Advertorial
BMW จัดทัพยนตรกรรมพรีเมียม ครอบคลุมทุกระบบขับเคลื่อน ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำทัพสุดยอดยนตรกรรมพรีเมียมครอบคลุมทุกระบบขับเคลื่อน ทั้งยานยนต์ขุมพลังไฟฟ้า พลัก-อิน ไฮบริด และเครื่องยนต์สันดาป สู่งานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายน 2567 นี้ ณ อาคารอิมแพคท์ ชาลเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี
ไฮไลท์รถยนต์ BMW และ MINI
BMW i5 eDrive40 M Sport (Inspiring)
ราคาจำหน่าย: 4,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)
BMW นำเสนอ i5 eDrive40 M Sport ในรุ่นย่อย Inspiring เพิ่มตัวเลือกให้แก่รุ่นรถซีดานหรูจากตระกูล 5 Series พลังงานไฟฟ้า 100 % แห่งอนาคต มาพร้อมกับงานออกแบบส่วนหน้ารถที่เติมความสดใหม่ให้แก่กระจังหน้าทรงไตคู่ ด้วยรูปทรงที่ยื่นออกมาเด่นชัดมากขึ้นจากด้านหน้า ล้อมด้วยกรอบที่กว้างกว่าในรุ่นก่อน และตกแต่งด้วยระบบไฟ BMW Iconic Glow บริเวณกรอบ พร้อมไฟต้อนรับ 3 มิติ Light Carpet
ส่วนไฟหน้าทั้ง 2 ดวง มีหลอด LED จัดเรียงเป็นแถบในแนวตั้งเพื่อทำหน้าที่เป็นทั้งไฟเลี้ยว และไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน ส่วนด้านข้างของตัวรถ ดูโฉบเฉี่ยว และทรงพลังด้วยแนวเส้นสายที่สูงเด่น เสริมรายละเอียดด้วยลูกเล่นอย่างสเกิร์ทข้างสีดำ มือจับประตูที่เรียบสนิทไปกับพื้นผิวของประตูรถ และเลข 5 ที่ประดับอยู่บนเสา C ขณะที่ส่วนท้ายรถก็เตะตาไม่แพ้กันด้วยไฟท้ายดีไซจ์นเรียบหรู
BMW i5 eDrive40 M Sport (Inspiring) มาพร้อมกับชุดแต่ง M Sport พร้อมช่วงล่าง M Sport Suspension และล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double Spoke สีเทา แบบสลับสี ช่วยเสริมความสปอร์ท ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า BMW eDrive รุ่นที่ 5 ให้พละกำลัง 250 กิโลวัตต์/340 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร และสามารถเพิ่มกำลังขับเคลื่อนของรถได้เมื่อกดปุ่ม Boost มอบอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 6 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 193 กม./ชม. และมีระยะการขับขี่อยู่ที่ 582 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพสูงสุด ด้วยหัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟ 22 กิโลวัตต์ และการชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุดที่ 205 กิโลวัตต์ จะช่วยให้เจ้าของสามารถชาร์จไฟให้แก่แบทเตอรีของ BMW i5 eDrive40 M Sport (Inspiring) จาก 10-80 % ภายในเวลา 30 นาที
ภายในห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M ตกแต่งด้วย Crafted Clarity ที่ทำจากแก้วคริสตัล และเบาะนั่งด้านหน้าแบบ Sport พร้อมระบบปรับด้วยไฟฟ้า ขณะที่ระบบไฟส่องสว่างทั้งภายใน และภายนอกห้องโดยสาร และชุดอุปกรณ์ Travel & Comfort ก็เสริมความหรูหรา และสะดวกสบายให้ทุกการเดินทาง นอกจากนี้ ยังยกระดับความสะดวกสบายด้วยกล้องภายในรถ, แพคเกจ BMW Connected Package Professional, ระบบ Travel & Comfort และระบบช่วยเหลือการขับขี่รุ่น Plus (Driving Assistant Plus) ที่ล้ำสมัย
นอกจากนี้ ยังมีจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ BMW Head-Up Display, หน้าจอ BMW Live Cockpit Professional พร้อมหน้าจอควบคุมขนาด 12.3 นิ้ว, ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus พร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบเครื่องเสียง HiFi จากแบรนด์ Harman Kardon และฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย ไฮไลท์สำคัญก็คือ พแลทฟอร์ม Air Console ที่ให้ผู้ขับ และผู้โดยสารสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนาน กับจำนวนผู้เล่นสูงสุด 7 คน ในขณะที่ยานพาหนะจอดอยู่กับที่เพื่อให้ทุกคนยังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ด้านความบันเทิงแม้ในขณะที่กำลังจอดชาร์จรถก็ตาม
BMW i5 eDrive40 M Sport (Inspiring) มีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีดำ Black Sapphire metallic, สีขาว Mineral White metallic, สีเทา Brooklyn Grey metallic, สีน้ำเงิน Phytonic Blue metallic, สีเขียว Cape York Green metallic และสีแดง Fire Red Metallic พร้อมเบาะ Veganza สีดำ หรือน้ำตาล Espresso Brown
