ธุรกิจ
Nissan ประกาศแผนธุรกิจ The Arc เพื่อขับเคลื่อนคุณค่า
โยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น-บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด เปิดตัวแผนธุรกิจ The Arc เพื่อขับเคลื่อนมูลค่า และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน แผนดังกล่าวมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงรุกในวงกว้าง เพิ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า แสวงหาแนวทางใหม่ๆ ในด้านวิศวกรรม และการผลิต ตลอดจนการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ และอา ศัยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มยอดขายทั่วโลก และพัฒนาความสามารถในการทำกำไร
แผนดังกล่าวจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างแผนการเปลี่ยนแปลงธุรกิจของ Nissan Next ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี งบประมาณ* 2020 ถึงปีงบประมาณ 2023 และ Nissan Ambition 2030 ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ระยะยาวของบริษัท แผนใหม่นี้แบ่งออกเป็นความจำเป็นระยะกลางสำหรับปีงบประมาณ 2024-2026 และการดำเนินการระยะกลางถึงระยะยาวที่จะดำเนินการจนถึงปี 2030
มาโกโตะ อุชิดะ ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nissan (Makoto Uchida-Nissan President and Chief Executive Officer) กล่าวว่า แผนธุรกิจ The Arc จะแสดงถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และความสามารถของ Nissan ในการดำเนินงานในสภาวะตลาดที่เปลี่ยนไป แผนดังกล่าวจะทำให้เราสามารถขับเคลื่อนคุณค่า และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น และเร็วขึ้น เมื่อต้องเผชิญกับความผันผวนที่รุนแรงของตลาด Nissan กำลังดำเนินการอย่างเด็ดขาดตามแผนใหม่นี้เพื่อให้มั่นใจว่าเกิดการเติบโต และให้ผลกำไรที่ยั่ง ยืน
ภายใต้แผนซึ่งประกอบด้วยสององค์ประกอบหลัก Nissan จะเริ่มต้นด้วยการดำเนินการตามกลยุทธ์ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับแต่ละภูมิภาค เพื่อเพิ่มยอดขาย และเตรียมพร้อมไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาปในสัดส่วนที่สมดุลกัน ด้วยการเพิ่มยอดขายในตลาดหลัก รวมถึงวินัยทางการเงิน ด้วยความคิดริเริ่มเหล่านี้ Nissan ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายต่อปีให้ถึง 1 ล้านคัน และเพิ่มอัตรากำไรจากการดำเนินงานให้มากกว่า 6 % ทั้งสองอย่างภายในสิ้นปีงบประมาณ 2026 ถือเป็นการปูทาง
สำหรับส่วนที่ 2 ของแผนงานที่มุ่งส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปเป็นการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และตระหนักถึงการเติบโตที่มีผลกำไรในระยะยาว โดยได้รับการสนับสนุนจากความร่วมมือที่ชาญฉลาด รวมถึงความสามารถในการแข่งขันด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น นวัตกรรมที่แตกต่าง และช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆ ภายในปีงบประมาณ 2030 Nissan มองเห็นศักยภาพในการสร้างรายได้ 2.5 ล้านล้านเยน จากโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สมดุล
Nissan วางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 30 รุ่นในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยในจำนวนนี้จะเป็นรุ่นที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า (EV) 16 รุ่น และรุ่นเครื่องยนต์สันดาป (ICE) 14 รุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายในตลาดที่มีความเร็วของการใช้ระบบไฟฟ้าในการขับเคลื่อนที่ต่างกัน Nissan วางแผนที่จะเปิดตัวรถ ยนต์ไฟฟ้า 34 รุ่นในช่วงระหว่างปีงบประมาณ 2024-2030 เพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม โดยคาดว่าจะมีสัด ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าถึง 40 % ทั่วโลกภายในปีงบประมาณ 2026 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 60 % ภายในสิ้นทศวรรษนี้
สร้างความเชื่อมั่นในการเติบโตของตลาดผ่านกลยุทธ์ที่ปรับให้เหมาะสมกับระดับภูมิภาค
