รถล่าสุด
Honda City Hatchback โฉมล่าสุด ! รุ่น e:HEV ราคา 729,000-799,000 บาท และรุ่น Turbo ราคา 599,000-749,000 บาท
Honda City Hatchback ใหม่ มีให้เลือก 2 ขุมพลังขับเคลื่อน รวม 5 รุ่นย่อย ดังนี้
•รุ่นขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย
- รุ่น e:HEV RS ราคา 799,000 บาท
- รุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท
• รุ่นขุมพลัง VTEC TURBO มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย
- รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
- รุ่น SV ราคา 679,000 บาท
- รุ่น S+ ราคา 599,000 บาท
Honda City Hatchback (ฮอนดา ซิที แฮทช์แบค) ได้รับการพัฒนาขึ้นอีกขั้น สปอร์ทยิ่งขึ้นด้วยดีไซจ์นภายนอกใหม่รอบคัน กับกระจังหน้า กันชนหน้า และกันชนหลัง และล้อแมกลายใหม่ เสริมลุคสปอร์ทเต็มขั้นกับรุ่น RS และ e:HEV RS ที่มาพร้อมกระจังหน้าสีดำเงาดีไซจ์นใหม่ กันชนหน้า และกันชนหลังแบบใหม่ สปอยเลอร์หลังสไตล์สปอร์ตแบบ RS และเพิ่มสเกิร์ทข้างใหม่ อีกทั้งไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ดีไซจ์นใหม่ ห้องโดยสารกว้างขวาง มาพร้อมเบาะนั่งอัลทราซีท ที่สามารถปรับพับเพื่อเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้หลากหลายให้ตอบรับทุกการใช้งาน อีกทั้งเพิ่มเติมฟังค์ชันการใช้งาน อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย* พัฒนาการแสดงผลสีของหน้าจอให้คมชัดยิ่งขึ้น พร้อมปรับโฉม Interface ใหม่ ให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Honda City Hatchback ยังมี ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง* ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง* ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) มาพร้อม 2 ขุมพลังการขับเคลื่อนที่ทรงพลัง และยังประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์การขับขี่ทุกเส้นทางในชีวิตประจำวัน มั่นใจในทุกการเดินทางกับ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ที่มาพร้อมฟังค์ชันใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) และเพิ่มระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ* (with Low-Speed Follow: with LSF) มีเฉพาะในรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)* ระบบลอครถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม 6 ตำแหน่ง* กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ* (Multi-Angle Rearview Camera) ที่มีการพัฒนาคุณภาพของกล้องให้มีความละเอียดสูงขึ้น เป็นต้น
ปรับโฉมใหม่ เพิ่มมาดสปอร์ทขึ้นอีกขั้นให้ Honda City Hatchback สะดวกสบายไปกับห้องโดยสารที่กว้างขวาง โดยมีการออกแบบภายนอก โดดเด่นโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ทแฮทช์แบค
• กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซจ์นใหม่ (ใหม่)
• กระจังหน้าโครเมียมดีไซจ์นใหม่ (ใหม่ ในรุ่น S+, SV และ e:HEV SV)
• ไฟหน้าแบบพโรเจคเตอร์ (รุ่น S+, SV และ e:HEV SV) พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
• ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
• โลโก H ของ Honda ตกแต่งกรอบสีฟ้า และโลโก e:HEV ที่ด้านท้าย เอกลักษณ์เฉพาะรถ e:HEV ของ Honda (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• มือจับเปิดประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ
• กระจกมองข้างปรับ และพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ (รุ่น S+, SV และ e:HEV SV)
• เสาอากาศแบบครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ (รุ่น S+, SV และ e:HEV SV)
• ล้อแมกลายใหม่ ขนาด 15 นิ้ว (รุ่น S+) ขนาด 15 นิ้วแบบทูโทน (รุ่น SV) และแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV)
การออกแบบภายในห้องโดยสารของ Honda City Hatchback กว้างขวาง โปร่งโล่ง มอบความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
• วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยแถบสีเทา (ใหม่ ในรุ่น SV และ e:HEV SV)
• วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีดำ Piano Black
• มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
พร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์ในแบบของตัวเองด้วยเบาะนั่งอัลทราซีท แยกพับ 60:40 สามารถปรับพับเพื่อเพิ่มพื้ที่การใช้งานอเนกประสงค์ได้ดั่งใจ พร้อมด้วยห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ Honda City Hatchback โดยปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ได้แก่
• Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง
• Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
• Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง
• Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด
เสริมอารณ์ความสปอร์ทขึ้นอีกขั้น ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ทรอบคัน ในรุ่น RS และ รุ่น e:HEV RS
• กระจังหน้าสีดำเงาดีไซจ์นใหม่ สไตล์สปอร์ทแบบ RS (ใหม่)
• กันชนหน้า และกันชนหลังดีไซนจนใหม่ สไตล์สปอร์ทแบบ RS (ใหม่)
• เพิ่มสเกิร์ทข้าง สไตล์สปอร์ทแบบ RS (ใหม่)
• สปอยเลอร์หลังสไตล์สปอร์ทแบบ RS
• ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
• ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ดีไซน์สปอร์ท (ใหม่)
• ฝาครอบกระจกมองข้างสีดำเงา
• เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำเงา
• ล้อแมกสีดำแบบสปอร์ทขนาด 16 นิ้ว (ลายใหม่)
• วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้ และหนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยแถบสีแดง (ใหม่)
Honda City Hatchback มีทางเลือกกับ 2 ขุมพลังการขับเคลื่อน
• ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ทรงพลัง ตอบโจทย์ในทุกเส้นทางด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน มอบการตอบสนองได้ดั่งใจตั้งแต่ออกตัวกับแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 25.8 กก.-ม. นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,000 รตน. และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 27.8 กม./ลิตร มีอัตราการปล่อยไอเสียเฉลี่ยเพียง 85 กรัม/กม. (รองรับน้ำมัน E20) ทั้งนี้ ระบบฟูลไฮบริด e:HEV จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสมและสถานการณ์การขับขี่ ประกอบด้วย 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
• ถัดมา คือ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.0 ลิตร แบบ 3 สูบ 12 วาล์ว กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 17.6 กก.-ม. ที่ 2,000-4,500 รตน. ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) อัตราการส้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 23.3 กม./ลิตร อัตราการปล่อยไอเสียเฉลี่ยที่ 100 กรัม/กม. (รองรับน้ำมัน E20)
มั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน ติดตั้งทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda Sensing ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน จักรยาน และจักรยานยนต์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วย 6 ฟังค์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้
• ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรค (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
• ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) (รุ่น S+, SV และ RS) พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) (ติดตั้งเข้ามาใหม่ เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) ติดตั้งเข้ามาใหม่
นอกจากนี้ยังมีการเสริมเทคโนโลยีด้านการขับขี่ และความปลอดภัยที่ครบครันใน Honda City Hatchback อาทิ
• ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) (รุ่น e:HEV RS)
• กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS) ที่มีการพัฒนาคุณภาพของกล้องให้มีความละเอียดสูงขึ้น
• ระบบเบรคมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ระบบ Auto Brake Hold (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ถุงลมคู่หน้า
• ถุงลมด้านข้างคู่หน้า
• ม่านถุงลมด้านข้าง (รุ่น RS และ e:HEV RS)
• ระบบลคประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)
• ระบบลอครถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
• ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
• ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาพร้อมระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
• ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
• ระบบเบรคป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรค (EBD)
• เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
• เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าและหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
• ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
• ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
• จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
• ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
• ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
• สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
Honda City Hatchback ติดตั้งอุปกรณใช้งานทีทันสมัยหลายรายการ เพื่อความสะดวกสบายและฟังค์ชันที่ล้ำสมัยเชื่อมต่อรถกับผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว
• ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (ติดตั้งใหม่ ในรุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS) ที่ได้พัฒนาการแสดงผลสีของหน้าจอให้คมชัดยิ่งขึ้น พร้อมปรับโฉม Interface ใหม่ ให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
• ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง (ติดตั้งใหม่ ในรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS) และด้านหน้า 1 ตำแหน่ง (รุ่น S+)
• มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth
• พวงมาลัยแบบมัลทิฟังค์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
• พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง
• ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) (รุ่น RS)
• ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ปุ่ม ECON
• ลำโพง 8 ตำแหน่ง (รุ่น RS และ e:HEV RS)
• กระจกมองหลังแบบตัดแสง
• แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า (รุ่น RS และ e:HEV RS)
• ไฟอ่านแผนที่ และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
• ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย
• พนักเท้าแขนด้านหน้า (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
• พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว (รุ่น RS และ e:HEV RS)
• ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งคนขับและหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมช่องเก็บของขนาดเล็ก
(รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
• ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
Honda City Hatchback โฉมล่าสุด ยกระดับชีวิตให้ทันสมัยขึ้นไปอีกขั้นกับ Honda Cnnect เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่ และรถยนต์ (รุ่น RS และ e:HEV RS) ทำงานผ่านแอพพลิเคชันบนมือถือ ที่ประกอบด้วย 8 ฟังค์ชันล้ำสมัยเชื่อมต่อ และรองรับทุกการใช้งานของทุกไลฟ์สไตล์
1. My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
2. Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ ที่สามารถแสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี และบันทึกการเดินทางที่สามารถเลือกทริพโปรด และแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ อินสตาแกรม เฟศบุค และเอกซ์ (ทวิตเตอร์เดิม) เป็นต้น
3. ระบบ WiFi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เนทไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 ม. โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง
ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
4. Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือนให้ทราบทันทีผ่านทางแอพพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูล Honda เพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น
5. Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และแจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ
6. Remote Vehicle Control สามารถสั่งการลอค และปลดลอคประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และการสั่งดับเครื่องยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้า และไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน
7. Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย
8. Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผลบนแอพพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน
ชุดอุปกรณ์ตกแต่งของ Honda City Hatchback
เสริมความสไตล์สปอร์ทอีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่ง Modulo รอบคัน ที่มาพร้อมกับแนวคิด “More Enhanced Sporty” โดยมีหลากหลายอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก เช่น ชุดโลโกสีดำ หน้า-หลัง ราคา 1,200 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,700 บาท ชุดป้องกันรอยบริเวณที่เปิดประตู ราคา 1,100 บาท ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง ราคา 5,500 บาท ล้อแมกขนาด 16 นิ้ว* ราคา 3,900 บาท ปลอกท่อไอเสีย (สำหรับรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS) ราคา 1,275 บาท ม่านบังแดดผู้โดยสารตอนหลัง ราคา 2,400 บาท และแผ่นกันรอยเบาะพนักพิงหลัง ราคา 1,700 บาท
นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพคเกจ ทั้งหมด 2 แพคเกจ ได้แก่
• Black Package ราคา 16,000 บาท ประกอบด้วยล้อแมก ขนาด 16 นิ้ว* และชุดโลโกสีดำ หน้า/หลัง
• Modulo Aero Sport Package ราคา 23,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ทหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ทข้าง สเกิร์ทหลัง แบบ 2 ชิ้น และชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง
(ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://hondaaccess.co.th/products/cityHatchback )
Honda City Hatchback โฉมล่าสุด มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ*** เมื่อจอง และรับรถตั้งแต่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 - 30 เมษายน 2567
รุ่น VTEC TURBO เลือกรับข้อเสนออย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
- ดอกเบี้ย 0%*** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และฟรี Honda Ultimate Care ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชม. อีก 2 ปี หรือ 40,000 กม. ต่อจากการรับประกันคุณภาพรถใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กม. สิ้นสุด รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- Double Smile Plus ดาวน์เริ่มต้น 5% เพียง 29,950 บาท** หรือเลือกผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 5,484 บาท** พิเศษ! รับสิทธิ์ Honda Free Drive ขับฟรี 6 เดือน พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี เพิ่มเติมเฉพาะลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์แบบ Honda Loyalty ลูกค้า You’re the One นั่นคือ กลุ่มอาชีพข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่มอาชีพพิเศษ และลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ที่เข้าร่วมรายการ**
รุ่นฟูลไฮบริด e:HEV เลือกรับข้อเสนออย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
- ดอกเบี้ย 0.99%*** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี
- Double Smile Plus ดาวน์เริ่มต้น 5% เพียง 36,450 บาท** หรือเลือกผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 6,674 บาท** พิเศษ! รับสิทธิ์ Honda Free Drive ขับฟรี 3 เดือน เพิ่มเติมเฉพาะลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าแบบ Honda Loyalty), ลูกค้า You’re the One กลุ่มอาชีพข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่มอาชีพพิเศษ และลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ที่เข้าร่วมรายการ**
- ทุกทางเลือก มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบทเตอรีไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
ลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัสและทดลองขับ Honda City Hatchback โฉมใหม่ ได้ที่โชว์รูม Honda ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลจากที่ปรึกษาการขายทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเวบไซท์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูล Honda ตลอด 24 ชม. โทร 0-2341-7777 หรืออ่านรายละเอียดทาง www.honda.co.th/cityhatchback