BMW iX2 xDrive30 M Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: 3,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ เป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบคูเป หรือ Sports Activity Coupe (SAC) ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก และนับเป็นเจเนอเรชันที่ 2 ของรถยนต์ BMW X2 ที่ผสานความหรูหรา สมรรถนะการขับขี่ และความคล่องตัว มาพร้อมกับรูปทรงที่ใหญ่ขึ้น และสปอร์ทยิ่งขึ้น
BMW iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ มาพร้อมกระจังหน้าทรงไตคู่แบบ "Iconic Glow" ที่มาพร้อมไฟส่องสว่าง ขับเน้นบุคลิกที่ดุดันของตัวรถให้เผยโฉมอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน ส่วนไฟหน้าคู่แบบใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับไฟส่องสว่างในเวลากลางวันในดีไซจ์นแบบ 4 ดวง พร้อมระบบ Adaptive LED ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย เสริมความมั่นใจในขณะเข้าโค้ง และลงตัวกับชุดแต่ง M Sport ที่มาพร้อมกับล้ออัลลอย M ขนาด 20 นิ้ว ลาย V-spoke แบบสลับสี
มาพร้อมกับเทคโนโลยี BMW eDrive รุ่นที่ 5 ด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยตัวหนึ่งที่เพลาหน้า และอีกตัวหนึ่งที่ด้านหลัง ซึ่งสร้างกำลังรวมของระบบที่ 225 กิโลวัตต์/306 แรงม้า และเมื่อใช้ฟังค์ชัน Sport Boost หรือ Launch Control จะส่งกำลังรวมสูงสุดที่ 230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 494 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 180 กม./ชม. ด้วยขุมพลังจากชุดแบทเตอรีแรงดันไฟฟ้าสูงที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถังรถ ความจุพลังงานสุทธิ 66.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งทำให้มีระยะการขับขี่ 417-449 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
รถยนต์รุ่นนี้รองรับการชาร์จแบบกระแสตรง (DC) สูงสุด 130 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จจาก 0-80 % ได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 29 นาที ในขณะที่รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC) สูงสุด 22 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100 % ในเวลา 3 ชม. 45 นาที นอกจากนั้น ยังติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistant) ซึ่งสามารถอัพเกรดให้เป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่ รุ่น Plus (Driving Assistant Plus) ผ่านทาง ConnectedDrive Store ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังค์ชัน Stop & Go ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และความปลอดภัยทั้งในแง่ของการขับขี่ในชีวิตประจำวัน และการเดินทางระยะไกลอีกด้วย ช่วงล่าง Adaptive M ยังช่วยให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสทั้งรูปแบบการขับขี่แบบสะดวกสบาย หรือสไตล์สปอร์ทอันเร้าใจ ส่วนระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ยังมอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ให้การจอดรถ และการบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
BMW iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ ยังได้รับการพัฒนาด้านระบบความบันเทิง และการสื่อสารให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ BMW Head-up Display และจอแสดงผลไวด์สกรีนผสมกับแผงหน้าปัดขนาด 10.25 นิ้ว และจอโค้ง Central Information Display ขนาด 10.7 นิ้ว ทำงานบนระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 ใหม่ล่าสุด ที่ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น ระบบเครื่องเสียง HiFi Harman Kardon และระบบแท่นชาร์จไร้สาย โดยมีให้เลือกใน 5 สีตัวถัง ได้แก่ สีเทา Brooklyn Grey, สีดำ Black Sapphire, สีขาว Alpine White, สีเขียว Cape York Green และสีแดง Fire Red
BMW 520d M Sport Pro
ราคา: 3,779,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
***ภาพสำหรับการประชาสัมพันธ์เท่านั้น รุ่นที่มาพร้อมเบาะหนังสีแดง Burgundy ในเซทรูปภาพยังไม่มีการวางจำหน่ายในประเทศไทย ณ ขณะนี้
BMW 5 Series ขุมพลังดีเซล กลับมาอวดโฉมอีกครั้งด้วยดีไซจ์นที่สดใหม่ BMW 520d M Sport Pro ใหม่ ที่เสริมความหรูหราโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ทด้วยชุดแต่ง M Sport Pro ผสมผสานกับชุดแต่ง M Aerodynamics Package, ชุดแต่งกรอบหน้าต่างสีดำเงา BMW Individual high-gloss Shadow Line และชุดแต่งระบบไฟหน้า