ในภูมิภาค และตลาดที่สำคัญ การดำเนินการของ Nissan ภายในปีงบประมาณ 2026 (เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น) รวมถึง:
ตลาดอเมริกา:
· เพิ่มยอดขายในภูมิภาค 330,000 คัน (ในปีงบประมาณ 2026 และเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2023) และลง ทุนมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐด้านการบูรณาการประสบการณ์ลูกค้า
· ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา: เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งหมด 7 รุ่น
· ในสหรัฐอเมริกา: ปรับโฉมกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นสัดส่วน 78 % สำหรับแบรนด์ Nissan และเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ E-Power และเครื่องยนต์แบบพลัก-อิน ไฮบริด
ตลาดจีน:
· ปรับโฉมรถยนต์แบรนด์ Nissan เป็นสัดส่วน 73 % และเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) 8 รุ่น ซึ่งในจำนวนนี้รวมรถยนต์แบรนด์ Nissan 4 รุ่น
· ตั้งเป้ายอดขาย 1 ล้านคันในปีงบประมาณ 2026 ซึ่งเพิ่มขึ้น 200,000 คัน
· เริ่มส่งออกรถยนต์ในปี 2568 วางเป้าหมายที่ 100,000 คัน
· เพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิตร่วมกับพันธมิตรในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง
ตลาดญี่ปุ่น:
· ปรับโฉมเป็นสัดส่วน 80 % ของกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล พร้อมเปิดตัว 5 รุ่นใหม่
· วางเป้าหมายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 70 % ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
· เพิ่มยอดขาย 90,000 คัน (เทียบกับปีงบประมาณ 2023) เป็น 600,000 คันในปีงบประมาณ 2026
ตลาดแอฟริกา ตะวันออกกลาง อินเดีย ยุโรป และโอเชียเนีย:
· เพิ่มยอดขายระหว่างภูมิภาค 300,000 คัน (ในปีงบประมาณ 2026 และเทียบกับปีงบประมาณ 2023)
· ในยุโรป: เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 6 รุ่น; บรรลุสัดส่วนยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟ ฟ้าถึง 40 %
· ในตะวันออกกลาง: เปิดตัวรถ SUV ใหม่ทั้งหมด 5 รุ่น
· ในอินเดีย: เปิดตัว 3 รุ่นใหม่ และส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางการส่งออกในระดับ 100,000 คัน
· ในโอเชียเนีย: เปิดตัวรถกระบะ 1 ตัน และรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม C Segment Crossover EV
· ในแอฟริกา: เปิดตัวรถ SUV รุ่นใหม่ 2 รุ่น และขยายไปในรุ่นในกลุ่ม A-Segment
ความสามารถในการแข่งขันของรถยนต์ไฟฟ้า
กลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์เชิงรุกได้รับการสนับสนุนจากแนวทางการพัฒนา และการผลิตรูปแบบใหม่ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่จับต้องได้ และมีศักยภาพในการเพิ่มผลกำไร ด้วยการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในแบบ “ครอบครัว” ที่จะการบูรณาการระบบส่งกำลัง ร่วมกับการผลิตแบบโมดูลาร์ในยุคหน้า (Next-Generation Modular Manufacturing) การจัดซื้อร่วมกันแบบกลุ่ม และนวัตกรรมของแบทเตอรี Nissan ตั้งเป้าลดต้นทุนของรถยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชันหน้าลง 30 % (เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้า Nissan รุ่น Ariya รถยนต์เอสยูวีครอสส์โอเวอร์รุ่นปัจจุบัน) และบรรลุ ความเท่าเทียมในด้านต้นทุนระหว่างรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์เครื่องยนต์สัน ดาปภายในปีงบประมาณ 2030
การพัฒนารถยนต์ 1 รุ่นหลักจะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์รุ่นย่อยต่อๆ ไป ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยใช้ยานพาหนะหลักจะลดลง 50 % ความแปรผันของชิ้นส่วนตกแต่งลดลง 70 % และระยะเวลาในการพัฒนาลดลง 4 เดือน การใช้การผลิตแบบโมดูลาร์จะทำให้สายการผลิตยานพาหนะสั้นลง ส่งผลให้เวลาในการผลิตต่อคันลดลงถึง 20 %
