสาร
สมรรถนะการขับขี่
โครงสร้าง e-TNGA แข็งแกร่ง ปลอดภัย มั่นใจได้
ระบบโครงสร้างตัวถังออกแบบ ให้มีความแข็งแกร่ง ลงตัวกับทุกองค์ประกอบ
จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่ใต้พื้นรถ มอบความปลอดภัยสูงสุด
ตัวถังแข็งแรง และบิดตัวน้อย เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้นุ่มนวล มั่นคง
ทั้งช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ทำให้เดินทางได้อย่างมั่นใจ
ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ (AWD) และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD)
โหมดการขับขี่แบบ X-Mode สำหรับรุ่น AWD ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน โดยปรับการทำงานของคันเร่งและการควบคุมการลื่นไถลของล้อให้เหมาะสมกับสภาพถนนที่หลากหลาย เช่น ถนนลื่น พื้นโคลน หรือทางลาดชัน
X-Mode
เป็นการผสานเทคโนโลยีของ SUBARU ร่วมกับ TOYOTA
พัฒนาโหมด Off-Road สำหรับ AWD ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนปรับการทำงานของคันเร่งและการควบคุมการลื่นไถลของล้อให้เหมาะสมกับสภาพถนนที่หลากหลาย เช่น ถนนลื่น พื้นโคลน หรือทางลาดชัน
แป้นควบคุมแรงหน่วงเบรก (Paddle Shift) สามารถเลือกระดับการลดความเร็วได้ 4 ระดับ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่
เพิ่มวัสดุซับเสียง เพื่อลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร เช่น กระจก Acoustic สำหรับกระจกประตูหน้า, วัสดุโฟมให้กับโครงตัวถัง, ท่อเก็บเสียงซุ้มล้อในห้องโดยสาร, เพิ่มประสิทธิภาพการซีลของกระจกบานหลัง เป็นต้น
พัฒนาระบบ Aerodynamics ที่สปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอย ฝาครอบใต้ท้องรถ และกระจกมองข้าง เพื่อการไหลเวียนของอากาศที่ดียิ่งขึ้น
ระบบพวงมาลัยและช่วงล่าง
ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering)
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 ม.
ระบบช่วงล่างหน้า แบบสตรัทพร้อมคอยล์สปริง
ระบบช่วงล่างหลัง แบบดับเบิลวิชโบน
ระบบเบรก แบบจาน ทั้งด้านหน้าและหลัง
ระบบความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่ง (คู่หน้า / ด้านข้างคู่หน้า / ม่านด้านข้าง / ตรงกลางด้านหน้า / หัวเข่าด้านคนขับ)
ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Intelligent Parking Assist) ที่ใช้เทคโนโลยีกล้องมองรอบคัน (PVM) และเซ็นเซอร์ ให้การจอดรถง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
Toyota Safety Sense
ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) แบบ All-Speed
ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ภายในเลน (Lane Tracing Assist)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)
กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor)
ระบบช่วยเตือน พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ (Parking Support Brake)
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)
ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบแจ้งเตือนลมยาง (Tire Pressure Monitoring System)
สัญญาณเตือนกะระยะ ด้านหน้า 4 ตำแหน่ง และด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
ชุดซ่อมยางฉุกเฉิน
ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS)
พร้อมระบบเสริมแรงเบรก (BA)
ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC)
สีภายนอกและภายใน
มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 4 สี ภายในสีดำ ยกเว้น รถสีดำ ภายในสีเทาอ่อน
- เทาหลังคาดำ Precious Metal with Black Roof (ภายในสีดำ)
- ขาวมุกหลังคาดำ Platinum White Pearl with Black Roof (ภายในสีดำ)
- แดงหลังคาดำ Emotional Red with Black Roof (ภายในสีดำ)
- ดำ Attitude Black Mica (ภายในสีเทาอ่อน)
และเปิดรับจองสิทธิ์ เพื่อเป็นเจ้าของ NEW bZ4Xผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://stores.toyota.co.th/register/bz4x
รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ราคาเริ่มต้น 1,5xx,xxxx บาท
รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ราคาเริ่มต้น1,6xx,xxxx บาท