M Lights Shadow Line ในขณะที่ช่วงหน้ารถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แบบ "Iconic Glow" ที่มาพร้อมไฟส่องสว่างอันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW เสริมรูปลักษณ์สะกดสายตาบนท้องถนนด้วยล้ออัลลอย M สีดำ Jet Black ขนาด 20 นิ้ว ลาย Star-spoke, เบรค M Sport พร้อมคาลิเพอร์สีแดงเงา และระบบกันสะเทือน M Sport เพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ เข้ากับรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวปราดเปรียว
ภายในตัวรถของ BMW 520d M Sport Pro เพิ่มความหรูหราด้วยเข็มขัดนิรภัยสไตล์ M เฉดสี Dark Silver M ช่วยส่งเสริมความโดดเด่นให้การตกแต่งด้วยขอบ Aluminium Rhombicle พร้อมกับพื้นผิวกระจกคริสตัลแบบ Crafted Clarity บนปุ่มควบคุมสะท้อนเอกลักษณ์การตกแต่งที่หรูหรา ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน
BMW 520d M Sport Pro ยังมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ทำงานผสานกับระบบเกียร์ Steptronic 8 จังหวะ มอบกำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. พร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,500 -2,750 รตน. และยังคงเอกลักษณ์ด้วยเทคโนโลยีการลดน้ำหนักตัวถัง Intelligent Lightweight Design ตามแบบฉบับของ 5 Series แชสซีส์ที่ได้รับการปรับแต่งมาเพื่อประสิทธิภาพการกระจายน้ำหนัก ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 233 กม./ชม.
ห้องโดยสารยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ BMW Head-up Display, หน้าจอ BMW Live Cockpit Professional พร้อมหน้าจอควบคุมขนาด 12.3 นิ้ว, ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus พร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทาง ทั้งยังเพิ่มความสุนทรีย์ระหว่างการเดินทางด้วยระบบเครื่่องเสียง HiFi จากแบรนด์ Harman Kardon และฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย
BMW 520d M Sport Pro พร้อมให้เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ มีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีดำ Black Sapphire metallic, สีขาว Mineral White metallic, สีเทา Brooklyn Grey metallic, สีน้ำเงิน Phytonic Blue metallic, สีเขียว Cape York Green metallic พร้อมเบาะ Veganza สีดำ หรือน้ำตาล Espresso Brown
BMW 530e M Sport Pro
ราคา: 3,949,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW 530e M Sport Pro ใหม่ ในระบบขับเคลื่อนพลัก-อิน ไฮบริด ที่ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล ด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics Package, ชุดแต่งระบบไฟหน้า BMW Individual High-gloss Shadow Line, ชุดแต่งระบบไฟหน้า M Lights Shadow Line และช่วงหน้ารถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แบบ "Iconic Glow" ที่มาพร้อมไฟส่องสว่างอันเป็นเอกลักษณ์ ยังสร้างความโดดเด่นด้วยหลังคากระจก Panorama เสริมลุคด้วยการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยสี Dark Silver M พร้อมวัสดุตกแต่งคาร์บอนไฟเบอร์ และวัสดุสีเงิน ล้อสีเทาดำขนาด 20 นิ้ว สไตล์ M Aerodynamic และเบรคแบบ M Sport พร้อมคาลิเพอร์สี Dark Blue Metallic
ห้องโดยสารที่หรูหราโอ่อ่า เพิ่มความสบายด้วยเบาะนั่งแบบ Comfort Seat หุ้มด้วยหนัง BMW Individual Merino มอบสุนทรียะระหว่างการขับขี่ด้วยระบบเสียง IconicSounds Electric ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับเสียงการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยระบบเสียงรอบทิศทางจากแบรนด์เครื่องเสียง Bowers & Wilkins
BMW 530e จากตระกูล M Sport Pro มาพร้อมสมรรถนะอันทรงพลัง ครองใจผู้ขับขี่ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มอบพละกำลัง 220 กิโลวัตต์/299 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ผสานพลังจากโหมด Sport Boost ทำให้ BMW 530e M Sport Pro พุ่งทะยานด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 6.3 วินาที และเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 230 กม./ชม. ทั้งยังสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 108 กม. เมื่อขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ตามมาตรฐาน NEDC
BMW 530e M Sport Pro มาพร้อมเทคโนโลยี eDrive เจเนอเรชันที่ 5 พกพาแบทเตอรีขนาด 22.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่รองรับการชาร์จแบบ AC 7.4 กิโลวัตต์ โดยส่งความเร็วสูงสุดเมื่อขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนที่ 140 กม./ชม.
