Cintinental Automotive Bangkok และคอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย)ฯ ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมเทค โนโลยียานยนต์ และยางรถยนต์ระดับโลกจากเยอรมนี มุ่งพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ของยางรถยนต์ ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อนำเสนอโซลูชันที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานของผู้ขับขี่รถ ยนต์ไฟฟ้าในทุกมิติ
Mr. Karel Kucera กรรมการผู้จัดการ คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า สิ่งที่ Continental ให้ความสำคัญในการผลิตยางรถยนต์เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ได้แก่ ความปลอดภัย ความยั่งยืน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงนวัตกรรมที่ทันสมัย เพราะยางรถยนต์ถือเป็นธุรกิจที่แปรผันตรงกับอุตสาห กรรมรถยนต์ ดังนั้น การจับตามองทเรนด์ความต้องการของผู้บริโภคในอุตสาหกรรมนี้จึงถือเป็นโจทย์หลักของเราที่จะนำมาพัฒนานวัตกรรมยางรถยนต์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นทเรนด์ที่มาแรง และสร้างความตื่นตัวให้กับเหล่าค่ายรถต่างๆ อ้างอิงได้จากงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ในขณะนี้ ที่มีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายรถที่เคยผลิตรถยนต์สันดาป รวมถึงมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเข้าร่วมงานมากมายที่เลือกใช้ยาง Continental เช่น Rolls Royce, Mercedes-Benz, BMW, Mini, Audi, KIA, Honda, Nissan, BYD, GWM, MG รวมถึงแบรนด์ใหม่อย่าง Zeekr, Avatr และ Vinfast เป็นต้น
โดยภายในงานมีรถยนต์หลายรุ่นเลือกใช้ยาง Continental เป็นยางที่ประกอบจากโรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มรถยนต์อีวี ทั้งรุ่นปัจจุบัน และรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวไม่น้อยกว่า 20 รุ่น ล้วนเจาะจงเลือกใช้ ยาง Continental เพื่อสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมในการขับขี่
ปีนี้ Continental ได้นำเสนอยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์รถยนต์ไฟฟ้าถึง 4 รุ่น
1. Conti Eco Contact 6 ยางที่ให้อัตราการหมุนได้ดียิ่งขึ้น ขับขี่ได้ระยะทางมากกว่าเมื่อเทียบกับยางทั่วไป และเป็นรุ่นที่ค่ายรถยนต์ชั้นนำเลือกใช้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
2. Conti Max Contact 7 ยางสปอร์ทที่จะเปลี่ยนการขับขี่ประจำวันให้เป็นความสนุกยิ่งขึ้น พร้อมรองรับแรงบิดของรถแบบ EV ได้เป็นอย่างดี ให้ทุกการออกตัว และการเบรค คือ ความมั่นใจ
3. Conti Sport Contact 7 ขีดสุดแห่งยางสปอร์ทที่รถอีวีระดับพรีเมี่ยมเลือกใช้ สามารถใช้ได้ทั้งบนถนนทั่วไปและในสนามแข่ง ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม และเป็นยางที่ได้รับรางวัลมากมายจากสื่อยานยนต์ชั้นนำ
เร็วๆ นี้ เตรียมพบกับยางรุ่นใหม่ล่าสุด Conti EContact ยางที่ถูกออกแบบเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ พร้อมนวัตกรรมพิเศษอย่าง ContiSeal ที่จะช่วยอุดรอยรั่วได้ทันที ตอบโจทย์รถยนต์ไฟฟ้ายุคปัจจุบันที่ไม่มียางอะ ไหล่ติดตั้งมา
อย่างไรก็ตาม ยางรถยนต์ Continental ทุกรุ่นสามารถรองรับการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มสมรรถนะ ทั้งในด้านความทนทานต่อแรงบิด การรองรับน้ำหนัก เพิ่มการยึดเกาะกับพื้นถนน และยังช่วยลดแรงต้านทำให้วิ่งได้ไกลมากขึ้น นอกเหนือจากคุณสมบัติอันโดดเด่นเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความปลอดภัยในทุกเส้นทางแล้ว Continental ยังให้ความสำคัญในเรื่องของความยั่งยืน ภายใต้แนวคิดกระบวนการผลิตแบบ Conti Green Concept ที่นำเอาของเหลือทิ้งทางการเกษตร โพลีเอสเตอร์จากขวด PET รีไซเคิล และวัตถุดิบหมุน เวียนรีไซเคิลอื่นๆ มาผลิตเป็นยางรถยนต์ในรุ่น Ultra Contact NXT ซึ่งถือว่าเป็นยางรถยนต์รุ่นแรกของโลกที่ผลิตจากวัสดุหมุนเวียน และให้ประสิทธิภาพได้เต็มสมรรถนะเช่นเดียวกันกับรุ่นอื่นๆ ยิ่งเป็นการตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมยางรถยนต์ด้านความยั่งยืนของ Continental
ส่งเสริมธุรกิจทุกภาคส่วน สู่เป้าหมายแห่งการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ และยางรถ ยนต์ในกลุ่มอีวี
ไม่เพียงแต่การพัฒนานวัตกรรมกลุ่มยางรถยนต์เท่านั้น Continental ยังเดินหน้ายกระดับธุรกิจอื่นๆ ในทุกภาคส่วนภายใต้หลังคาเดียวกัน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีด้านยานยนต์ และกลุ่มธุรกิจ Contitech (กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางทางเทคนิค และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพลาสติค) โดยการผลิตชิ้นส่วนอื่นๆ ที่เป็นส่วนประกอบในรถยนต์ไฟฟ้าให้ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของผู้ขับขี่ เช่น คาลิเพอร์เบรค “Green Caliper” เพื่อตอบสนองรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความต้องการหลายด้าน ทั้งการลดการใช้พลังงาน การยืดระยะทางการขับขี่ และการลดแรงเสียดทานของผ้าเบรคกับดิสค์เบรค นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเซนเซอร์รุ่นใหม่ 2 ตัวสำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ได้ แก่ Current Sensor Module (CSM) และระบบ Battery Impact Detection (BID) โดยมุ่งเน้นไปที่การปกป้องและรักษาประสิทธิภาพแบทเตอรีในรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
“ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตนี้ได้ส่งผลกระทบทางบวกต่อสังคมไทยในหลายด้าน แน่นอนว่าในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องย่อมเกิดความท้าทายเพิ่มขึ้น เราพร้อมสนับสนุน EV Ecosystem ในประเทศไทย ตามเป้าหมายของนโยบาย 30@30 ในการผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (ZEV: Zero Emission Vehicle) ได้อย่างน้อย 30 % ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในปี พศ. 2573 Continental มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ในทุกกลุ่มธุรกิจให้ตอบสนองต่อการใช้งานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ และเรายังมีเป้าหมายที่จะบรรลุสัดส่วนของวัตถุดิบที่ยั่งยืน 100 % ในกระบวนการผลิตรถยนต์ให้ได้ภายในปี พศ. 2593 เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมแห่งการใช้พลังงานสะอาด และลดการปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้อย่างยั่ง ยืน”