ภายใต้แผน Arc โรงงานผลิตหลายแห่งในญี่ปุ่น และต่างประเทศจะนำแนวคิดโรงงานอัจฉริยะของ Nissan มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานในโอปามา และ Nissan Motor คิวชู ในญี่ปุ่น โรงงานซันเดอร์แลนด์ใน สหราชอาณาจักร และโรงงานแคนตัน และสเมอร์นา ในสหรัฐอเมริกา จะเริ่มใช้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2026 ไปจนถึงปีงบประมาณ 2030 ในขณะเดียวกัน แนวทางการผลิตแบบ EV36Zero จะถูกขยายจากซันเดอร์แลนด์ในสหราชอาณาจักรไปยังโรงงานต่างๆ รวมถึงแคนตัน เดเชอร์ด และสเมอร์นา ในสหรัฐอเมริกา และโทชิกิ และคิวชู ในญี่ปุ่นตั้งแต่ปีงบ ประมาณ 2025-2028
เทคโนโลยีใหม่
แผนดังกล่าวประกอบด้วยข้อเสนอเพื่อเร่งการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ เช่น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Pro Pilot ยุคถัดไป ซึ่งทำให้เกิดเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติแบบ Door-to-Door ตั้งแต่บนทางหลวงไปจนถึงนอกทางหลวง พื้นที่ส่วนตัวรวมถึงที่จอดรถ
Nissan จะนำเสนอแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนแบบ NCM, LFP และแบทเตอรีโซลิดสเตท ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน Nissan จะปรับปรุงแบทเตอรีลิเธียม*ไอออน NCM อย่างมีนัยสำคัญ โดยลดเวลาในการชาร์จลง 50 % และเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานขึ้น 50 % เมื่อเทียบกับที่ใช้ใน Nissan Ariya แบทเตอรี LFP ที่จะพัฒนา และผลิตในญี่ ปุ่น จะถูกนำมาใช้โดยจะลดต้นทุนลงถึง 30 % เมื่อเทียบกับรถยนต์ขนาดเล็กอย่าง Nissan Sakura รถยนต์ไฟ ฟ้ามีนีแวนขนาดเล็ก พร้อมแบทเตอรี NCM li-ion, LFP และ All-Solid-State ที่ได้รับการปรับปรุงจะเปิดตัวในปีงบประมาณ 2028
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์
Nissan จะใช้ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และนำเสนอผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งเทคโนโลยีระดับโลก และจะยังคงสานต่อความร่วมมือกับ Renault และ Mitsubishi Motors ในยุโรป ลาติน อเม ริกา อาเซียน และอินเดีย ในประเทศจีน Nissan จะใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในจีน และที่อื่นๆ และสำรวจความร่วมมือใหม่ๆ ในญี่ปุ่น สำหรับแบทเตอรีของสหรัฐอเม ริกาจะได้รับการพัฒนา และจัดหาร่วมกับพันธมิตรเพื่อนำมาซึ่งกำลังการผลิตขนาด 135 กิกะวัตต์ชั่วโมงทั่วโลก
วินัยทางการเงินเพื่อส่งมอบผลงานที่ยืดหยุ่น และทำกำไรได้
รากฐานของแผนนี้ คือ วินัยทางการเงินที่มั่นคง ซึ่งช่วยให้อัตราส่วนการลงทุนส่วนของค่าใช้จ่ายในการลงทุน (Capital Expenditure*CAPEX) และค่าวิจัย และพัฒนา (R&D) ที่มีเสถียรภาพ เทียบกับรายได้สุทธิระหว่าง 7-8 % โดยไม่รวมการลงทุนด้านความจุของแบทเตอรี นอกจากนี้ Nissan ยังวางแผนที่จะลงทุนมากกว่า 4 แสนล้านเยน ในด้านความจุของแบทเตอรี ในขณะเดียวกัน การลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมีสัด ส่วนมากกว่า 70 % ภายในปีงบประมาณ 2026
โดยการจัดการการลงทุนเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อให้ผลประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัททั้งหมด โดย Nissan จะรักษากระแสเงินสดอิสระต่อกิจการ หรือ Free Cash Flow (ที่เป็นบวกก่อนการควบรวมกิจการ แม้ภายหลังการลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้าแล้วก็ตาม ทั้งนี้เพื่อรักษาผลตอบแทนรวมของผู้ถือหุ้นที่มากกว่า 30 % Nissan ตั้งเป้าที่จะรักษาเงินสดสุทธิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมที่ 1 ล้านล้าน เยนตลอดระยะเวลาของแผน The Arc
“ภายใต้แผนงานที่ครอบคลุมนี้ เราจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ Nissan และบรรลุผลกำไรที่มีความยั่งยืน” อุชิดะ กล่าวเสริม “Nissan มั่นใจว่าเรามีทรัพยากรเพียงพอในการดำเนินงานตามแผน ซึ่งจะทำให้เรามีรากฐานที่มั่นคงที่เชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ Nissan Ambition 2030 ของเรา”
*ปีงบประมาณของ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-31 มีนาคม