BMW 530e M Sport Pro พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ มีเฉดสีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีดำ Black Sapphire metallic, สีขาว Mineral White metallic, สีเทา Brooklyn Grey metallic, สีน้ำเงิน Phytonic Blue metallic, สีเขียว Cape York Green metallic พร้อมเบาะ BMW Individual Merino สีดำ/เทา Atlas หรือสีน้ำตาล Copper/เทา Atlas
ข้อเสนอพิเศษสำหรับ BMW 220i Gran Coupe M Sport
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มอบข้อเสนอพิเศษสำหรับรถยนต์สปอร์ทคอมแพคท์ ที่ตอบทุกโจทย์แห่งความคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่าง BMW 220i Gran Coupe M Sport ในราคาจำหน่ายสุดพิเศษ 1,999,000 บาท รวมแพคเกจ BSI Standard มอบการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง โดยสำหรับลูกค้าที่ทำการจอง และส่งมอบรถภายในวันที่ 30 เมษายน 2567 และทำสัญญาทางการเงินกับ BMW ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย รับฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect นานสูงสุด 2 ปี พร้อมเลือกรับข้อเสนอพิเศษต่อไปนี้*
เลือกระหว่างการผ่อนชำระต่อเดือนเพียง 19,999 บาท (เมื่อดาวน์ 25 % และทำสัญญาเช่าซื้อแบบมีบอลลูน)
หรือผ่อนชำระต่อเดือนเพียง 16,999 บาท (เมื่อดาวน์ 35 % และทำสัญญาเช่าซื้อแบบมีบอลลูน)
หรือดาวน์เพียง 199,999 บาท ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาเช่าซื้อ ฟรี ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาเช่าซื้อแบบมีบอลลูน สัญญาเช่าซื้อทางการเงิน และสัญญา Freedom Choice
BMW 220i Gran Coupe M Sport ใหม่ รุ่นประกอบในประเทศ แตกต่างไม่เหมือนใครด้วยเค้าโครงที่โฉบเฉี่ยวกว่าเคย ด้วยดีไซจ์นซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากรถยนต์คูเปรุ่นคลาสสิค เช่น กระจกประตูข้างแบบไร้กรอบทั้ง 4 ประตู ส่วนรูปลักษณ์สปอร์ทโหลดเตี้ยทรงกว้าง ในขณะที่ตัวรถด้านข้างบริเวณเสา C โดดเด่นชัดเจน พร้อมเส้นโค้งอันทรงพลังของล้อหลัง และไฟท้ายเพรียวบางที่ลาดออกในแนวนอน ควบคู่ชิ้นส่วนสีดำ High-gloss Black ไฟหน้า ไฟท้าย LED มาพร้อมตัวรถเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะที่ชุดแต่ง M Aerodynamics มาพร้อมกับบังโคลนทั้งล้อหน้า และท้าย รวมถึงแถบสเกิร์ทด้านข้างตัวรถสำหรับรุ่น M โดยเฉพาะ พร้อมกับล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว ในลาย Double-Spoke แบบสลับสี และหลังคาพาโนรามิคขนาดใหญ่ที่เปิดออกด้านนอกได้ไม่จำกัดระดับ พร้อมโหมดระบายอากาศไฟฟ้า
BMW 220i Gran Coupe M Sport ส่งตรงขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร และเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Steptronic แบบคลัทช์คู่ ด้านเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า มอบแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รตน. ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.1 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 238 กม./ชม.
ภายในห้องโดยสารของ BMW 220i Gran Coupe M Sport ยังผสมผสานความหรูหราด้วยวัสดุชั้นเยี่ยม และพื้นที่ใช้สอยที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทั้งไลฟ์สไตล์ครอบครัว และการเดินทางระยะไกล มาพร้อมแผงหน้าปัด Instrument Cluster ขนาด 10.25 นิ้ว รวมไปถึงจอสัมผัส Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว ครบครันด้วยระบบช่วยการขับขี่ Driving Assistant พร้อมระบบควบคุมความเร็วคงที่ พร้อมฟังค์ชันช่วยลดความเร็ว (Cruise Control with braking function) และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant)
MINI Cooper S Convertible Classic
ราคาจำหน่าย: 2,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา MSI Standard)
MINI Cooper S Convertible Classic มาพร้อมการออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยแถบสีขาว หรือสีดำบนฝากระโปรงหน้า พร้อมฝาครอบกระจกข้างสีดำ และขาว ซึ่งเป็นองค์ประกอบการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ MINI ทั้งยังสะดุดตาด้วยไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน และไฟท้ายสไตล์ Union Jack อันเป็นเอกลักษณ์ของ MINI เสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยล้อสีดำขนาด 17 นิ้ว ลาย Tentacle Spoke พร้อมยางรันแฟลท และยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ MINI Driving Modes และระบบปลดลอคประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่มีเสน่ห์ MINI Cooper S Convertible Classic ยังซ่อนไว้ด้วยขุมพลังแห่งสมรรถนะ กับเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร เสริมด้วยเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ส่งพละกำลังรวมสูงสุด 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รตน. และแรงบิดสูงสุดที่ 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รตน. สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 7.1 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 230 กม./ชม. ทำงานควบคู่ระบบเกียร์ Steptronic Sport 7 จังหวะ แบบคลัทช์คู่
ห้องโดยสารของ MINI Cooper S Convertible Classic มาพร้อมเบาะนั่งสีดำ Carbon Black พวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบมัลทิฟังค์ชัน ให้อารมณ์สปอร์ท แพคเกจไฟตกแต่ง (Lights Package) และไฟในห้องโดยสารได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลมัลทิฟังค์ชัน
MINI Cooper S Convertible Classic พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ พร้อมเฉดสีให้เลือก 8 สี ได้แก่ สีแดง Chili Red, สีเทา Rooftop Grey, สีฟ้า Island Blue, สีเขียว British Racing Green, สีเหลือง Zesty Yellow, สีขาว Nanuq White, สีเงิน Melting Silver และสีดำ Midnight Black
MINI Cooper S Hatch 3-Door Classic
ราคา: 2,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา MSI Standard)
สะกดทุกสายตาระหว่างการผจญภัยสุดเร้าใจบนท้องถนนด้วย MINI Cooper S Hatch 3-Door Classic รุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อรำลึกถึงรถยนต์ MINI Cooper อันโด่งดังที่ปรากฏในภาพยนตร์เกี่ยวกับการโจรกรรมสุดระทึก "The Italian Job" ที่เข้าฉายในปี 2546 และยังเป็นการระลึกถึงความสำเร็จของภาพยนตร์ต้นฉบับสัญชาติอังกฤษในชื่อเดียวกันอีกด้วย
MINI Cooper S Hatch 3-Door Classic ใหม่ มาพร้อมการออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยแถบสีขาว หรือสีดำบนฝากระโปรงหน้า ซึ่งเป็นองค์ประกอบการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ MINI สีแดง, น้ำเงิน, และสีขาว ที่ขับขี่โดยซูเพอร์สตาร์ชื่อดัง มาร์ค วอห์ลเบิร์ก, ชาร์ลิซ เธอรอน และเจสัน สเตแธม หลังคาและฝาครอบกระจกตกแต่งด้วยสีขาว หรือสีดำ สะท้อนความโดดเด่นของการออกแบบรถยนต์ MINI ที่ขี้เล่น และเปี่ยมด้วยสไตล์ ทั้งยังสะดุดตาด้วยไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน และไฟท้ายสไตล์ Union Jack อันเป็นเอกลักษณ์ของ MINI เสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยล้อสีดำขนาด 17 นิ้ว ลาย Pedal Spoke พร้อมยางรันแฟลท
ห้องโดยสารของ MINI Cooper S Hatch 3-Door Classic ใหม่ มาพร้อมเบาะนั่งสีดำ Carbon Black พวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบมัลทิฟังค์ชัน ให้อารมณ์สปอร์ท แพคเกจไฟตกแต่ง (Lights Package) และไฟในห้องโดยสารได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลมัลทิฟังค์ชัน
