รถล่าสุด
Isuzu D-Max EV Concept หนึ่งในหัวหอกทีเด็ด สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของค่าย Isuzu !
Isuzu ผู้นำด้านรถเพื่อการพาณิชย์ระดับโลกมากว่า 8 ทศวรรษ แถลง “นโยบายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในระดับโลก และระดับประเทศ” ผ่าน “โซลูชันส์อันหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Multi-pathways to Carbon Neutrality) ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การพัฒนาพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ รวมถึงระบบการจัดการ และกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ของ Isuzu โดยคำนึงถึงความต้องการที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้รถ ควบคู่ไปกับการส่งมอบความสุขที่ยั่งยืนในการเข้าสู่สังคมความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการรับมือกับโลกยานยนต์อนาคต
สำหรับนโยบายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของ Isuzu ในประเทศไทย ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญของโลก มีการผลิตรถยนต์ต่อปีมากถึง 1.8-1.9 ล้านคัน สูงที่สุดในอาเซียน และเป็นอันดับ 10 ของโลก ซึ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ และการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเป็นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engines: ICE) เกือบทั้งหมด ในปี 2566 มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 9.73 แสนล้านบาท ซึ่งรถพิคอัพ และอนุพันธ์ในฐานะ “พโรดัคท์แชมเพียน” เป็นรถที่ส่งออกมากที่สุดถึง 786,383 คัน คิดเป็น 70 % จากรถทุกประเภท
นับจากนี้ไป Isuzu ในฐานะผู้นำรถเพื่อการพาณิชย์ของประเทศไทย พร้อมเดินหน้าสนับสนุนนโยบายรัฐบาลไทยในการมุ่งสู่สังคมที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Society) ในปี 2593 และการปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 ตลอดจนสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาคอาเซียน ด้วยแนวคิด “โซลูชันส์อันหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Multi-pathways to Carbon Neutrality)
การนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ซับซ้อน และแตกต่างจากรถยนต์นั่ง ซึ่งเราต้องพิจารณาถึงการใช้งานเชิงพาณิชย์ และส่วนตัว เราจึงพัฒนารถที่มี “โซลูชันส์อันหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Multi-pathways to Carbon Neutrality) ไม่ใช่เพียงแต่รถไฟฟ้าแบทเตอรี (BEV) หรือรถไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (FCEV) เท่านั้น แต่หมายรวมถึงพลังงานอื่นๆ เช่น การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral Fuel) กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน อาทิ น้ำมันไบโอดีเซลเจนเนอเรชันใหม่จากพืชใช้แล้ว (HVO-Hydrotreated Vegetable Oil) และน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ (e-Fuel) เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้รถ Isuzu ด้วย ซึ่งในงานนี้เราได้นำรถมาจัดแสดงถึง 4 รุ่น ได้แก่
○ Isuzu D-Max EV Concept รถพิคอัพไฟฟ้าต้นแบบ ซึ่งเป็นรถพิคอัพ 4 ประตู ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Time โดยใช้พแลทฟอร์มเดียวกันกับรถพิคอัพเครื่องยนต์ดีเซล ชุดมอเตอร์คู่ และเฟืองท้ายภายใต้ “eAxle” ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ทำงานร่วมกันทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ผสานกับช่วงล่างด้านหลังใหม่หมดแบบ De-Dion มั่นใจบนทุกสภาพถนน เหมาะสมกับการใช้งานของรถพิคอัพ สร้างดุลยภาพในการขับขี่ทั้งความนุ่มนวล และความสามารถในการบรรทุกอันยอดเยี่ยม จุดเด่น คือ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว แรงบิดรวมกัน 325 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าคู่กำลังสูง การออกแบบโครง และตัวถังที่แข็งแกร่ง ช่วยเพิ่มความสามารถในการลากจูงได้ มีแผนจะเริ่มผลิตเพื่อส่งออกอย่างเป็นทางการจากฐานการผลิตประเทศไทยในปี 2568 เนื่องจากวิธีการใช้งานของลูกค้าแตกต่างกัน รถพิคอัพไฟฟ้าต้นแบบจากซีรีส์ “Isuzu D-Max” จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าผู้ใช้รถ จะเปิดตัวในประเทศภาคพื้นทวีปยุโรปบางประเทศ เช่น นอร์เวย์ ในปี 2568 จากนั้นมีกำหนดการจะเปิดตัวในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ไทย ตลอดจนประเทศ หรือภูมิภาคอื่นๆ เป็นลำดับถัดไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด และความพร้อมของสาธารณูปโภคด้านสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
○ Isuzu D-Max Hi-Lander MHEV รถพิคอัพแบบ 4 ประตู ซึ่งเป็นระบบการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก โดยการติดตั้งแบทเตอรี 48 โวลท์ ทำหน้าที่เสริมกำลังขับเคลื่อนให้แก่เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power เพื่อลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ในช่วงออกตัว รวมถึงช่วยลดการสั่นสะเทือนในจังหวะสตาร์ทเครื่องยนต์ และช่วยลด CO2 ซึ่ง Isuzu D-Max Hi-Lander MHEV คันนี้เป็นรถทดลองประกอบเพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือกให้แก่ลูกค้าในการลด CO2 โดยรถประเภทนี้อาจจะเหมาะกับความต้องการของลูกค้าบางกลุ่ม ซึ่งเราอยู่ในระหว่างการสำรวจตลาดก่อนกำหนดแผนการจำหน่ายต่อไป