MINI Cooper S Hatch 3-Door Classic คันนี้มาพร้อมสมรรถนะสุดเร้าใจ เช่นเดียวกับรถยนต์ MINI ที่หลบหนีการไล่ล่าสุดระทึกใจบนจอภาพยนตร์ ขับเคลื่อนอย่างทรงพลังพร้อมควบคุมได้ดังใจสไตล์ MINI ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า มอบแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ในช่วง 1,350-4,600 รตน. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 6.7 วินาที นอกจากนี้ ยังอัดแน่นด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่สุดล้ำ และฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยมากมาย อาทิ ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control), ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Dynamic Traction Control Systems), ระบบเบรค ABS พร้อมระบบช่วยเสริมแรงเบรคอัตโนมัติ, ระบบควบคุมระยะการจอด (Park Distance Control) และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
MINI Cooper S Hatch 3-Door Classic พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ พร้อมเฉดสีให้เลือก 8 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Island Blue, สีแดง Chili Red, สีขาว Nanuq White, สีเขียว British Racing Green, สีเทา Rooftop Grey, สีเหลือง Zesty Yellow, สีเงิน Melting Silver และสีดำ Midnight Black
MINI Cooper S Clubman Multitone
ราคา: 2,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา MSI Standard)
MINI Cooper S Clubman Multitone กลับมาสร้างกระแสอีกครั้งด้วยความโดดเด่นในดีไซจ์นหลังคา Multitone Roof โดยนอกจากหลังคา Multitone สีแดงที่ได้สร้างเอกลักษณ์ไปในปีที่ผ่านมา และในครั้งนี้ก็เพิ่มตัวเลือกใหม่กับหลังคา Multitone สีน้ำเงิน Soul Blue ที่สะกดทุกสายตา สะท้อนตัวตนที่แตกต่าง และเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา หลังคาสีแดง หรือฟ้าไล่เฉด เปรียบเสมือนผลงานศิลปะชิ้นเอกที่รังสรรค์ด้วยเทคนิคการพ่นสีแบบ Wet-on-Wet ซึ่งเป็นนวัตกรรมล้ำสมัยจากสายการผลิต MINI ณ เมืองออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ผสานกับกระบวนการเคลือบสีแบบ Spray Tech ทำให้เกิดการไล่เรียงเฉดสีที่กลมกลืน และโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทั้งนี้ การไล่เฉดสีของแต่ละคันจะมีความแตกต่างกันไป เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงระหว่างกระบวนการพ่นสี หลังคา Multitone แต่ละชิ้นจึงเปรียบเสมือนงานศิลปะที่งดงาม เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งยังดึงดูดสายตายิ่งกว่าเมื่อตัดกับตัวถังสีขาว Nanuq White
MINI Cooper S Clubman Multitone ใหม่ มาพร้อมดีไซจ์นที่แตกต่างจาก MINI Cooper S Clubman Multitone Red รุ่นก่อนหน้า โดดเด่นสะดุดตาด้วยล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว ลาย Multiray Spoke และยางรันแฟลท ภายในห้องโดยสารยังคงความสปอร์ทตามแบบฉบับ MINI ด้วยเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้าสไตล์สปอร์ทสีดำ Carbon Black สอดรับกับการตกแต่งพื้นผิวด้วยสีดำ Piano Black เพิ่มความหรูหราให้ห้องโดยสารขึ้นไปอีกขั้น ด้วยพวงมาลัยหุ้มหนังแบบ Nappa ชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร และหน้าจอระบบสัมผัสแบบดิจิทอลขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบมัลทิฟังค์ชัน และฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย
MINI Cooper S Clubman Multitone มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ทำงานผสานกับเกียร์ Steptronic 7 จังหวะ ให้กำลังสูงสุดที่ 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รตน. มอบความสนุกเร้าใจตลอดการขับขี่ด้วยแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รตน. พุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 7.2 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุดที่ 228 กม./ชม. นอกจากนี้ ยังอัดแน่นด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่เพื่อความสะดวกสบายขั้นสุด เช่น ระบบควบคุมความเร็วคงที่พร้อมฟังค์ชันช่วยลดความเร็ว (Cruise Control with Braking Function), ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control), ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Dynamic Traction Control Systems), ระบบ Electronic Differential Lock Control (EDLC) รวมทั้งระบบเบรค ABS พร้อมระบบช่วยเสริมแรงเบรคโดยอัตโนมัติอีกด้วย
MINI Cooper S Clubman Highlands Edition
ราคา: 2,299,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา MSI Standard)
อีกหนึ่งรุ่นของยนตรกรรมมินิที่กลับมาในรุ่นพิเศษคือ MINI Cooper S Clubman Highlands Edition พร้อมดีไซจ์นใหม่ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามตามธรรมชาติของเขตเทือกเขาในประเทศสกอทแลนด์ นำมาซึ่งการออกแบบสุดเอกซ์คลูซีฟที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณการผจญภัยของ MINI ให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร
MINI Cooper S Clubman Highlands Edition มาพร้อมชุดแต่ง MINI ALL4 รวมถึงสัญลักษณ์ไฮแลนด์ที่โดดเด่นสะดุดตา เพิ่มความพิเศษให้แก่การออกแบบที่หรูหราเหนือระดับ MINI Cooper S Clubman Highlands Edition ได้รับการออกแบบให้มอบความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง พร้อมผจญภัยทุกหนแห่งด้วยฟีเจอร์อเนกประสงค์สุดล้ำ อาทิ ราวหลังคา, ประตูท้ายแบบอัตโนมัติ และพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุด 1,390 ลิตร ตัวถังภายนอกอวดรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวด้วยการตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black โดยดีไซจ์นให้เข้ากันอย่างกลมกลืนกับหลังคา และที่ครอบกระจก, ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว ลาย Pin Spoke พร้อมยางรันแฟลท, ไฟหน้าแบบ LED และไฟท้ายลาย Union Jack อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ MINI
ภายในห้องโดยสารประกอบด้วยเบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ทที่โอบกระชับ พร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัยที่มอบความสะดวกสบาย แต่ยังคงความสนุกมีสไตล์ตามแบบฉบับของ MINI ตั้งแต่เบาะหนังปรับไฟฟ้าสี Carbon Black, ระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารแบบปรับได้ (Ambient Lighting System), ที่วางแขนสำหรับเบาะหน้า ไปจนถึงหน้าจอกลางระบบสัมผัสแบบดิจิทอลขนาด 8.8 นิ้ว และแผงหน้าปัดแบบมัลทิฟังค์ชัน
MINI Cooper S Clubman Highlands Edition มอบสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ซึ่งเป็นที่นิยม มอบพละกำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รตน. ส่งแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รตน. เมื่อผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Steptronic แบบคลัทช์คู่ สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 224 กม./ชม. และเร่งความเร็วถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 7.4 วินาที
MINI Cooper S Clubman Highlands Edition พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ พร้อมเฉดสีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเขียว Sage Green, สีขาว Nanuq White, สีเงิน Melting Silver และสีเทา Rooftop Grey
ข้อเสนอสุดพิเศษจาก BMW ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45
ของที่ระลึกพิเศษจากการจองรถในงาน ลูกค้าที่จองในงานรับสิทธิ์ รถโมเดลจาก BMW 1 คัน และร่มจาก BMW ไฟแนนเชียล เซอร์วิส
BMW 2 Series พร้อมแพคเกจบำรุงรักษา BSI Standard ในราคา 1.999 ล้านบาท
เลือกระหว่าง การผ่อนชำระต่อเดือนเพียง 19,999 บาท หรือดาวน์เพียง 199,999 บาท
ฟรี ! ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) นานสูงสุด 2 ปี
ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง M Performance สำหรับ BMW 520d M Sport ราคา 55,555 บาทเท่านั้น จากราคาปกติ 240,029 บาท (ไม่รวมภาษี และค่าติดตั้ง) จำกัดแค่ 20 ชุด !
ผู้สนใจต้องทำการจองผ่านช่องทางออนไลน์*
ฟรี ! ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) นานสูงสุด 3 ปี และแพคเกจบำรุงรักษา BSI Ultimate นานสูงสุดถึง 6 ปี*
แพคเกจบำรุงรักษา BSI Ultimate นานสูงสุดถึง 5 ปี สำหรับรถยนต์เบนซิน/ดีเซล และรถยนต์แบบพลัก-อิน ไฮบริด และนานสูงสุดถึง 6 ปี สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 %