○ Isuzu Elf EV รถบรรทุกไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “Isuzu Modular Architecture and Component Standard: I-MACS” สำหรับรถบรรทุกขนาดกลาง และขนาดใหญ่ในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมการออกแบบ “Center Drive System EV” ซึ่งเป็นการออกแบบรถบรรทุกไฟฟ้าโดยเฉพาะ เนื่องจากต้องคำนึงถึงความสมดุลของการกระจายน้ำหนักรถ ระยะช่วงล้อหลัง และรัศมีวงเลี้ยวที่เหมาะสม เหมาะกับการใช้งานบรรทุกเบา วิ่งระยะสั้น อาศัยความคล่องตัว โดยใช้พแลทฟอร์มเดียวกันกับรถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อมีนาคม 2566 ในขณะเดียวกันเรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบทเตอรี (Battery Swapping System) ในระยะเวลาอันสั้นเพื่อลดระยะเวลาในการจอดเพื่อชาร์จแบทเตอรี อีกทั้งยังสามารถเลือกแบทเตอรีได้ตั้งแต่จำนวน 2-5 ก้อน เพื่อให้เหมาะกับระยะทางการขนส่ง
○ Isuzu Elf FCEV รถบรรทุกไฟฟ้าขนาดกลางเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน การพัฒนาร่วมกันระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจ ภายใต้โครงการ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT) เหมาะกับการใช้งานบรรทุกหนัก สามารถเติมเชื้อเพลิงได้รวดเร็ว และไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เป็นการเพิ่มตัวเลือกรถบรรทุกในตลาด ตอบรับกับความต้องการก้าวสู่ยุคความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยในญี่ปุ่นได้มีการวิ่งทดสอบตามการใช้งานจริงตามเมือง และประเภทการใช้งานต่างๆ จำนวน 90 คัน เมื่อเดือนมกราคม 2566 ที่โตเกียว ฟุกุชิมะ และฟุกุโอกะ ส่วนประเทศไทยได้มีการวิ่งทดสอบแล้วจำนวน 4 คัน เมื่อเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2566
กิจกรรมเพื่อสนับสนุนสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
○ การลงนามในบันทึกข้อตกลงการเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ากับกรมสรรพสามิตเพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้า Isuzu เพื่อจำหน่ายในประเทศ และเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกเหมือนเช่นที่ผ่านมา
○ การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาโครงการทดสอบรถยนต์กับพลังงานสะอาดเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ระหว่างตรีเพชรอีซูซุเซลส์ฯ, Mitsubishi Corporation ประเทศญี่ปุ่น กับ ปตท. เพื่อทดสอบรถบรรทุกไฟฟ้า Isuzu วิ่งใช้งานจริง โดยใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100 % ผ่านระบบบริหารจัดการพลังงาน ระบบชาร์จ และ EV Ecosystem ของ ปตท. และโครงการลดคาร์บอนฟุตพรินท์สำหรับรถยนต์ดีเซล โดยการทดสอบใช้ HVO น้ำมันไบโอดีเซลเจเนอเรชันใหม่จากพืชใช้แล้ว รวมทั้งร่วมกับ Mitsubishi Corporation ประเทศญี่ปุ่น ศึกษาวิจัยน้ำมัน e-fuel ซึ่งเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ช่วยลดการปล่อยแกส CO2 และสามารถใช้งานในเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยจะเริ่มวิ่งทดสอบการใช้น้ำมัน HVO ภายใต้สภาพการใช้งานจริงร่วมกับบริษัทชั้นนำของประเทศไทยตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป ซึ่ง Isuzu เชื่อว่าโครงการนี้จะทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้โดยสร้างผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน รวมถึงเครือข่ายการคมนาคมไทยน้อยที่สุด
○ นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดเพื่อมอบทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว Isuzu ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมการตลาด และการส่งเสริมการขาย ภายใต้แนวคิด “Isuzu Life Cycle Solutions” ที่ให้การสนับสนุนผู้ใช้รถ Isuzu ด้วยการนำเสนอโซลูชันส์ทั้งในด้านเทคโนโลยี และการจัดอบรมเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้งานอย่างคุ้มค่า ประหยัดพลังงาน และลดต้นทุนโดยรวม พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดตลอดอายุการใช้งาน
○ การสร้างจิตสำนึกด้านการประหยัดพลังงานในกลุ่ม Isuzu ด้วยการปรับปรุงสำนักงานเป็นอาคารประหยัดพลังงาน ติดตั้งแผงพลังงานโซลาร์เซลล์ที่โรงงานผลิต และขยายการติดตั้งในโชว์รูมทั่วประเทศ ช่วยลดการปล่อยแกส CO2 ไปแล้วกว่า 1,000 ตัน และลดอัตราการใช้ไฟฟ้าได้กว่า 50 % และอีกหลากหลายโครงการปลูกจิตสำนึกพนักงานในองค์กร เช่น โครงการแยกขยะ และโครงการปลูกป่า เป็นต้น
○ การยกระดับโครงการ “Isuzu ให้น้ำ...เพื่อชีวิต” ที่กลุ่ม Isuzu ร่วมมือกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 11 ปี โดยการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาปรับใช้ในโครงการ
ติดตามข่าวสารของ Isuzu เพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai